ตอนที่ 11 ให้มาหมดแบบนี้จะเอาที่ไหนใช้

1433 Words
สิ้นเสียงของแขกที่มา ทับทิมรีบเปิดประตูเดินออกจากห้องพร้อมถือกระเป๋าใส่กล่องกับข้าวมาสวมกอดเอวคนตัวสูงจากทางด้านหลังทันที ธรรศภาคย์มองลงตามแขนเรียวเล็กแล้วค่อยๆ แกะมันออก หันกลับไปเผชิญหน้าทับทิมที่มีส่วนสูงเพียงไหล่ของเขาเท่านั้น "กลับลงไปได้แล้วครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อเช้าครับ" "อร่อยไหมคะ พอจะเป็นแม่บ้านให้ผอ.ได้ไหมคะ" หากเขาชอบเธอพร้อมยกขบวนขันหมากไปสู่ขอ แต่ลืมไป ไม่มีเงิน! ค่าตัวผอ.ภาคย์คงแพงน่าดู แต่อีทับทิมจะกู้ กู้เงินเอามาสู่ขอผู้ชาย อิอิ "อร่อยครับ" พยายามไม่เอามาใส่ใจเมื่อรู้เนื้อแท้ว่าทับทิมเป็นคนแบบนี้แหละ ห้ามไปก็เท่านั้น ทำทับทิมดี๊ด๊าดีใจเมื่อเขาชมฝีมือเธอ "เดี๋ยวพรุ่งนี้ทำมาให้อีกนะคะ" "ไม่เอาดีกว่าครับ รบกวนคุณเปล่าๆ" "รบกวนอะไรกันคะ คนเป็นสามีภรรยากัน เอ๊ย! หนูเป็นเด็กของผอ.นะคะ หนูก็ต้องเอาอกเอาใจผอ.สิคะถึงจะถูก" "ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกครับ" ธรรศภาคย์เดินไปนั่งลงเก้าอี้ทำงาน ทับทิมก็ตามมานั่งลงที่ตักในท่าหันข้างทันทีพร้อมมือโอบรอบต้นคอเขา มองมือหนาเปิดลิ้นชักแล้วหาอะไรบางอย่างในนั้น จนเขานำมายื่นให้เธอ พบว่ามันเป็นบัตรแข็งสีขาวใบหนึ่ง "อะไรคะ" "บัตรเครดิตครับ อยากได้อะไรก็เอาไปรูด" ถึงไม่ใช่แบบไม่จำกัดวงเงิน แต่ก็ใช้จ่ายได้ถึงหกหลักอยู่ เขาจะหมั่นเทียวดูหากทับทิมไม่พอใช้จริงๆ จะไปเพิ่มวงเงินให้ "หูยยยย ใจดีจังเลยค่ะ" ทับทิมไหว้ลงตรงอกเขางามๆ "ขอบคุณมากนะคะ แต่หนูขอไม่รับได้ไหมคะ" "ทำไมครับ" "ผอ.จะให้หนูเอาไปรูดที่ไหนคะ" หน้าฮ้านหมอลำงี้เหรอ เธอได้โดนด่ามาพอดี "ห้างไงครับ คุณไม่ไปเดินห้างซื้อของหรือไง" ทับทิมส่ายหัว ถึงบุคลิกเธอจะเป็นแบบนี้ เหมือนคนช็อปปิ้งไปวันๆ แต่เชื่อไหมเธอไม่เคยไปเดินห้างเลยสักครั้ง มาเรียนแล้วก็กลับ นอกจากไปเที่ยวดูหมอลำก็ไม่ได้ไปไหนอีกเลย ธรรศภาคย์นิ่งคิด ก่อนจะยัดบัตรเครดิตกลับคืนในลิ้นชักแล้วล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา "เบอร์พร้อมเพย์คุณอะไรครับเดี๋ยวผมโอนให้" "ไม่มีค่ะ" ผอ.หนุ่มมองหน้าทับทิมนิ่ง และทับทิมก็พอมองออกว่าเขาคิดยังไง "หนูพูดจริงๆ ค่ะไม่ได้โกหก หนูไม่เคยมีบัญชีธนาคารเลยค่ะ ไม่มีบัตรกดเงินสด ไม่เคยมีอะไรแบบนั้นด้วยค่ะ" "แล้วทุกวันนี้คุณใช้ตังค์ยังไงครับ" "เงินสดค่ะ" ผอ.หนุ่มพยักหน้าก่อนจะล้วงกระเป๋าสตางค์ในกางเกงตัวเองออกมา หยิบแบงก์สีเทาที่มีทั้งหมดวางใส่ในมือของทับทิม "ผอ.ให้หนูทำไมคะ" หญิงสาวทำหน้างง กะด้วยสายตาประมาณหนึ่งหมื่นบาทได้ "เอาไปใช้ก่อนครับ ปกติผมไม่ค่อยชอบพกเงินสดเลยมีเท่านี้ เดี๋ยววันหลังผมกดมาให้อีกก็แล้วกัน" ด้วยความที่เขาอยู่ในตัวอำเภอจึงค่อนข้างสะดวกสบายแม้ไม่มีเงินสดในมือ จึงไม่จำเป็นต้องกดออกมาทีละเยอะๆ เพราะเน้นใช้บัตรเครดิตรูดแทน "แล้วให้หนูมาหมดแบบนี้ผอ.จะเอาที่ไหนใช้คะ" เธอเห็นเขาดึงออกมาซะเกลี้ยงกระเป๋าเลย แต่เอ๊ะ ไม่เกลี้ยง เพราะเห็นมีแบงก์ยี่สิบหลงเหลืออยู่หนึ่งใบ "ผมเอาตัวรอดได้ครับ" "ขอบคุณมากนะคะผอ." ทับทิมซึ้งใจไหว้ลงบนอกของเขาอีกที คนตัวสูงวางมือลงบนแผ่นหลังเล็กเบาๆ ทว่าพอรู้ตัวรีบดึงมือกลับทันที "คราวนี้ลงไปได้แล้วนะครับผมจะทำงาน" "ลงไปก็ได้ค่ะ แต่ผอ.ยังไม่บอกเลยว่าพรุ่งนี้เช้าอยากทานอะไร" "ไม่เป็นไรครับ" "งั้นหนูไม่เอาตังค์ค่ะ" ทำท่าจะยัดเงินกลับมือเขาทว่าได้ยินประโยคจากปากเขาบอกมาก่อน "ทำอะไรมาก็ได้ครับผมทานได้หมด" "โอเคค่ะ งั้นตอนเที่ยงเจอกันนะคะเดี๋ยวหนูขึ้นมาหา" "อย่าดีกว่าครับ ช่วงเที่ยงคนเยอะ" เขากลัวจะมีคนมารู้เห็นในสักวัน "งั้นเย็นนี้ไปส่งหนูที่บ้านหน่อยได้ไหมคะ นะน้า..ไปส่งหนูหน่อยนะคะ หนูอยากให้ผอ.ไปส่งอีกค่ะ สัญญาว่าถ้าผอ.ไปส่งหนูที่บ้าน เที่ยงนี้จะไม่ขึ้นมารบกวนเลยค่ะ" "แต่ผมกลับค่ำนะครับ" เขาคงรอให้คณะอาจารย์กลับก่อน บอกแล้วว่าตัวเองก็ไม่ต่างจากภารโรง อยากอยู่ดูความเรียบร้อยของวิทยาลัยเป็นคนสุดท้าย "ค่ำแค่ไหนก็จะรอค่ะ" ธรรศภาคย์พยักพเยิดหน้า ทับทิมโอบรอบคอเขาหอมแก้มซ้ายขวาอีกครั้งเพื่อเติมกำลังใจให้ตัวเองก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานของเขาไป เที่ยงวันผอ.หนุ่มเดินลงไปหาหลานชายที่ยืนรออยู่ด้านล่างของตัวตึก ธนาสอนเสร็จไม่กลับขึ้นมาห้องทำงานเพราะไม่มีอุปกรณ์อะไรติดมือไปเยอะนอกจากหนังสือเล่มเดียว สองอาหลานเดินผ่านตัวอาคารที่มีนักศึกษานั่งกันค่อนข้างเยอะ และทุกครั้งมักจะตกเป็นเป้าสายตาอยู่เสมอ ถึงไม่ใช่พ่อลูก แต่มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกัน รวมทั้งเรื่องของผิวพรรณและหน้าตาไม่ทิ้งห่างความหล่อกันไปไกล ทว่าสิ่งที่แตกต่างชัดๆ พอจะมองออกได้ว่าใครเป็นใครคือโทนสีของการแต่งตัว ผอ.หนุ่มจะคุมโทนมืด ส่วนหลานชายจะคุมโทนสว่าง อาจารย์หนุ่มจะมีใบหน้าและสายตาที่แพรวพราวมากกว่าผู้เป็นอาซึ่งมีใบหน้าเรียบเฉย ดีใจเสียใจก็หน้าเดียว ส่วนความสูงไล่เลี่ยเพราะห่างกันเพียงไม่กี่เซ็น ดูโดดเด่นทั้งคู่ "ผอ. รองผอ. กินอะไรดีคะวันนี้" ถึงร้านขายข้าวแม่ครัวในชุดสีขาวสะอาดตาก็ถามมาทันที อาหลานคู่นี้หล่อไม่แพ้กันจริงๆ อีกคนแพรวพราวขี้เล่น อีกคนก็นิ่งขรึม ทว่าโดนใจทั้งคู่ ได้เห็นหน้าทีไรโลกกลายเป็นสีชมพู "ผมเอาผัดเปรี้ยวหวานกับไข่เจียวครับ" ธนาบอกก่อน ทำท่าจะเดินไปนั่งรอที่โต๊ะทว่าผอ.หนุ่มกลับจับแขนหลานชายเอาไว้ "ได้ค่ะ แล้วผอ.ล่ะคะ" หันมาถามผู้อำนวยการของวิทยาลัยบ้าง "ผมเอาแกงเขียวหวานกับผัดวุ้นเส้นครับ เก็บเงินที่ธนาได้เลยนะครับ" "ฮะ" เงินค่าอาหารไม่กี่สิบบาทก็ต้องให้เขาเลี้ยงเหรอ เป็นตั้งผอ.เงินเดือนสูงสุดเลยนะเอาเงินไปไว้ที่ไหนหมด "ยืมก่อน วันนี้ช็อต" ธนาขมวดคิ้ว ก่อนจะล้วงแบงก์ร้อยออกมาจากในกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นจ่ายทั้งของเขาและของอาไป "นั่งรอที่โต๊ะได้เลยนะคะเดี๋ยวป้าเอาไปเสิร์ฟค่ะ" "ขอบคุณครับ" ธนาตอบรับแล้วเดินมานั่งกับอาที่เดินมาถึงก่อน ถึงจะเป็นคณะอาจารย์แต่ไม่ได้แบ่งแยกที่นั่งกินข้าวกับนักศึกษาว่าต้องกินคนละที่ ที่ไหนว่างก็นั่ง และอาจารย์ทุกคนที่มาทานข้าวที่โรงอาหารก็เหมือนกัน ใช้ชีวิตไม่ต่างจากนักศึกษาทั่วไป ธรรศภาคย์มักจะชวนหลานชายมาฝากท้องที่นี่บ่อยๆ แทนการออกไปกินข้างนอก ก็เพราะต้องการทราบว่าอาหารแต่ละวันเป็นอย่างไร รสชาติดีไหม ถูกสุขอนามัยดีหรือเปล่า เอาอกเอาใจแค่คณะอาจารย์แล้วละเลยนักศึกษาไหม หรือว่าใส่ใจทุกคนอย่างเท่าเทียม การที่ทั้งคู่มากินได้ทุกวันนั่นก็เป็นการกรองอย่างหนึ่งเพื่อนักศึกษาแล้ว หากพวกเขาได้กินอาหารดีๆ นักศึกษาก็ต้องได้กินของดีตาม การจะทำให้วิทยาลัยเอกชนดำเนินต่อไปได้ และยังคงเอาไว้ซึ่งชื่อเสียง นอกจากเรื่องการศึกษาก็ต้องใส่ใจเรื่องความเป็นอยู่ ดูว่าใส่ใจแต่คนอื่นจนลืมใส่ใจตัวเอง จนคนเป็นพ่อแซวมาตลอดว่าทำงานหนักจนไม่มีเวลาหาความสุขใส่ตัว จะเรื่องอะไร ก็ไม่พ้นเรื่องลูกเมีย ยิ่งหลานชายแต่งงานก่อนคนเป็นอาแล้วด้วย ธรรศภาคย์ยิ่งโดนกดดัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD