สิ้นเสียงของแขกที่มา ทับทิมรีบเปิดประตูเดินออกจากห้องพร้อมถือกระเป๋าใส่กล่องกับข้าวมาสวมกอดเอวคนตัวสูงจากทางด้านหลังทันที
ธรรศภาคย์มองลงตามแขนเรียวเล็กแล้วค่อยๆ แกะมันออก หันกลับไปเผชิญหน้าทับทิมที่มีส่วนสูงเพียงไหล่ของเขาเท่านั้น
"กลับลงไปได้แล้วครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อเช้าครับ"
"อร่อยไหมคะ พอจะเป็นแม่บ้านให้ผอ.ได้ไหมคะ"
หากเขาชอบเธอพร้อมยกขบวนขันหมากไปสู่ขอ
แต่ลืมไป ไม่มีเงิน! ค่าตัวผอ.ภาคย์คงแพงน่าดู
แต่อีทับทิมจะกู้ กู้เงินเอามาสู่ขอผู้ชาย อิอิ
"อร่อยครับ"
พยายามไม่เอามาใส่ใจเมื่อรู้เนื้อแท้ว่าทับทิมเป็นคนแบบนี้แหละ ห้ามไปก็เท่านั้น
ทำทับทิมดี๊ด๊าดีใจเมื่อเขาชมฝีมือเธอ
"เดี๋ยวพรุ่งนี้ทำมาให้อีกนะคะ"
"ไม่เอาดีกว่าครับ รบกวนคุณเปล่าๆ"
"รบกวนอะไรกันคะ คนเป็นสามีภรรยากัน เอ๊ย! หนูเป็นเด็กของผอ.นะคะ หนูก็ต้องเอาอกเอาใจผอ.สิคะถึงจะถูก"
"ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกครับ"
ธรรศภาคย์เดินไปนั่งลงเก้าอี้ทำงาน ทับทิมก็ตามมานั่งลงที่ตักในท่าหันข้างทันทีพร้อมมือโอบรอบต้นคอเขา
มองมือหนาเปิดลิ้นชักแล้วหาอะไรบางอย่างในนั้น จนเขานำมายื่นให้เธอ พบว่ามันเป็นบัตรแข็งสีขาวใบหนึ่ง
"อะไรคะ"
"บัตรเครดิตครับ อยากได้อะไรก็เอาไปรูด"
ถึงไม่ใช่แบบไม่จำกัดวงเงิน แต่ก็ใช้จ่ายได้ถึงหกหลักอยู่ เขาจะหมั่นเทียวดูหากทับทิมไม่พอใช้จริงๆ จะไปเพิ่มวงเงินให้
"หูยยยย ใจดีจังเลยค่ะ" ทับทิมไหว้ลงตรงอกเขางามๆ "ขอบคุณมากนะคะ แต่หนูขอไม่รับได้ไหมคะ"
"ทำไมครับ"
"ผอ.จะให้หนูเอาไปรูดที่ไหนคะ" หน้าฮ้านหมอลำงี้เหรอ เธอได้โดนด่ามาพอดี
"ห้างไงครับ คุณไม่ไปเดินห้างซื้อของหรือไง"
ทับทิมส่ายหัว ถึงบุคลิกเธอจะเป็นแบบนี้ เหมือนคนช็อปปิ้งไปวันๆ แต่เชื่อไหมเธอไม่เคยไปเดินห้างเลยสักครั้ง มาเรียนแล้วก็กลับ นอกจากไปเที่ยวดูหมอลำก็ไม่ได้ไปไหนอีกเลย
ธรรศภาคย์นิ่งคิด ก่อนจะยัดบัตรเครดิตกลับคืนในลิ้นชักแล้วล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา
"เบอร์พร้อมเพย์คุณอะไรครับเดี๋ยวผมโอนให้"
"ไม่มีค่ะ"
ผอ.หนุ่มมองหน้าทับทิมนิ่ง และทับทิมก็พอมองออกว่าเขาคิดยังไง
"หนูพูดจริงๆ ค่ะไม่ได้โกหก หนูไม่เคยมีบัญชีธนาคารเลยค่ะ ไม่มีบัตรกดเงินสด ไม่เคยมีอะไรแบบนั้นด้วยค่ะ"
"แล้วทุกวันนี้คุณใช้ตังค์ยังไงครับ"
"เงินสดค่ะ"
ผอ.หนุ่มพยักหน้าก่อนจะล้วงกระเป๋าสตางค์ในกางเกงตัวเองออกมา หยิบแบงก์สีเทาที่มีทั้งหมดวางใส่ในมือของทับทิม
"ผอ.ให้หนูทำไมคะ"
หญิงสาวทำหน้างง กะด้วยสายตาประมาณหนึ่งหมื่นบาทได้
"เอาไปใช้ก่อนครับ ปกติผมไม่ค่อยชอบพกเงินสดเลยมีเท่านี้ เดี๋ยววันหลังผมกดมาให้อีกก็แล้วกัน"
ด้วยความที่เขาอยู่ในตัวอำเภอจึงค่อนข้างสะดวกสบายแม้ไม่มีเงินสดในมือ จึงไม่จำเป็นต้องกดออกมาทีละเยอะๆ เพราะเน้นใช้บัตรเครดิตรูดแทน
"แล้วให้หนูมาหมดแบบนี้ผอ.จะเอาที่ไหนใช้คะ"
เธอเห็นเขาดึงออกมาซะเกลี้ยงกระเป๋าเลย
แต่เอ๊ะ ไม่เกลี้ยง เพราะเห็นมีแบงก์ยี่สิบหลงเหลืออยู่หนึ่งใบ
"ผมเอาตัวรอดได้ครับ"
"ขอบคุณมากนะคะผอ."
ทับทิมซึ้งใจไหว้ลงบนอกของเขาอีกที คนตัวสูงวางมือลงบนแผ่นหลังเล็กเบาๆ ทว่าพอรู้ตัวรีบดึงมือกลับทันที
"คราวนี้ลงไปได้แล้วนะครับผมจะทำงาน"
"ลงไปก็ได้ค่ะ แต่ผอ.ยังไม่บอกเลยว่าพรุ่งนี้เช้าอยากทานอะไร"
"ไม่เป็นไรครับ"
"งั้นหนูไม่เอาตังค์ค่ะ"
ทำท่าจะยัดเงินกลับมือเขาทว่าได้ยินประโยคจากปากเขาบอกมาก่อน
"ทำอะไรมาก็ได้ครับผมทานได้หมด"
"โอเคค่ะ งั้นตอนเที่ยงเจอกันนะคะเดี๋ยวหนูขึ้นมาหา"
"อย่าดีกว่าครับ ช่วงเที่ยงคนเยอะ"
เขากลัวจะมีคนมารู้เห็นในสักวัน
"งั้นเย็นนี้ไปส่งหนูที่บ้านหน่อยได้ไหมคะ นะน้า..ไปส่งหนูหน่อยนะคะ หนูอยากให้ผอ.ไปส่งอีกค่ะ สัญญาว่าถ้าผอ.ไปส่งหนูที่บ้าน เที่ยงนี้จะไม่ขึ้นมารบกวนเลยค่ะ"
"แต่ผมกลับค่ำนะครับ"
เขาคงรอให้คณะอาจารย์กลับก่อน บอกแล้วว่าตัวเองก็ไม่ต่างจากภารโรง อยากอยู่ดูความเรียบร้อยของวิทยาลัยเป็นคนสุดท้าย
"ค่ำแค่ไหนก็จะรอค่ะ"
ธรรศภาคย์พยักพเยิดหน้า ทับทิมโอบรอบคอเขาหอมแก้มซ้ายขวาอีกครั้งเพื่อเติมกำลังใจให้ตัวเองก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานของเขาไป
เที่ยงวันผอ.หนุ่มเดินลงไปหาหลานชายที่ยืนรออยู่ด้านล่างของตัวตึก ธนาสอนเสร็จไม่กลับขึ้นมาห้องทำงานเพราะไม่มีอุปกรณ์อะไรติดมือไปเยอะนอกจากหนังสือเล่มเดียว
สองอาหลานเดินผ่านตัวอาคารที่มีนักศึกษานั่งกันค่อนข้างเยอะ และทุกครั้งมักจะตกเป็นเป้าสายตาอยู่เสมอ
ถึงไม่ใช่พ่อลูก แต่มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกัน รวมทั้งเรื่องของผิวพรรณและหน้าตาไม่ทิ้งห่างความหล่อกันไปไกล
ทว่าสิ่งที่แตกต่างชัดๆ พอจะมองออกได้ว่าใครเป็นใครคือโทนสีของการแต่งตัว
ผอ.หนุ่มจะคุมโทนมืด ส่วนหลานชายจะคุมโทนสว่าง
อาจารย์หนุ่มจะมีใบหน้าและสายตาที่แพรวพราวมากกว่าผู้เป็นอาซึ่งมีใบหน้าเรียบเฉย ดีใจเสียใจก็หน้าเดียว
ส่วนความสูงไล่เลี่ยเพราะห่างกันเพียงไม่กี่เซ็น ดูโดดเด่นทั้งคู่
"ผอ. รองผอ. กินอะไรดีคะวันนี้"
ถึงร้านขายข้าวแม่ครัวในชุดสีขาวสะอาดตาก็ถามมาทันที อาหลานคู่นี้หล่อไม่แพ้กันจริงๆ
อีกคนแพรวพราวขี้เล่น อีกคนก็นิ่งขรึม ทว่าโดนใจทั้งคู่ ได้เห็นหน้าทีไรโลกกลายเป็นสีชมพู
"ผมเอาผัดเปรี้ยวหวานกับไข่เจียวครับ"
ธนาบอกก่อน ทำท่าจะเดินไปนั่งรอที่โต๊ะทว่าผอ.หนุ่มกลับจับแขนหลานชายเอาไว้
"ได้ค่ะ แล้วผอ.ล่ะคะ"
หันมาถามผู้อำนวยการของวิทยาลัยบ้าง
"ผมเอาแกงเขียวหวานกับผัดวุ้นเส้นครับ เก็บเงินที่ธนาได้เลยนะครับ"
"ฮะ" เงินค่าอาหารไม่กี่สิบบาทก็ต้องให้เขาเลี้ยงเหรอ เป็นตั้งผอ.เงินเดือนสูงสุดเลยนะเอาเงินไปไว้ที่ไหนหมด
"ยืมก่อน วันนี้ช็อต"
ธนาขมวดคิ้ว ก่อนจะล้วงแบงก์ร้อยออกมาจากในกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นจ่ายทั้งของเขาและของอาไป
"นั่งรอที่โต๊ะได้เลยนะคะเดี๋ยวป้าเอาไปเสิร์ฟค่ะ"
"ขอบคุณครับ"
ธนาตอบรับแล้วเดินมานั่งกับอาที่เดินมาถึงก่อน ถึงจะเป็นคณะอาจารย์แต่ไม่ได้แบ่งแยกที่นั่งกินข้าวกับนักศึกษาว่าต้องกินคนละที่
ที่ไหนว่างก็นั่ง และอาจารย์ทุกคนที่มาทานข้าวที่โรงอาหารก็เหมือนกัน ใช้ชีวิตไม่ต่างจากนักศึกษาทั่วไป
ธรรศภาคย์มักจะชวนหลานชายมาฝากท้องที่นี่บ่อยๆ แทนการออกไปกินข้างนอก ก็เพราะต้องการทราบว่าอาหารแต่ละวันเป็นอย่างไร
รสชาติดีไหม ถูกสุขอนามัยดีหรือเปล่า เอาอกเอาใจแค่คณะอาจารย์แล้วละเลยนักศึกษาไหม หรือว่าใส่ใจทุกคนอย่างเท่าเทียม
การที่ทั้งคู่มากินได้ทุกวันนั่นก็เป็นการกรองอย่างหนึ่งเพื่อนักศึกษาแล้ว หากพวกเขาได้กินอาหารดีๆ นักศึกษาก็ต้องได้กินของดีตาม
การจะทำให้วิทยาลัยเอกชนดำเนินต่อไปได้ และยังคงเอาไว้ซึ่งชื่อเสียง นอกจากเรื่องการศึกษาก็ต้องใส่ใจเรื่องความเป็นอยู่
ดูว่าใส่ใจแต่คนอื่นจนลืมใส่ใจตัวเอง จนคนเป็นพ่อแซวมาตลอดว่าทำงานหนักจนไม่มีเวลาหาความสุขใส่ตัว
จะเรื่องอะไร ก็ไม่พ้นเรื่องลูกเมีย ยิ่งหลานชายแต่งงานก่อนคนเป็นอาแล้วด้วย ธรรศภาคย์ยิ่งโดนกดดัน