ระหว่างทางกลับบ้าน ผอ.หนุ่มครุ่นคิดอะไรบางอย่างไปตลอดทาง
ทับทิมอยู่กับใคร ทำไมเย็นแล้วถึงไม่มีคนเปิดไฟในบ้าน หรือพ่อแม่ไปทำงานยังไม่กลับ
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติเพราะชาวบ้านแต่ละคนหาเช้ากินค่ำกันทั้งนั้น สงสัยยังไม่กลับมากัน
บ้านเขาอยู่ในตัวอำเภอ แยกออกไปอยู่ตัวคนเดียวเพราะต้องการความสะดวกในเรื่องของการเดินทางไปทำงาน
ส่วนพ่อและแม่ของเขานั้นอยู่หมู่บ้านคันคาย ซึ่งมีพ่อแม่ พี่ชาย และหลานชายกับเมียอาศัยอยู่
แต่อีกไม่นานธนาก็จะพาคำแพงย้ายออกมาแล้วเพราะบ้านที่หมู่บ้านเนินสามเหลี่ยมสร้างกำลังจะเสร็จ เมียของธนาอยู่หมู่บ้านเดียวกันกับทับทิม
ล่าสุดที่เขาได้มาเหยียบที่นี่ก็ตอนงานแต่งของธนา หากไม่รวมครั้งนี้
จากที่ขับรถสิบนาทีถึงบ้านตัวเอง ก็เพิ่มไปเป็นสี่สิบนาทีเพราะต้องขับไปกลับ
พอลงจากรถไอ้จ๊อดที่นอนอยู่บนโต๊ะไม้ที่หน้าบ้านก็มองมา เขาเดินไปอุ้มมันขึ้นแนบอกแล้วลูบเบาๆ
เพราะเอาแต่กินแล้วนอนสินะจึงทำให้แมวสีขาวตัวเล็กตัวน้อยเมื่อสามเดือนก่อน ปัจจุบันตัวโตเท่าลูกหมู
ปกติเขาไม่ใช่คนชอบเลี้ยงสัตว์ แต่ตัวนี้พ่อซื้อเพื่อให้มาอยู่เป็นเพื่อน เพราะแมวมันมีนิสัยชอบอ้อนคน
แต่อยากบอกเหลือเกินว่าตั้งแต่มีไอ้จ๊อดมาอยู่ด้วยก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะมันแทบไม่ให้ความตื่นเต้นในชีวิตกับเขาเลย
และที่เลือกซื้อตัวผู้เพราะจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนหนุ่มที่ไหนมาแอบทำท้อง
"เอาไปทิ้งดีไหม พ่อแกกลับบ้านแกต้องดีใจวิ่งมารับสิ" นี่อะไร ไม่สนใจกันเลย
"หรือแกอยากมีเมีย"
จ๊อดหันขวับมองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างมีความหวัง ทำธรรศภาคย์มองอย่างเหนื่อยหน่าย
"ไวนักนะเรื่องนี้ แต่เสียใจไม่ให้มี และก็ห้ามไปแอบกินลูกสาวบ้านอื่นด้วยเข้าใจไหม ให้มาอยู่เป็นเพื่อน ไม่ได้ให้มาสร้างครอบครัว"
จ๊อดกระโดดถีบอกผู้เป็นพ่อทันทีด้วยความไม่พอใจ แล้วกลับไปนอนที่เดิมพร้อมหันตูดให้
ตัวเองอยากเป็นโสดคนเดียวก็เป็นไปสิ ทำไมต้องมาบังคับกันด้วย ชิ๊!
"ไอ้จ๊อด!"
แกร๊ก
"แม่" ทับทิมยิ้มกว้างเมื่อเพิ่งได้เจอหน้าผู้เป็นแม่ในรอบสามวัน ขณะที่เดินออกจากครัวมาพอดีอีกฝ่ายก็เปิดประตูหน้าบ้านเข้ามา
ในมือเธอมีถ้วยซุปมะเขือที่เพิ่งทำเสร็จ ส่วนอีกมือมีจานใส่ผักอย่างแตงกวา กำลังจะเอ่ยชวนผู้เป็นแม่กินข้าว ทว่าฝ่ายนั้นดูรีบๆ
ควักอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋าแล้ววางลงบนโต๊ะกินข้าวขนาดเล็กตรงหน้า ก่อนจะรีบเดินออกจากบ้านขึ้นรถเก๋งคันสีดำไป
เป็นภาพที่คุ้นตาตั้งแต่พ่อจากไป แม่ของเธอก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน เพราะท่านบอกต้องออกไปทำงานเพราะเราไม่มีพ่อแล้ว
เธอเข้าใจ ซึ้งใจในความรักและความรับผิดชอบที่แม่มีต่อเธอ
ออกจากบ้านในตอนเช้า แล้วเย็นกลับ ก็กลายมาเป็นกลับดึก และกลับเช้าของอีกวัน
ปัจจุบันกลับบ้านสามวันครั้ง มาครั้งไหนก็เอาแค่ตังค์มาวางให้เธอ เจอหน้าก็ได้พูดคุย ไม่เจอก็เห็นแค่เงิน
จนทับทิมสงสัยว่าแม่ทำงานอะไร ทำไมดูรีบๆ และต้องไปนอนค้างที่อื่น จนได้รู้จากปากของชาวบ้านว่าแม่เธอไปเป็นเด็กเสี่ย
เธออายมาก เลยยื่นคำขาดขอให้ท่านเลิกทำเพื่อแลกกับการที่เธอจะไม่เรียนต่อหากแม่ต้องทำแบบนั้นเพื่อให้ได้เงินมา ทว่าแม่บอกเลิกไม่ได้ จึงทำให้เราสองแม่ลูกมองหน้ากันไม่ติด
กลับมาบ้านทีไรก็มากับผู้ชายคนนั้นแล้วเอาแค่เงินมาวาง ถ้าโชคดีอีกฝ่ายไม่รีบมากก็ได้คุย แต่ออกไปทางทะเลาะมากกว่า แต่ถ้าโชคไม่ดีก็ได้เห็นแค่เงินและท่าทางรีบๆ ของแม่อย่างวันนี้
ทับทิมเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มตัวเอง มันอยากหัวเราะออกมาแต่ทำไม่ได้ ส่วนอะไรที่ไม่อยากให้มันไหลกลับไหลลงมา
วางถ้วยและจานลงบนโต๊ะ เปิดฝากระติบข้าวเหนียวออกมากินกับซุปมะเขือทั้งน้ำตา แต่ทำใจกินได้แค่สองสามคำเพราะกลืนไม่ลงจึงเอาเข้าไปเก็บในตู้เย็น แล้วเดินไปหยิบเงินที่แม่ให้มาเดินไปร้านค้า
ซื้อเหล้าพร้อมน้ำแข็งโซดา จากนั้นเดินไปที่บ้านของพี่คำหล้าทันที ถ้าวันนี้ไม่ได้กินยังไงก็นอนไม่หลับ
"ทิม มาๆ กินเข่า" (ทิม มาๆ กินข้าว)
คำหล้าที่กำลังนั่งจ้ำข้าวเหนียวกับแจ่วปลาร้า มีผักลวกและทอดเนื้อแห้งวางข้างๆ กวักมือเรียกน้องสาวใกล้บ้านที่นับถือเป็นพี่น้องท้องเดียวกันจริงๆ เพราะสนิทกันมานานให้มากินข้าวด้วยกัน
"หนูกินมาแล่ว" (หนูกินมาแล้ว)
ทับทิมเดินมานั่งบนแคร่ไม้ตรงหน้าบ้านพี่คำหล้าพร้อมวางอุปกรณ์การดื่มที่เธอซื้อมา พี่คำหล้าก็รีบลุกไปเอาแก้วเปล่ามาวางให้เธอใบหนึ่ง
"เอื้อยบ่กินติ" (พี่ไม่กินเหรอ)
ปกติต้องมีสองใบของพี่คำหล้าและเธอ
"บ่ เอื้อยกินเข่าแล่ว" (ไม่ พี่กินข้าวแล้ว)
"หนูกะกินแล่ว หนูกะยังกินได้" (หนูก็กินแล้ว หนูก็ยังกินได้)
"โอ๊ยน้อ..เป็นแม่กูซะลำยองบังคับกูปานนี้" (โอ๊ย..เป็นแม่กูเถอะลำยองบังคับกูขนาดนี้)
เอ่ยพร้อมลุกไปเอาแก้วเปล่ามาอีกใบหนึ่งยื่นให้ทับทิมชงของตัวเอง
"คึดฮอดเอื้อยคำแพงเด้เนาะ" (คิดถึงพี่คำแพงจังเลย)
ป่านนี้คงได้มานั่งเม้าท์มอยกันแล้ว ยามที่เธอและพี่คำแพงเลิกเรียน มีเธอ พี่คำแพง พี่คำหล้าสามคนนั่งสนทนาเฮฮากันตามประสาวัยรุ่น
ถึงส่วนมากจะเป็นเธอและพี่คำหล้าที่พูดคุยหยอกล้อกันบ่อยๆ แต่เธอก็อยากให้พี่คำแพงมานั่งอยู่ในวงสนทนาด้วย มันผูกพันเหมือนพี่น้องกันไปแล้ว
มองดูบ้านที่อยู่เยื้องๆ กันออกไปอีกฝั่งของถนนกำลังก่อสร้างเป็นรูปร่าง บ้านหลังไม่เล็กไม่ใหญ่มากเป็นปูนชั้นเดียว
แต่ก็มองออกว่าเป็นบ้านของคนมีเงิน เพราะดูจากรูปทรงที่ดูทันสมัยแปลกตากว่าบ้านหลังอื่น เธอดีใจกับพี่คำแพงด้วย
อาจารย์ธนาน่ารัก และรักพี่คำแพงมากๆ ดูว่ายอมย้ายจากคันคายมาอยู่ที่เนินสามเหลี่ยมเพื่อให้พี่คำแพงได้อยู่ใกล้พี่คำหล้า
รักน้องสาวไม่พอ ยังเผื่อแผ่มาถึงคนในครอบครัวเมียด้วย
"อีกเดือนเดียวกะน่าสิแล่ว" (อีกเดือนเดียวก็น่าจะเสร็จแล้ว)
คำหล้ามองดูบ้านของคำแพงกับสามี เธอเองก็คิดถึงน้องสาวไม่ต่างกัน ถึงจะพยายามดันหลังให้คำแพงมีผัวอยู่ตลอด แต่พอน้องไปมีครอบครัวจริงๆ คนที่เคยอยู่ด้วยกันทุกวันมันก็อดคิดถึงไม่ได้อยู่ดี
แต่ดีใจที่คำแพงเลือกชวนสามีมาอยู่ที่นี่ มาอยู่ที่หมู่บ้านเนินสามเหลี่ยมของพวกเรา บรรยากาศเดิมๆ จะกลับมาแล้ว