“มึง ลุกมากินข้าวก่อน” เสียงชมพู่เพื่อนรักเรียกฉันให้ลุกขึ้นมากินข้าวที่พวกมันสั่งมาให้ฉัน
“อีเอย ลุกขึ้นก่อนมึง” น้ำเสียงมีนเพื่อนฉันเจือไปด้วยความเวทนาและสงสารหลังจากที่ฉันร้องไห้อย่างหนักกว่าครึ่งวันที่พวกมันมาอยู่เป็นเพื่อน ดีนะที่วันนี้เป็นวันหยุด ถ้าต้องไปเรียนฉันตายแน่ๆ
“อืม” ฉันตอบพวกเธอแล้วลุกขึ้นมากินไป 2-3 คำเพื่อให้พวกมันสบายใจ ให้ตายเถอะ เหมือนกลับไปเห็นตัวเองเมื่อ 3 ปีที่แล้วเลย แค่คิดขึ้นมาน้ำตาก็ไหลลงมาใส่จานข้าว
เพื่อนๆ เข้ามากอดฉันโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ
.
ฉันร้องไห้จนหลับไปอีกรอบตื่นมาอีกทีก็เย็น แต่พวกเพื่อนก็ยังอยู่ยังไม่ไปไหน ให้ตายเถอะยัยพวกนี้ ฉันรักพวกมันจัง ฉันมองแล้วยิ้มให้สองคนนี้ที่คนหนึ่งกำลังนั่งดูหนัง อีกคนนั่งเล่นมือถือเพื่ออยู่เป็นเพื่อนฉัน
“มึง อีเอยตื่นแล้วหรอ สั่งอะไรมากินเย็นมั้ย” ชมพู่เอ่ยปากก่อนที่เห็นฉันลุกจากเตียงออกมานอกห้อง
“อืม ก็ดีมึง เดี๋ยวคืนนี้เข้าไปทำงานจะไม่มีแรง” ฉันบอกยัยสองคนนี่ ด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไม่เหลือ หัวก็ปวดตุบๆ
“มึง ถ้าไม่ไหวพักสักวันมั้ย กูว่า…” มีนยังพูดไม่จบฉันก็เอ่ยออกไปเบาๆ
“พี่เพียงตาเขาเอ็นดูและช่วยเหลือกูทุกอย่าง ถ้ากูหยุดแกต้องลำบากแน่ๆ ถึงกูจะไม่ไหว กูก็ต้องไหว” ฉันพยายามบอกเพื่อนด้วยเสียงแผ่วเบา
“งั้นพวกกูไปด้วย อีเอย พวกกูจะเฝ้ามึงก่อนช่วงนี้ อย่างน้อยๆ อยากให้อยู่ในสายตาพวกกู” สายตาของเพื่อนและน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความห่วงใย ทำเอาฉันตื้นตันไปหมด
“อืม ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกมึง กูไม่กลับไปเล่นยาหรอกมึงสบายใจได้ กูโอเค” ใช่แล้วฉันไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนก่อนแน่
หลังจากกินข้าวแล้วฉันก็ไปอาบน้ำ ได้เอาอุ่นๆ ราดหัวแล้วมันก็ดีขึ้น
.
.
ฉันแต่งตัวสวยมากวันนี้ด้วยบอดี้สูทสีขาว กับกางเกงยีนขาสั้นเพื่อความทะมัดทะแมง ใส่ถุงน่องตาข่ายเพิ่มความเฉี่ยว และรองเท้าผ้าใบคู่โปรด บอดี้สูทก็คือแหกสูงไม่ไหว ใครมองก็คงน้ำลายหก
ฉันแต่งหน้าหนักมากเพื่อปกปิดใบหน้าที่เคยอาบไปด้วยน้ำตา เพื่อนสองคนก็เอาเสื้อผ้าฉันไปใส่อย่างวิสาสะ พวกเราก็เป็นแบบนี้กันมาตลอด สามสาว จะว่าไปไม่ได้ไปเที่ยวกับพวกมันนานมากแล้ว เอาล่ะวันนี้ต้องปลดปล่อยหน่อย
ฉันปิดมือถือ และถึงแม้หมอนั่นจะมีกุญแจสำรองห้องฉันแต่คงไม่มีหน้าเข้ามาหาฉันที่คอนโดแน่ๆ
เมื่อฉันลงจากเวทีก็พบกับสองสาวเพื่อนสนิทรวมโต๊ะกับพวกผู้ชายอยู่อย่างกระดี๊กระด๊า
สกิวความแรดของพวกนางไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ฉันจ้องมองไปที่โต๊ะของพวกเธอที่กำลังโบกมือหย็อยๆ เรียกฉัน
สายตาปะทะกับร่างใหญ่ที่คุ้นตาภายใต้เปลือกตาชั้นเดียวดวงตาของเขาสวยงามและมีเสน่ห์สมชื่อเสมอ
“พี่ซัน มาได้ไงก่อน แล้วมารวมโต๊ะกับพวกนี้ได้ไง” ฉันถามเขาที่กำลังยืนเมาอยู่ที่โต๊ะ เพื่อนเขาอีก 2-3 คนก็คุ้นหน้าชะมัด
“พี่มาเที่ยวแล้วเจอเจ้าสองคนนี้เลยมารวมโต๊ะกัน” เขาพูดด้วยท่าทีสงบ ไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา ผิดปกติมาก ปกติต้องทำหน้ากะลิ้มกะเหลี่ย ทะเล้นไม่หยุด
เอาเถอะ เขาก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ยอมรวมโต๊ะด้วยก็ได้
แล้วเวลาก็เดินร่วงเลยมาเรื่อยๆ ฉันกับเพื่อนนั่งแท็กซี่มาเพราะกะจะมาเมากันเต็มที่
แล้วพวกเราก็เมากันเต็มที่จริงๆ
เวลาล่วงเลยถึงตี 3 พวกเราคิดว่าพวกเราไม่น่าจะไหวกันแล้วเลยกอดคอกันออกมาจากผับ
ฉันที่ยังพอครองสติ กำลังจะเรียกเพื่อนอีกสองคน แต่ดูเหมือนพวกนางจะไม่อยากกลับกับฉันซะแล้ว เพราะแขนพวกนางกำลังควงผู้ชายอยู่ บ้าบอจริงๆ ไม่ใช่ว่าไม่รู้จักนิสัยพวกมันนะ ปกติฉันจะไม่เมาแล้วเอาตัวรอดกลับเองได้เสมอ แต่วันนี้ดันกินไปซะเยอะ
อึก… ฉันเริ่มสะอึกหน้าแดงแล้วควานหาบุหรี่ขึ้นมาสูบ
“เอย ไหวมั้ย” น้ำเสียงพี่ซัน เขายืนอยู่ห่างฉันมากทำไมกันนะ เหมือนกับเขาพยายามวางตัวเลย ก็ดีเหมือนกันแฮะ
“ไหวพี่ ขอเอยสูบบุหรี่แป๊บ พี่กลับก่อนเลย” ฉันจุดบุหรี่ขึ้นสูบเพื่อให้ตัวเองหายเมา แล้วโบกมือลาเพื่อนสองคนที่ควงผู้ชายกลับบ้านหน้าด้านๆ
เฮ้ออ ฉันถอนหายใจแล้วยิ้มให้พวกนั้น
“เอยเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมทำสีหน้าแบบนั้น” พระเจ้าหมอนี่ใช้คำพูดที่เคยใช้สมัยยังคบกัน คำพูดคะขาหลอกเด็กแบบฉัน ไม่ได้นะเอย ห้ามเคลิ้มเด็ดขาด
“ฮ่าๆ จะเป็นไรละคะอย่างเอย เอยมันหญิงแก่งกร้านโลกอยู่แล้ว” ภายใต้รอยยิ้มที่ฉันพยายามกลบเกลื่อนเต็มที่
หึ เขากระตุกยิ้มมุมปาก
“เอยโกหกไม่เก่งเลย รู้ตัวหรือเปล่า” เขาพูดเหมือนรู้จักฉันดี แล้วก็ยิ้มออกมาซะงั้น
เฮ้อออ ฉันถอนหายใจรอบที่สิบแล้วมั้ง แล้วเอ่ยเบาๆ “I'm Not The Only One”
สีหน้าเขาตกใจเล็กน้อยถึงปานกลางแล้วเหมือนพยายามปะติดปะต่อเรื่องของฉัน
“เจ้าเด็กแว่นนั่นนอกใจหรอ” เขาถามด้วยท่าทีเริ่มโมโหนิดหน่อย แต่ว่านะพี่ซันพี่ก็ทำกับเอยไว้เจ็บแสบมากเหมือนกันเพราะงั้นพี่ไม่มีสิทธิ์ไม่พอใจคนอื่นหรอก
“ก็นะ ของมันเคยๆ มั้ง พวกชอบกลับไปกินของเก่า” ฉันประชดประชันเจ้าแว่นผู้ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาว อยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้
แล้วถอนหายใจใส่หน้าพี่ซันอีกรอบ
“นี่เอย ไม่อยากรู้หรอว่าทำไมคนถึงต้องอยากกลับไปกินของเก่า” นั่นไงท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ยทะเล้นเริ่มออกมาจากสีหน้าและน้ำเสียงของเขา
“ไม่อยากรู้ค่ะ บังเอิญว่าไม่ชอบกินของเก่า” ฉันบอกปัดแล้วโบกมือสะบัดหย็อยๆ ใส่หน้าเขา
“นี่ ไม่อยากแก้แค้นหรอ” ร่างใหญ่เดินมากระซิบข้างหู ลมหายใจร้อนผ่าวบวกกับความเมาของเขาทำให้ฉันขนลุกซู่ กลิ่นน้ำหอมของเขาที่ฉันคุ้นเคยทำให้ฉันเริ่มเคลิ้ม
แต่ว่าไม่สิ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะลบรอยดินสอด้วยปากกาลบคำผิดสีขาวนั่นสักหน่อย ต้องไม่ใช่อย่างนั้นสิ
แต่ทันทีที่ริมฝีปากหนาประกบลงมาอย่างแผ่วเบาร่างกายของฉันก็เริ่มร้อนวูบวาบ ช่องท้องที่เคยสงบกับเหมือนมีอะไรมาบินอยู่เป็นล้านๆ ตัว มันวาบหวามไปหมด เพราะแอลกอฮอล์แน่ๆ มือที่คีบบุหรี่อยู่ก็ร่วงหล่นลงไปทั้งที่แค่สูบไปไม่ถึงครึ่ง
เมื่อเขาถอนจูบออกมาตัวฉันก็เซไปติดผนังกำแพงทันที
.
.
เอย∼
พี่ซัน∼
น้ำเสียงตรงนี้กระเส่ามากจนทั้งคู่จ้องมองตากันด้วยความกระหาย
.
.