บ้านปรมัธภากร อ. เมือง จ. ภูเก็ต
บ้านหลังใหญ่ขนาดสิบห้องนอนของนักลงทุนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการโรงแรมและสถานบันเทิงในภูเก็ตกลับมีเพียงคุณปู่วัยชรา และหลานชายวัยต้นสามสิบอยู่กันเพียงสองคน ร้ายไปกว่านั้นปู่กับหลานก็ต่างมีงานรัดตัวจนแทบจะไม่เจอหน้ากันที่บ้าน เมื่อใดก็ตามที่มีเรื่องคุยจะต้องติดต่อผ่านโทรศัพท์ราวกับว่าไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันเสียอย่างนั้น
วันนี้คนเป็นหลานชายอย่างเมธาวิน ปรมัธภากรเดินเข้าบ้านด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เหล่าแม่บ้านที่ทำงานบ้านอยู่ค่อนข้างเกรงใจเขาเพราะภายใต้ความนิ่งนั้นดูออกยากว่าเขาคิดอะไร เวลาทำอะไรไปแล้วเขาพอใจหรือขัดใจก็เดาไม่ออก ใครๆ จึงมักหลีกเลี่ยงเขา ไม่ว่าคนนอกหรือคนในบ้าน
ความเย็นชาเหมือนน้ำแข็งฉาบอยู่บนใบหน้าหล่อเหลานั้นทำให้เขาดูมีเสน่ห์และดูอันตรายอยู่ในคราวเดียวกัน และแน่นอนว่าสาวๆ ส่วนใหญ่รักตัวกลัวตายเลยไม่เสี่ยงที่จะเข้าหาเขา หรือบางคนกล้าชายหนุ่มก็ปัดออกไปจากชีวิตอย่างไม่ไยดี เมธาวินจึงยังเป็นโสดอยู่จนตอนนี้
“คุณปู่กินข้าวเย็นไปหรือยัง” เขาเรียกเด็กในบ้านที่กำลังจะเดินออกไปเพื่อถาม
“ท่านมีแขกค่ะคุณมาร์ค”
“แขก?” คิ้วของเมธาวินเลิกขึ้น
ปกติแล้วปู่เขาไม่เชิญแขกเข้าบ้าน เว้นแต่จะเป็นคนสำคัญ
“ป้าได้ยินคุณท่านเรียกเธอว่าคุณนกค่ะ”
“อ้อ” สีหน้าของเมธาวินมืดคล้ำขึ้น จำได้ลางๆ ว่าคุณนกคนนี้เป็นคนที่เพื่อนของปู่เขาแนะนำให้ได้รู้จัก อีกฝ่ายเป็นแม่สื่อ กึ่งๆ พวกนักทำนายดวง เธอมีความรู้เรื่องศาสตร์ลี้ลับทุกแขนงและนำมาให้หากินกับคนเชื้อสายจีนที่มีฐานะ คุณนกคนนี้รับทำนายดวง ขจัดความซวย และมีอาชีพเป็นแม่สื่อแม่ชักให้ระหว่างสองตระกูลที่อยากดองกัน
ปู่เขาคิดจะทำอะไร..
เพราะกลัวหวยจะตกที่ตัวเอง เมธาวินจึงพยักหน้าให้แม่บ้านกลับไปทำหน้าที่ของตน ส่วนตัวเขาเดินไปที่ห้องหนังสือ แล้วแง้มประตูออกเบาๆ เพื่อดักฟัง
“ทางฝั่งผู้ชายเขาขอมาค่ะ ว่าอยากดองกับทางคุณท่านมาก พร้อมเจรจาอย่างจริงจังเสมอ”
“ขอบใจมากนะคุณนก ถึงแม้ว่าจะสนิทกับคุณอาคิล แต่นกช่วยเป็นแม่สื่อให้ทำให้คุยเรื่องหมั้นและแต่งงานของยัยมิงค์ได้ครบถ้วนกระบวนความกว่าเยอะ”
“ว่าแต่คุณท่านแน่ใจเหรอคะว่าจะรอให้หลานสาวเรียนจบก่อนค่อยคุย จริงๆ เรียนปริญญาโทก็หมั้นและแต่งงานไปด้วยได้นะคะ” แม่สื่อยังถามปู่ของเขา
“ยัยมิงค์มันใกล้เรียนจบแล้ว ฉันตั้งใจจะเอาไว้คุยตอนนั้นมากกว่า”
เมธาวินได้ยินดังนั้นก็เลิกสนใจและเตรียมผละถอยกลับไป เขาเคยได้ยินปู่เปรยกับเพื่อนเรื่องานแต่งงานของมนัสวีร์น้องสาวของเขาที่ตอนนี้เรียนปริญญาโทอยู่ที่กรุงเทพฯ มาบ้างแล้ว
“ที่ฉันเรียกคุณนกมาวันนี้ เป็นเรื่องของฉันเองมากกว่า พอดีฉันอยากให้คุณนกลองเช็กดวงให้ฉันหน่อย ว่าจะสมพงศ์กันกับยัยหนูคนนี้ไหม”
ขาของชายหนุ่มชะงักเมื่อได้ยินปู่ตัวเองคุยเรื่องแปลกหู คนที่ไม่สนใจโลกอย่างปู่เขานี่หรืออยากเช็กดวง
“มีหน้าให้ดูด้วยไหมคะ นกจะได้ดูโหงวเฮ้งด้วย” เสียงแม่สื่อขอภาพ และปู่ของเขาคงเปิดสมาร์ทโฟนให้ดู อีกฝ่ายจึงอุทานขึ้นมา “อุ้ย คนนี้เจ้าของร้านแววหวานนี่คะ”
“ใช่ หนูโย ร้านแววหวาน คุณนกลองผูกดวงให้ฉันดูหน่อยว่าจะสมพงษ์ไหม”
เสียงเงียบไปสักพัก พอๆ กับขาของเมธาวินที่ก้าวไม่ออก เขาอยากเดินไปขัดขวางความคิดแปลกๆ ของปู่ตัวเอง แต่เพราะรู้จักนิสัยของปู่ว่าเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอ หากได้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วใครก็ทัดทานยาก เขาเลยเลือกที่จะนิ่งและฟังเพื่อหาทางรับมืออย่างแยบยลมากกว่าจะเดินไปห้ามเรื่องแปลกประหลาดที่ปู่กำลังทำ
“ดวงเนื้อคู่ค่ะ สมพงศ์กันมาก แต่คนนี้ได้มายากกว่าหลานเขยนะคะ เหมือนมีอุปสรรคในพื้นดวง”
“ไม่เป็นไร ขอแค่เป็นเนื้อคู่กัน ฉันจะทุ่มสุดตัว ทุ่มสุดใจ สุดพลังวังชาที่ฉันจะทำได้”
“คุณท่านดูมีความมุ่งมั่นจังเลยค่ะ”
“ฉันถูกใจเด็กคนนี้มาก เขาเคยเป็นลูกหลานของแม่บ้านที่ฉันอุปการะให้เรียนจบ ตอนนี้ออกไปตั้งตัวแล้วไปได้ดี เขาเป็นคนจิตใจงดงามมากๆ ฉันอยากให้เขากลับเข้าบ้านนี้อีกครั้งในฐานะเมียแต่ง”
เมธาวินทนฟังอีกต่อไปไม่ไหว เขาก้าวขาพรวดยาวๆ แต่ไม่ได้เดินเข้าไปหาปู่ตัวเอง ชายหนุ่มเลือกที่จะเดินหนี...
โชคดีที่เขาลอบฟัง ถึงได้รู้เรื่องนี้เข้า เมธาวินแน่ใจว่าการห้ามปู่ของตัวเองเป็นเรื่องสุดท้ายที่เขาควรจะทำ
การไปเจรจากับยัยเจ้าของร้านแววหวานต่างหากที่เขาต้องลงมือ!
เมธาวินขับรถปอร์เช่ของตัวเองออกมาจากบ้านปรมัธภาภรอย่างหุนหันพลันแล่น เขาพยายามนึกหน้าของเหล่าเด็กๆ ลูกหลานคนงานในบ้านที่ปู่ของเขาเมตตาอุปการะไว้สามสี่คน แต่ละคนนั้นเขาเห็นผ่านๆ แล้วก็ลืมไม่ได้จดจำอะไร พวกเธออาศัยอยู่อีกตึกหนึ่งไม่ค่อยได้มายุ่มย่ามบนตึกใหญ่ แต่ตอนรับทุนอาจจะมารายงานผลการเรียนกับปู่เขาบ้าง และนั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่เขาสนใจเด็กสาวคนนั้น
คนตัวโตคลึงระหว่างหัวคิ้วของตนเองที่กำลังย่นเข้า เขารู้สึกว่าปวดหัวกับเรื่องที่ได้ยิน แต่ก็รู้ตัวว่าถ้าไม่แก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ก็อาจจะเป็นเรื่องที่บานปลายเกินแก้ไข
ย่าของเขาเสียตั้งแต่ท่านยังเป็นหนุ่มใหญ่ จนตอนนี้เข้าสู่วัยชรา ปู่ของเขาไม่เคยมองใครในแง่ชู้สาว แต่เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นท่านถึงนึกอยากมีเมียเด็กขึ้นมา...
เสียงถอนหายใจยาวดังพรืด... เขาปักหมุดจีพีเอสเพื่อนำทางไปร้านแววหวาน เส้นทางสู่ร้านนั้นรถติดจนถนนขึ้นเป็นสีแดงเถือก แม้จะไม่พอใจกับบรรยากาศตอนนี้มาก ทว่าเขาก็อดทนเพราะเขาต้องไปพบผู้หญิงคนนั้นให้ได้! เขาจะเป็นเสนอเงินให้เธอก่อนแลกกับสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับปู่เขา
แม่สื่อก็แม่สื่อเถอะ เมธาวินลงมือก่อน ชนะก่อนเห็นๆ