“เอ่อ...เอ่อ...”
นารินดาอายหน้าแดงซ่าน เธอลืมเรื่องรหัสลับซะสนิทใจ เกิดอาการอึกอักที่จะเอ่ยบอกรหัสลับระหว่างตนกับนายจ้างผู้นี้
“ว่ายังไง นารินดา รหัสลับคืออะไร คุณเข้าใจที่ผมถามไหม”
ขณะย้อนถามในคำถามเดียวกันที่หญิงสาวได้เอ่ยถามตนเอง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ผุดขึ้นบนใบหน้าคมเข้ม ดวงตาไหวระริกแพรวพราว เมื่อเห็นใบหน้าของนารินดากลายเป็นสีแดงไม่ต่างจากลูกแอบเปิ้ล
“ฉันลืมไปแล้วว่ารหัสลับคืออะไร”
เอ่ยโกหกเสร็จ นารินดาก็เบือนหน้าหนี อายจนไม่อยากพูด ไม่อยากมองสบตากับนายจ้างจอมหื่นและแลดูกักขฬะในทุกนาที
เมื่อนารินดาเลือกการโกหก คีรินทร์ก็ยักไหล่ใส่อย่างยียวน เอ่ยบอกให้นารินดาต้องกัดฟันดังกรอดๆ ด้วยความโมโหจับใจ
“ถ้าคุณไม่บอกรหัสลับ ก็อย่าหวังว่าผมจะเชื่อว่าคุณคือผู้หญิงที่ผมเลือกให้เป็นบอร์ดี้การ์ดของผม และช่วยไปบอกพงศ์พล เจ้านายของคุณให้เตรียมทนายไว้ด้วย เพราะผมจะฟ้องเขาให้หมดตัว โทษฐานที่ไม่ทำตามสัญญาว่าจ้าง ไม่ส่งบอร์ดี้การ์ดมาอารักขาผมขณะอยู่ในเมืองไทย”
นารินดากัดฟันกรอดถลึงตาเขียวปั้ดกับคำขู่ฟ่อของคนตรงหน้า แม้ไม่อยากบอกรหัสลับที่ส่อเค้าว่าจะเข้าเนื้อตัวเอง แต่ก็จำต้องเอ่ยบอกที่สุด
“36 24 34”
รหัสลับที่หลุดออกมาจากเรียวปากอิ่มค่อนข้างแผ่วเบา เพราะเจ้าตัวไม่เต็มใจเอ่ยบอกสักเท่าไร ทำให้คีรินทร์ลอบยิ้ม และแกล้งหญิงสาวหนักกว่าเดิม
“อะไรนะ นารินดา ผมได้ยินไม่ชัดสักเท่าไร”
“36 24 34”
นารินดาถลึงตาใส่ เอ่ยบอกสัดส่วนของตนเองเสียงลอดไรฟัน ซึ่งเป็นรหัสลับอันสุดแสนเซ็กซี่ ที่คีรินทร์ชื่นชอบหนักหนา
“พูดช้าๆ ชัดๆ อีกสักครั้งสิ นารินดา”
คีรินทร์ยังคงแกล้งไม่เลิก มือใหญ่ยกขึ้นทำท่าป้องใบหูของตนเอง เมื่อออกคำสั่งให้หญิงสาวบอกรหัสลับอีกครั้งและอีกครั้ง
นารินดาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กัดฟันดังกรอดๆ กำมือเข้าหากันเพราะความโกรธจัด ดวงตาคู่สวยจ้องมองคีรินทร์เขม็ง อยากซัดชายหนุ่มด้วยหมัดลุ่นๆ สักหมัดสองหมัดให้หายเจ็บใจ
แต่...เมื่อไม่อาจทำร้ายอีกฝ่ายได้ อีกทั้งคีรินทร์ก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินรหัสลับ หญิงสาวจึงแก้เผ็ดด้วยการเอื้อมมือไปจับยึดบนบ่ากว้างไว้ แล้วเขย่งปลายเท้าขึ้น ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหูของคีรินทร์ ก่อนจะตะโกนกรอกใส่หูของอีกฝ่ายซะเลย
“36 24 34 ได้ยินชัดแล้วใช่ไหม คุณคีรินทร์”
“ถูกตะคอกใส่เต็มรูหูขนาดนี้ ถ้าไม่ได้ยิน ก็หมายความว่าเป็นคนหูหนวกแล้ว นารินดา”
คีรินทร์ดึงใบหน้าถอยหนี ขณะแขวะกลับคืน และใช่ว่าจะยอมให้นารินดาแกล้งเขาฝ่ายเดียวเท่านั้น มือใหญ่ที่ไวปานปรอทคว้าหมับไปตรงเอวเล็ก ดึงร่างบางให้แนบชิดมากับกายตน แล้วฉกริมฝีปากร้อนรุ่มบดขยี้จุมพิตอันแสนเร่าร้อนลงไปโดยที่นารินดาไม่มีโอกาสได้ช่วยเหลือตัวเอง
นารินดาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าตนเองจะถูกจู่โจมด้วยจุมพิตอันแสนดุดัน ต้องใช้เวลาเป็นนานหลายนาทีกว่าจะร้องประท้วง รวบรวมเรี่ยวแรงให้หลุดพ้นจากอ้อมแขนของคีรินทร์
“ไอ้บ้า!”
ผัวะ!
สิ้นเสียงเค้นด่า หมัดลุ่นๆ ก็ซัดไปบนใบหน้าคมเข้มเต็มแรง ท่ามกลางความตกใจของโลแกน และผู้โดยสารที่มาใช้สนามบิน ซึ่งต่างก็มองมายังนารินดาเป็นจุดเดียว
“คุณชกเจ้านายของผม!”
โลแกนเค้นเสียงห้วน ก้าวเท้าเข้าหานารินดาซึ่งตั้งหลักรอรับมืออยู่แล้ว ทว่า...โลแกนไม่ทันได้คว้าตัวคนที่ชกเจ้านายตนเองมาลงโทษ ก็มีเสียงเค้นห้ามซะก่อน
“โลแกน! หยุดเดี๋ยวนี้!” คีรินทร์สั่งเสียงห้วน
“แต่เธอชกหน้าเจ้านาย” โลแกนไม่ยอมความง่ายๆ
“ไม่เป็นไร เราจัดการเอง” คีรินทร์ดึงมือโลแกนไว้ไม่ให้ก้าวเข้าหานารินดา
“ก็ได้ครับเจ้านาย”
โลแกนตีหน้าบึ้งตึงไม่พอใจกับคำสั่งห้ามของเจ้านาย แต่ก็จำต้องรับคำ แล้วก้าวถอยกลับไปยืนอยู่ข้างหลังเจ้านายหนุ่ม
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”
ใช่ว่าจะยอมถอยง่ายๆ โลแกนทำปากขมุบขมิบเค้นเสียงลอดไรฟัน จ้องมองนารินดาอย่างไม่เป็นมิตร
“หมัดหนักใช่ได้นี่ นารินดา”
คีรินทร์เอ่ยชมยิ้มๆ หลังจากตกตะลึงไปหลายนาที เพราะเกิดมาไม่เคยถูกผู้หญิงชกเต็มรัก หลังจากจูบพวกเธอแล้ว
“ขอบคุณสำหรับคำเหน็บแนม”
นารินดาตอบกลับเสียงแข็ง ดวงตากลมโตจ้องมองเขม็งไปยังมือใหญ่ ที่กำลังคลึงปลายคางเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด ก็เอ่ยถามต่อ
“อยากได้อีกสักหมัดซ้ำรอยเดิมไหมคะ คุณคีรินทร์”
คนที่ถูกถามยักไหล่ใส่ยียวน ก้าวเท้าเข้ามาใกล้ร่างบาง ลดใบหน้าหล่อเหลาลงต่ำ ทอดมองแน่นิ่งไปยังดวงตาคู่สวย แล้วกระซิบตอบโดยไม่มีหวาดกลัวกับคำขู่ของบอร์ดี้การ์ดสุดเซ็กซี่
“แลกกันไหมล่ะ หนึ่งหมัดกับหนึ่งจูบ ถ้าคุณเซย์เยส...ผมจะยอมให้คุณชกทันที”
“โรคจิต ชอบความเจ็บปวด”
“ก็อยากได้จูบหวานๆ จากคุณนี่น่า...”
“กักขฬะ!”
นารินดาเค้นเสียงด่าเพื่อกลบเกลื่อนอาการของตนเอง ซึ่งเธอบอกว่าถูกว่าทำไมถึงเกิดอาการร้อนซู่ซ่าแล่นไปทั่วทุกเส้นเลือดในทุกครั้งที่ถูกมองด้วยสายตาคู่นี้
“ก็กักขฬะกับคุณเท่านั้นแหละ คุณบอร์ดี้การ์ด”
คีรินทร์ลดใบหน้าลงต่ำจนจมูกโด่งเป็นสันแทบชนกับพวงแก้มเนียนแดงปลั่ง พอเห็นนารินดาขึงตา แยกเขี้ยวใส่ ก็หลุดเสียงหัวเราะร่วน รู้สึกมีความสุขที่ได้ทำให้หญิงโกรธตนเอง
“โกรธจนหน้าแดงเลยน่ะ นารินดา”
นารินดาผงะถอยหนีแทบไม่ทันตอนใบหน้าคมเข้มลดลงต่ำเข้ามาหา หญิงสาวถลึงตาใส่อีกฝ่าย พร้อมกับยื่นเอกสารในมือให้ จงใจเหวี่ยงไปบนแผงอกกว้าง แล้วเอ่ยบอกเสียงห้วนๆ
“หยุดหน้าหม้อได้แล้ว นี่ค่ะ! แผนการท่องเที่ยว ฉันจัดโปรแกรมมาให้คุณเรียบร้อยแล้ว”
เมื่อนารินดาจงใจกระแทกซองเอกสารใส่หน้าอกซะเต็มแรง คีรินทร์ก็ไม่ยอมน้อยหน้า รีบคว้ามือเล็กทั้งๆ ยังคงถือซองเอกสารมาจรดริมฝีปากอย่างรวดเร็ว และมีของแถมขบกัดลงไปเบาๆ แล้วตวัดลิ้นโลมเลียซ้ำลงไปบนรอยที่กัด ทำเอาผู้เป็นเจ้าของมือเล็กต้องขนลุกซู่ร้อนผะผ่าวไปทั้งตัว