(นางในดวงใจ)
วันนี้ดงลงทุนเดินไปหาปลายังบึงบัว เขาจับมาได้หลายตัว ความตั้งใจดั้งเดิม เขาไม่คิดจะจับมาทำอาหารหรอก เพียงแต่กำลังคิดอยากจะหาเรื่องมาเห็นหน้านางในดวงใจก็เท่านั้น โชคดีที่นางพรานทัพทองมีธุระต้องออกไปข้างนอก ในเรือนไม้หลังใหญ่จึงเหลือเพียงสาวน้อยฉกา
ดงส่งเสียงเรียก สาวน้อยจึงวิ่งหน้าตั้งลงมาหาด้วยความคุ้นเคย รู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้ได้รับความอนุเคราะห์ช่วยเหลือจากนายพรานของเธอ
“นายบ้านไม่อยู่หรอกพี่ เพิ่งออกไปเมื่อสักครู่นี้เอง”
“พี่เจอกับนายบ้านกลางทางแล้วล่ะ พอดีพี่จับปลามาได้ตั้งหลายตัว เลยตั้งใจจะเอามาให้ฉกาทำแกง...”
“ขอบใจสำหรับปลานะจ๊ะ...ถ้าพี่ดงไม่รีบกลับ ก็อยู่กินข้าวด้วยกันก่อน ฉันกำลังตั้งสำรับอยู่พอดี...”
ฉการับปลาในมือดงมาถือ เอ่ยปากชวนให้ชายหนุ่มที่ตัวเองนับถือเป็นพี่ชายอยู่กินข้าวด้วยกัน ดงรีบรับคำด้วยสีหน้าชื่นบาน ถูกใจเขาเหลือเกิน ไม่เสียแรงที่ลงทุนลงน้ำตัวเปียก ดักสุ่มจับปลามาเป็นข้ออ้าง
ได้กินข้าวกับสาวในดวงใจ ไอ้ดงจะกินให้พุงกาง
“พี่ไปนั่งรอฉันตรงหน้าชานเรือนแป๊บนะจ๊ะ ฉันจะเอาปลาเข้าไปเก็บในครัว แล้วจะรีบตั้งสำรับ รอไม่นานหรอก...”
ฉกาเอ่ยขอตัวเอาปลาในข้องเข้าไปขังเก็บไว้ในห้องครัวก่อน ส่วนสำรับอาหารนั้นเธอจะตักแกงมาเพิ่มอีกสักหน่อย ตามจริงเธอเตรียมไว้กินเพียงคนเดียวมีเพียงไม่กี่อย่าง ด้วยนายพรานทัพทองลงมือกินก่อนจะออกไปธุระสำคัญ
สาวน้อยขนถ้วยแกงทุกอย่างมาวางในถาดจนหนักอึ้ง ดงเดินตามมาไม่ได้ไปนั่งรอ เห็นสาวเจ้าทำท่าจะยกถาดหนักๆจึงรีบอาสาถือให้ ทั้งคู่จึงเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกัน แล้วเดินมานั่งลงตรงแคร่ไม้หน้าชานเรือน เป็นที่นั่งประจำสำหรับเอาไว้กินข้าว ชาวบ้านเดินผ่านไปมาถ้ามองขึ้นมาบนเรือนก็จะเห็น
โดยปกติดงมักมาเยี่ยมเยือนเรือนของนายบ้านสามโคกบ่อยครั้ง เกือบทุกครั้งเขาก็มักจะอยู่กินข้าวปลาด้วยเสมอ ต่อให้ต้องนั่งทนเจ็บกับภาพบาดตาตรงหน้าก็ยอม ขอให้ได้อยู่มองหน้าหวานๆของนางในดวงใจไอ้ดงทนได้เสมอ
อาหารหน้าตาธรรมดา แต่ก็ให้รสชาติอร่อยรสมือเหลือจะบรรยาย ไอ้ดงขอข้าวสวยร้อนๆเพิ่ม กินจนกระทั่งเกลี้ยงหม้อ อิ่มท้องแล้วก็ยังไม่คิดอยากจะกลับกระท่อม ยังอยากหาเรื่องพูดคุยกับนางในดวงใจต่ออีกสักหน่อย ก่อนจะตัดใจลากลับตอนตะวันสายโด่ง...
---------------------------------
ในระหว่างทางเดินจะกลับกระท่อม...ซึ่งอยู่หลังหมู่บ้านสามโคก...คนที่หิ้วปิ่นโตหน้าตายิ้มระรื่นมาตามถนนสายตาปะทะเข้ากับชายที่ตนรัก มะเฟืองฉีกปากยิ้มกว้างกว่าเดิม บุพเพสันนิวาสเห็นๆ
“พี่ดงจ๋า...ไปหาปลามาหรือจ๊ะ? ดีจัง...ฉันกำลังอยากทำต้มยำปลาอยู่พอดี...” เพราะเห็นข้องที่ดงสะพายไว้ตรงหัวไหล่ มะเฟืองจึงเข้าใจว่าอย่างนั้น ไหนๆความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาก็รุดหน้าไปถึงขั้นเห็นตับไตไส้พุงระหว่างกันจนไม่เหลือสิ่งใดเป็นความลับ มะเฟืองจึงคิดเข้าข้างตัวเอง...เธอเป็นคนพิเศษสำหรับเขา
ดงถอนหายใจหนัก สีหน้าเบิกบานที่ได้พูดคุยกับนางในดวงใจบูดบึ้งลงฉับพลัน เพราะมัวแต่เดินใจลอยเลยไม่ทันเห็นนังมะเฟือง ถ้าเห็นก่อนหน้านี้สาบานได้ว่าเขาจะรีบกระโดดหลบลงข้างทาง ไม่ให้มันเห็นเขาเด็ดขาด
สาวที่ไม่น่าโปรดปรานยังไม่รู้ตัว เจ้าหล่อนเดินปรี่ตรงเข้ามาหาชายที่ตนหลงรักโดยไม่ดูสีหน้าเขาสักนิด ดงแสดงออกถึงความเบื่อหน่ายมากมายสักแค่ไหน ครั้งแรกก็ใช่ว่าจะทำให้เขารู้สึกประทับใจ ยังคิดว่าเพียงหนเดียวก็เกินพอ
“ไหนจ๊ะ...พี่ได้ปลาอะไรมาบ้าง?ฉันจะได้เอาไปทำกับข้าวให้พี่กินพรุ่งนี้”
แทนที่ดงจะเปิดฝาข้องให้ดู ชายหนุ่มกลับย่ำเท้าเดินเบี่ยงหลบจนเกือบทำเอามะเฟืองหน้าทิ่ม ขายาวๆรีบก้าวไปโดยไม่คิดเหลียวหลังกลับมามอง
“พี่ดง...พี่จะรีบไปไหนนักหนา ไม่เห็นหรือว่าฉันจะล้มหัวทิ่มพื้นแล้วเนี่ย...” มะเฟืองส่งเสียงโวยวาย รีบกระโจนซอยเท้าวิ่งไปดักหน้าคนหน้าตาบูดบึ้งไม่ยอมพูดไม่ยอมจาแถมยังเดินหนีเธอมาอย่างหน้าตาเฉย
และเพราะได้เห็นสีหน้าเขาเต็มๆตา มะเฟืองจึงหัวใจกระตุก...อาการลิงโลดก่อนหน้าดิ่งวูบ ทั้งที่เธอกับเขาแทบจะเรียกได้ว่าเป็นผัวเมียกันแล้วแท้ๆ พี่ดงก็ยังมีสายตารังเกียจเธออยู่อีกงั้นหรือ...
“พี่ดง...ฉันคิดถึงพี่นะ”
คิดถึง และอยากให้พี่ทำฉันเหมือนอย่างวันนั้น....มะเฟืองคิดในใจ
“เอ็งจะไปไหนก็ไปปะ...จะมาคิดธง คิดถึงอะไรข้านักหนา ไร้สาระ”
ดงไม่เพียงแต่พูดมือใหญ่ยังดันร่างอ้วนให้หลบทางเดิน ชักสีหน้ารำคาญ คนมันไม่คิดจะรักเลยไม่ต้องใส่ใจไยดีในความรู้สึก ถ้าเปลี่ยนเป็นสาวน้อยฉกาก็ไปอย่าง รายนั้นต่อให้เป็นเดือนหรือดาว ถ้าเพียงต้องการไอ้ดงคนนี้ก็พร้อมจะสอยลงจากฟ้ามาให้ได้เสมอ
“อะ...เดี๋ยวก่อนสิพี่ดง ฉันเอาปิ่นโตมาให้พี่ด้วยนะ มีแต่ของโปรดของพี่ทั้งนั้นเลยด้วย” คนถูกผลักไสยังคงตามตื๊อไม่เลิก ยกปิ่นโตไปขวางหน้า อดกลั้นอารมณ์น้อยใจไม่ให้มันผุดขึ้นมา เอาเถอะ...ก็เธอดันเกิดมาไม่สวยเองนี่นา ยังไงก็ต้องพยายามมากขึ้นกว่านี้อีกสักหน่อย ในเมื่อไม่มีความสวยเข้าช่วยคงต้องใช้เสน่ห์ปลายจวักนี่ล่ะ สักวันพี่ดงจะต้องใจอ่อน
“บอกให้ไปไกลๆ “ ปิ่นโตถูกปัดออกห่าง มะเฟืองยังคงฉีกยิ้มกว้าง ส่งใบหน้าเข้าไปใกล้แทนปิ่นโตในมือ
“เดี๋ยวฉันถือไปให้ถึงกระท่อมก็ได้จ้ะ”
“ก็บอกว่าไม่ต้องทำมาให้แล้วไง พูดภาษาคนนี่มันทำให้เอ็งเข้าใจยากเย็นนักหรือไงวะ!...” ดงขึ้นเสียงรำคาญ กี่ครั้งกี่หนก็ไม่เคยเข้าใจว่าเขาไม่อยากกิน ไม่อยากให้เข้ามาวุ่นวายในชีวิต
“ฉันฟังเข้าใจ แต่ก็อยากทำมาให้พี่กินนี่นา...” มะเฟืองยังคงทำใจดีสู้เสือ ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก ใบหน้ากลมขยับเข้าใกล้ส่งสายตาที่คิดว่าหวานสุดๆส่งไปให้เขา เผื่อพี่ดงจะใจเย็น
“ถ้าเอ็งไม่อยากเจ็บตัวก็รีบไปให้พ้นหน้าข้า...” ดงผลักใบหน้าขี้เหร่ของสาวอ้วนที่ชอบทำตัวน่ารำคาญออกห่าง ร่างอ้วนที่ยังปักหลักขวางทางเดิน พลันถูกเหวี่ยงจนล้มกระแทกพื้น ปิ่นโตในมือร่วงกระแทกดินแข็งจนข้าวแกงด้านในหดเรี่ยราด
“ว้าย!...” ส่วนมะเฟืองร้องเสียงหลง หน้าคว่ำเกือบจูบพื้นดิน ดีที่มือสองข้างช่วยยันพื้นไว้ได้ทัน เจ็บจนน้ำตาคลอเบ้า ฝืนอดทนกลั้นเสียงกรีดร้องเอาไว้ พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เห็นพี่ดงของมะเฟืองก็เดินจ้ำอ้าวไปไกลเสียแล้ว มะเฟืองอึดอัดคับข้องใจได้แต่กัดฟันกรอดๆ
นึกว่าจะหนีฉันพ้นมืองั้นหรือพี่ดง...
------------------------------
นายทองสุขนั่งอยู่หน้าเรือนหลังกะทัดรัดของตัวเอง เมียยังไม่กลับมาจากเรือนเพื่อนบ้านเพราะติดพูดคุยปัญหาชาวบ้านตามประสาคนชอบนินทาเป็นอาจิณ บนตักแกมีกระจาดใส่ข้าวสาร กำลังก้มหน้าก้มตาเลือกตัวมอดทิ้งเพลิดเพลิน พลันหูก็ได้ยินเสียงย้ำเท้าหนักๆดังขึ้นมาไม่ห่าง ไม่ต้องให้แกเสียเวลาเงยหน้ามองก็พอจะเดาออกว่าเป็นเสียงของใคร
คนเป็นพ่อได้แต่ทอนหายใจหนัก ดูท่าไอ้ดงมันคงจะไล่กลับมาอีกตามเคย ทั้งที่ตัวเขาเคยสั่งว่าห้ามไปยุ่งวุ่นวายกับไอ้คนพรรค์นั้น ทว่าอีลูกสาวตัวดีก็ไม่เคยเชื่อฟัง วันๆ หายใจเข้าออกเป็นแต่ไอ้หนุ่มต่างถิ่นที่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังโหดเหี้ยม ...
“พ่อ...ฉันกลับมาแล้ว”
มะเฟืองส่งเสียงหงุดหงิด กระแทกปิ่นโตในมือลงบนพื้นแคร่นั่งพร้อมกระแทกตัวนั่งหน้างอหงิกข้างบิดา ปลายจมูกแดงก่ำเพราะเพิ่งจะหยุดร้องไห้ด้วยความรู้สึกเจ็บใจมาก่อนจะเดินถึงเรือน มิหนำซ้ำระหว่างทางยังเจอสายตาขบขันจากไอ้หนุ่มบ้านสามโคก คงจะหัวหน้าตามอมแมมเปื้อนน้ำตาของตัวเธอเองกระมัง ยิ่งหน้าตาไม่สวยแล้วมาสกปรกมอมแมมด้วยคาบน้ำตาอีกทีนี้ก็เลยคงยิ่งดูไม่จืด
“ทำไมล่ะพ่อ...ทำไมฉันถึงไม่เกิดมารูปร่างดีเหมือนอย่างอีฉกาหรืออีนังส้มแป้นมันบ้าง...” คนไม่สวยชักจะรู้สึกขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาอีกจนได้ รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาตัวเองจนถึงขั้นพาลไปยังผู้ให้กำเนิด
นายทองสุขเหลือบสายตาขึ้นมองลูกสาวก่อนจะดึงกลับมาสนใจกับงานตรงหน้าต่อ ในใจก็คิดตาม...นี่ถ้าเขาเลือกได้ก็ดีสิ เขาจะได้เลือกแต่สิ่งดีๆให้กับลูกคนนี้ ใช่ว่าเขาอยากจะให้นังมะเฟืองมันเกิดมารูปร่างหน้าตาไม่สวยสักหน่อย หากทำอย่างไรได้ในเมื่อตัวเขาเองก็ใช่ว่าจะหล่อเหลา ส่วนเมียหรือแม่ของนังมะเฟืองรายนั้นยิ่งแล้วใหญ่ หน้าตาละม้ายคล้ายกับลูกสาวไม่ผิดเพี้ยน รวมๆกันแล้วจะเอาตรงไหนมาสวยล่ะลูกเอ่ย
“นี่ถ้าฉันสวยเหมือนกับอีนังสองคนนั้น ป่านนี้พี่ดงคงจะหันมาสนใจฉันนานแล้ว ไม่ใช่เอาแต่คอยผลักไสไล่ส่งฉันท่าเดียวแบบนี้หรอกพ่อ”
สิ้นคำของลูกสาว กระจาดในมือคนเป็นพ่อถูกวางกระแทกลงข้างลำตัว
“เอ็งไม่เบื่อบ้างหรืออย่างไรวะนังมะเฟือง ข้าเห็นวันๆ เอ็งเอาแต่คอยวิ่งไล่ตามไอ้ดงมันอยู่ได้...ทั้งที่ข้าก็ได้ยินมาชัดเจนเต็มสองหู มันไม่เคยคิดจะเอาผู้หญิงอย่างเอ็งมาผูกข้อมือทำเมียให้เสียชาติเกิด เอ็งก็ยังไปคอยตามตื๊อมันอยู่นั่นแหละ เอ็งไม่อายแต่ข้าในฐานะพ่อขอบอกตามตรงว่าโคตรจะอาย...”
นายทองสุขทำหน้ามุ่ย นึกย้อนไปเมื่อหลายวันก่อน เป็นวันที่เขาเดินกลับจากเรือนเพื่อนบ้าน ตอนนั้นเขาเห็นนังมะเฟืองกำลังยื้อยุดฉุดกระชากอยู่กับไอ้ดงตรงหลังโพรงไม้สูงราวสามเมตร ความเป็นพ่อที่เห็นลูกในอกกำลังโดนรังแก เลยหมายจะเข้าไปช่วย หูคอยฟังการโต้เถียงพอจะจับใจความได้บางส่วน ลูกสาวของตัวเองร้องอ้อนวอนขอความรักจากไอ้หนุ่มนั่น หากประโยคต่อมาทำให้เท้าที่เตรียมจะเดินต่อก็หยุดลงซะดื้อๆ ใจหนึ่งนึกสงสารลูกสาวจับหัวใจ หากอีกใจหนึ่งกลับรู้สึกโล่งอก ก็คงไม่มีพ่อคนไหนอยากให้ลูกสาวตกเป็นเมียอดีตนักฆ่า
ทองสุขจึงไม่เลือกจะเดินเข้าไปช่วยลูกสาว เปลี่ยนเป็นเดินกลับเรือนแทน
‘เอ็งไม่เคยหัดดูสารรูปตัวเองบ้างเลยหรือไงวะนังมะเฟือง จะมีผู้ชายหน้าโง่ที่ไหนเขาจะหน้ามืดกล้ามาขอเอ็งผูกข้อมือด้วยลงคอ แล้วนับประสาอะไรกับข้าจะตาต่ำไปขอเอ็งมาผูกข้อมือให้เสียชาติเกิด...’ คำพูดบาดลึกเชือดเฉือนเข้ากล่องหัวใจเต็มเปา มะเฟืองกลับเลือกจะไม่รับฟัง ยังคงดื้อด้านหมายเรียกร้องความรักจากชายที่ไม่คิดแม้แต่จะชายตาแล
‘แต่ว่าฉันรักพี่มากนะ...รักพี่คนเดียวด้วย...’
ความจริงมะเฟืองเถียงไม่ถูกหรอกเลยเลือกจะแสดงสิ่งที่ตัวเองรู้สึกบอกให้พี่ดงได้รับรู้ เพราะคำพูดทุกประโยคทุกคำล้วนเป็นสิ่งถูกต้อง ตั้งแต่เธอเริ่มรู้ความก็มักถูกผู้ชายในหมู่บ้านสามโคกส่ายหัวเมินใส่มาโดยตลอด มะเฟืองจึงหาเกาะป้องกันความรู้สึกตัวเองด้วยการโวยวายด่าทอกลบเกลื่อน ไม่มีใครรู้หรอกทุกครั้งที่ถูกเมินใส่ เธอต้องกลับมาแอบนอนร้องไห้ในห้องเสมอ
“ถ้าพ่อจะอายนั่นก็เป็นเรื่องของพ่อ ไม่เห็นเกี่ยวกับฉันสักหน่อย...”
มะเฟืองเถียงกลับ อายเหรอ...ใช่ว่าจะไม่รู้สึก
ทองสุขตวัดสายตาฉุนเฉียวมองอีนังลูกหน้าโง่ แล้วเรื่องต้องทำให้อับอายมันไม่เกี่ยวกับมันตรงไหนวะ เกี่ยวกันตรงๆเลยนั่นแหละ ถ้าด่าออกไปหัวใจคนเป็นพ่อก็เจ็บไม่ต่างกัน ดังนั้นทองสุขเลยปิดปากสะบัดตูดเดินหนีขึ้นเรือนโดยมือข้างหนึ่งยกขึ้นมาปาดน้ำใสๆตรงหางตาทิ้ง
แล้วพ่อจะช่วยให้เอ็งสวยเหมือนกับเพื่อนๆได้อย่างไรเล่าลูกเอ่ย...
มะเฟืองที่ยังคงมีอารมณ์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟคว้าปิ่นโตเดินกระแทกเท้าเข้าครัว เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยบุกไปหาพี่ดงถึงกระท่อม…