หยวนหยวนตัวแข็งทื่อ ริมฝีปากเม้มชิด ร่างกายนางปฏิเสธน้ำแกงในชามดังกล่าว กลิ่นหอมก็จริง ทว่านางคล้ายเห็นภูตผีเต้นระบำอยู่ในชามใบนั้น
“ดื่มเสียหน่อย จะได้มีแรงนะเจ้าคะ น้ำซุปไก่ดำกับโสมพันปีที่มากับเรือขนสนค้า ล้วนหายากทั้งนั้น หากต้องเททิ้งคงน่าเสียดาย”
หยวนหยวนส่ายหน้าช้าๆ นางไม่ต้องการดื่มจริงๆ ทว่าหลัวฟู รู้ทัน จึงล้วงเข็มเงินในสาปเสื้อออกมา นางชูมันตรงหน้า แล้วยิ้ม ยิ้มในแบบที่ชวนให้ขนหัวลุก
“คุณหนูควรดื่มเสีย ด้วยมันคงง่ายกว่าการถูกฝังเข็มเข้าไปในนิ้วมือนะเจ้าคะ หากให้ข้าทำเยี่ยงนั้น ท่านอาจร้องโอดโอย ราวกับสุนัขถูกจับถลกหนัง!”
ได้ยินแล้ว หยวนหยวนไม่ได้กลัว แต่นางกำลังคิดอย่างใคร่ครวญ ในเมื่อนางไม่ใช่คุณหนูสกุลสวี่ เหตุใดต้องทำตามอีกฝ่ายกล่าว ขณะที่นางเตรียมจะปัดถ้วยน้ำแกงสีเข้มทิ้งเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
หยวนหยวนมองไปตามที่มาของเสียง เป็นสาวใช้อายุมากกว่านางสักปีสองปี สีหน้าสีตาอีกฝ่ายแสดงความตื่นกลัวบางสิ่ง และยังเอ่ยตะกุกตะกักว่า
“ข้าเห็นจริงๆ คุณหนูแปด ถูกคนร้ายทั้งซัดอาวุธใส่ และมีลูกธนูปักหัวไหล่นาง จากนั้นก็ตกลงไปในทะเลสาบดำ ป่านนี้ คงมิแคล้วจมอยู่ข้างใต้นั้น”
“เจ้ายังไม่หยุดกล่าว เหลวไหลอีกหรือ!” หลัวฟูส่งเสียงขุ่นถาม
“ก็ ขะ ข้าฝันร้าย ข้าเห็นคุณหนูมายืนอยู่หน้าเรือน และร้องขอให้ช่วย ตามหาศพ!”
สาวใช้ที่สวมชุดสีน้ำเงินแซมฟ้าอ่อนว่า ยามนี้ดวงตานางดูตื่นตระหนกต่อทุกสิ่ง
“เงียบ เจ้าอย่าได้พูดเช่นนี้อีก” และสาวใช้รุ่นใหญ่ที่อยู่ใกล้ ๆ พยายามปิดปากคนที่เจอผีหลอก ทว่าเป็นฝ่ายหลัวฟูที่เอ่ยถามเสียงเรียบๆ ต่อ
“เจ้าบอกว่าเห็นคุณหนูแปด หยางซิ่น ถูกคนทำร้ายและตกลงไปในทะเลสาบกระจก (ทะเลสาบดำ) เยี่ยงนั้นหรือ” หลัวฟูเรียกชื่อคุณหนูอย่างถนัดปาก น้ำเสียงไร้ความเคารพ
“ชะ ใช้แล้วแม่นมหลัว นางไม่ได้ตั้งใจฆ่าตัวตายแน่นอน เพราะนัดแนะคุณชายรองจวนกรมประมงไว้ว่า จะให้เขาไปส่งที่ต่างเมือง เพื่อไม่ต้องแต่งเข้าตำหนักขององค์ชายสาม ทว่าไม่ทราบด้วยเหตุใด คุณชายท่านนั้นกลับไม่มาตามนัด ซ้ำร้ายมีคนชุดดำโผล่มาหลายคน และต้องการฆ่าคุณหนูแปด!”
“เหตุใดถึงมาพูดเอาตอนนี้!” หลัวฟูเสียงเข้มใส่
ซิ่วเอ๋อร์อ้ำอึ้ง นางจะเอ่ยอย่างไรดี เรื่องนี้ทั้งน่าขำ และชวนให้สติวิปลาส
“เพราะข้าเห็นผีคุณหนูแปด มาอยู่หน้าเรือน ยามนอนก็ฝันร้าย ขะ ข้าทนไม่ไหวแล้ว!”
“โอ้ เห็นผีคุณหนูแปด!”
หลัวฟูถาม อีกฝ่ายพยักหน้ารัวแรง ยามนั้นใบหน้าเล็กๆ ซีดเซียว
“แล้วคนที่นั่งบนเตียงนี้เล่า มิใช่...คุณหนูของเจ้าหรือ” หลัวฟูถาม และชี้มาที่หยวนหยวน
สาวใช้ส่ายหน้า นางรู้ว่าสตรีคนนี้ละม้ายสวี่หยางซิ่น ทว่าหากพิศให้ดี กลับไม่ใช่ นิสัยก็แตกต่างกัน ตั้งแต่นางลืมตาตื่นขึ้นมา ก็ร้องหาผู้อื่นวุ่นวายไปหมด และคนเหล่านั้นทั้งจวนนี้ล้วนไม่มีใครรู้จัก โดยเฉพาะบุรุษที่มีนามว่า ‘เส้าเฟิง’
“มองให้ดี เจ้าตาฝาดหรือไม่!” หลัวฟูถามย้ำ น้ำเสียงเย็นเยียบ และกดลงให้ต่ำ ฟังแล้วก็รู้ว่านางกำลังโกรธ
“ข้าอยู่กับคุณหนูแปดมาเกือบสิบปี ไฉนจะจดจำนางไม่ได้!”
ได้ยินคำยืนยันชัดเจน หลัวฟูจึงหัวเราะหึๆ ก่อนซัดเข็มในมือออกไป จุดหมายคือดวงตาของซิ่วเอ๋อร์ผู้นั้น!!
หยวนหยวนอยู่เมืองนอกด่านมานับแต่จำความได้ นางเห็นความป่าเถื่อนอยู่เสมอ ทว่าสตรีนามหลัวฟู ช่างอำมหิต และเป็นคนที่นางไม่ควรขัดใจ
สาวใช้คนนั้นถูกพาตัวออกไป กลิ่นเลือดที่ไหลออกจากดวงตานางยังลอยอบอวลอยู่ในเรือนนี้
“เมื่อตาบอด นางย่อมมองไม่เห็นสิ่งใด คุณหนูแปดคิดเหมือนข้าหรือไม่” คำถามดังกล่าวมาพร้อมรอยยิ้มของหลัวฝู
“ขะ ข้าไม่รู้สิ่งใดทั้งสิ้น”
“ท่านเป็นเด็กดี ดื่มน้ำแกงนี้ซะ ร่างกายจะได้อบอุ่น ขับพิษไข้ที่ยังมีอยู่ มันยังทำให้ร่างกายท่านมีน้ำมีนวล และระบบภายในจะกลับมาเหมือนสาวน้อยวัยแรกแย้ม!”
นางไม่ค่อยกระจ่างใจต่อคำพูดหลัวฝู แต่ยังพอมีไหวพริบอยู่บ้าง การเอาตัวรอดในยามนี้ย่อมจำเป็น
“ตั้งแต่ข้าสร่างจากพิษไข้ ยังไม่ได้พบผู้อื่นในเรือนเลย นอกจากเจ้า และเอ่อ... สาวใช้”
“โถ คุณหนูช่างไร้เดียงสา ยามนี้ใครๆ ต่างวุ่นวาย เตรียมงาน โดยเฉพาะราชครูสวี่ ที่เป็นที่ไว้ใจของฝ่าบาท”
“มีเหตุอันใดหรือ”
หลัวฝูส่ายหน้าช้าๆ แล้วบอกนาง
“อีกสิบวัน คุณหนูต้องนั่งเกี้ยวเข้าตำหนักขององค์ชายสาม แต่งเข้าเป็นอนุสี่ของเขา”
“ตะ แต่งงาน!”
“มิผิด เรื่องนี้มีสิ่งใดน่าตื่นตระหนกกันเชียว!” หลัวฟูเอ่ยจบจึงสั่งให้ผู้คุมกฎบีบแก้มของหยวนหยวน เพื่อบังคับให้นางดื่มน้ำแกงในชามให้หมด
เป็นอีกคืนที่หยวนหยวนไม่อาจข่มตาหลับได้ง่ายๆ แม้วันนี้จะเหนื่อยมิน้อย แต่นางยังเฝ้าคิดถึงภาพของซิ่วเอ๋อร์ ซึ่งถูกเข็มเงินปักเข้าในดวงตา
และทั้งเช้า และบ่ายหยวนหยวนได้พบช่างที่มาวัดตัวตัดเสื้อผ้า คนพวกนั้นพูดจาดีกับนาง ทั้งชมว่าผิวขาวราวกับไข่ต้มปลอกเปลือก ดวงตากลมโต แพขนตางอนหนา ริมฝีปากนางเป็นสีดอกกุหลาบแดงระเรื่อ คนงามในเมืองหลวงมีมาก ทว่างามและชวนให้หลงใหลเห็นจะมีแต่บุตรีของราชครูสวี่เท่านั้น
“ชุดแดงขับผิวให้คุณหนูงดงามเหนือผู้ใดจริงๆ ถึงจะเป็นอนุสี่ แต่เป็นถึงอนุขององค์ชายสาม ย่อมสำคัญเหนือผู้ใด เพราะบุตรีของราชครูสวี่ สมควรได้ดูแลหลังบ้านทั้งหมด อนุอื่นคงไม่อาจเทียบชั้น” พ่อบ้านที่มาจากตำหนักองค์ชายสามผู้มีนามว่า เติ้งจู ว่าอย่างจีบปากจีบคอ เขาเป็นบุรุษที่รักสวยรักงาม ทั้งกิริยากระเดียดไปเหมือนสตรี และเติ้งจูผู้นี้ ใกล้ชิดองค์ชายสาม เป็นคนที่พระสนมจ้วงเทียนส่งมาดูแลตำหนักนอกวังนี้ และยังคอยจัดแจงทุกอย่างให้เรียบร้อย
“ใช่ ข้าย่อมเห็นด้วย อย่างไรคุณหนูก็นับว่าบุญหล่นทับครั้งใหญ่” หลัวฟูกล่าว
ฝ่ายหยวนหยวนไม่ได้มีปากเสียงอันใด กระนั้นนางก็รู้แต่ว่าไม่ควรเป็นอนุของผู้อื่น ในเมื่อหัวใจนางผูกพันกับคนผู้หนึ่ง ชายคนนั้นคือเส้าเฟิง ชื่อของเขานางยังระลึกได้ แม้หลายสิ่งในหัวละม้ายจะลางเลือน ทั้งนี้เป็นเพราะนางตกลงในทะเลสาบดำ! สถานที่ซึ่งสามารถชำระล้างบาป และความทรงจำในอดีตออกไปจนหมด ทว่าก่อนพลัดตก นางอธิษฐานให้ตนไม่ลืมชายที่นางรัก และขอให้ได้พบกันอีก หากอยู่ก็ต้องได้พบหน้า ตายต้องเห็นศพ!