คืนนั้นจ้าวเสวี่ยนอนหลับอยู่ที่ห้องหนังสือของตัวเอง ด้วยเพราะเขายังมีงานค้างที่ต้องสะสางอยู่อีกมาก ทำให้เขาไม่ได้ไปนอนที่เรือนของภรรยาคนไหนอย่างที่ควรจะเป็น
กลางดึกสงัดที่เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามจื่อ (23.00-24.59น.) ท่ามกลางความมืดของราตรีกาลและความเงียบสงบ กลับมีกลุ่มควันสีแดงจางๆ ลอยละลิ่วเข้าไปในห้องหนังสือของจ้าวเสวี่ย กลุ่มควันสีแดงจางๆ นั้นลอยหยุดอยู่ตรงหน้าของบุรุษวัยสามสิบเก้า จากนั้นมันก็ค่อยๆ ลอยหายเข้าไปในโพรงจมูกของจ้าวเสวี่ย
ผ่านไปราวหนึ่งถ้วยชาร่างของบุรุษที่นอนหลับอยู่ก็ลืมตาขึ้น เขาส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยเพื่อเรียกสติ จากนั้นเขาก็เดินไปยกสุราที่ตั้งอยู่ในห้องขึ้นกรอกปากรวดเดียวจนหมดกา แล้วก็เดินออกมาจากห้องหนังสือมุ่งหน้าสู่เรือนทางปีกซ้ายของจวนอันเป็นเรือนของอู๋เยว่ฉินผู้เป็นฮูหยินเอก
“คารวะนายท่าน” สาวใช้หน้าห้องนอนของอู๋เยว่ฉินเอ่ยขึ้นด้วยแปลกใจ ดึกป่านนี้แล้วนายท่านมาทำอะไรที่เรือนนี้อีก
“เอ่อ...ฮูหยินหลับไปแล้วเจ้าค่ะ นายท่านจะให้ข้าน้อยเข้าไปปลุกหรือไม่เจ้าคะ?”
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า แล้วก็ถอยออกเฝ้าห่างๆ ประตู”
“ระ...รับทราบแล้วเจ้าค่ะ”
จากนั้นร่างสูงของผู้เป็นเจ้าบ้านก็เดินหายเข้าไปในห้องนอนของฮูหยินเอก โดยมีสายตาของสาวใช้เฝ้าหน้าห้องสองคนมองตามไปด้วยความแปลกใจระคนสงสัย ปกติแล้วนายท่านไม่ใคร่จะมานอนค้างกับนายหญิงของพวกนางเท่าไหร่ ในหนึ่งเดือนจะมาค้างแรมอยู่ที่นี่ไม่เกินสี่ครั้ง นอกนั้นก็จะสลับไปนอนที่เรือนอื่น แต่ที่น่าแปลกคือเมื่อตอนเย็นนายท่านแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเหนื่อยหน่ายจากการเดินทาง คืนนี้ไม่น่าจะนอนค้างที่เรือนใด แต่ไฉนจึงเดินมาถึงเรือนปีกซ้ายได้
ร่างสูงของจ้าวเสวี่ยเดินเข้ามาถึงห้องนอนของผู้เป็นฮูหยินตนก็พบเข้ากับร่างงามของภรรยาสาวที่อายุอ่อนกว่าเขาหลายต่อหลายปีนัก กำลังนอนปล่อยผมดกดำยาวสยายไปทั่วแผ่นหลัง
แรกครั้งที่พบเจอนาง เขาถูกตาต้องใจในความงดงามและน่าทะนุถนอมของนาง อีกทั้งนางยังเยาว์วัยและดูแข็งแรง ท่าทางจะสามารถตั้งครรภ์ให้เขาได้ไม่ยาก และด้วยเหตุผลเหล่านั้นเขาจึงแสดงเจตนาถึงความต้องการและพึงใจในตัวนางให้ผู้เป็นบิดาของนางรู้ งานแต่งของเขากับนางจึงเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนต่อมา
ทว่าเมื่อคราได้ร่วมหอกับนางแล้วสองสามครั้ง ผ่านไปหลายเดือนก็ไม่เห็นวี่แววว่านางจะตั้งครรภ์ให้เขา ความผิดหวังอย่างมากมายจึงบังเกิดขึ้นในใจ ทำให้เลือกที่จะละเลยนางไปด้วยเพราะคิดว่าทำอย่างไรเสียนางก็ไม่ตั้งครรภ์เสียที
แต่หลังจากคราวนี้ได้ติดตามขบวนเสด็จของฮ่องเต้ลงไปทางใต้ กลับทำให้เขาได้รับความรู้ใหม่มา นั่นก็คือที่ผ่านมานั้นเขาอาจจะยังพยายามไม่มากพอเกี่ยวกับเรื่องบนเตียง นั่นจึงทำให้บุตรของเขาไม่สามารถมาเกิดได้อย่างที่ใจอยาก
ต้องเข้าให้ลึกถึงขีดสุดของความหฤหรรษ์ เสร็จสมอารมณ์หมายไปพร้อมกัน พลันความสุขสันต์จึงจะบังเกิด
นั่นคือสิ่งที่จ้าวเสวี่ยได้จากการตามเสด็จในครั้งนี้ และคืนนี้เขาก็จะเริ่มทดลองทำตามความรู้ใหม่ที่เพิ่งค้นพบมาใช้กับผู้เป็นฮูหยินเอกของตนเป็นคนแรก ด้วยเพราะอย่างไรเสียนางก็เป็นสตรีที่เขามีใจด้วยมากที่สุดเมื่อเทียบกับสตรีนางอื่นในจวน
ร่างใหญ่ขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะค่อยๆ โน้มกายนอนตะแคงข้างลงข้างกายบาง มือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้เรือนกายสาวตรงตำแหน่งต้นขา เรื่อยขึ้นมาถึงเอวคอด ลำแขนเสลา หัวไหล่มนขาวผ่องก่อนจะหยุดลงตรงลำคอระหงที่ใกล้กับพวงแก้มนุ่ม
จ้าวเสวี่ยยื่นใบหน้าเข้าไปประทับริมฝีปากที่พวงแก้มนุ่มเบาๆ ก่อนในครั้งแรก ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มความรุนแรงขึ้นในครั้งถัดมาเป็นเหตุให้ร่างบอบบางที่นอนหลับอยู่เริ่มรู้สึกตัว
“อ๊ะ? ...ทะ ท่านพี่” อู๋เยว่ฉินเอ่ยเรียกผู้เป็นสามีด้วยน้ำเสียงพลิ้วไหวทว่ากลับไปด้วยความแปลกใจ
เมื่อตอนกลับมาถึงเขายังชักสีหน้าเหนื่อยหน่ายใส่นางอยู่เลย ไยเวลานี้ถึงได้แอบเข้ามาลักหลับนางเช่นนี้เล่า
“เยว่เอ๋อร์...พี่คิดถึงเจ้านัก” จ้าวเสวี่ยไม่พูดเปล่า บุรุษวัยสามสิบเก้ายังยื่นหน้าเข้าไปจูบที่พวงแก้มนุ่มของภรรยาสาววัยสิบหกหนึ่งทีแล้วลากริมฝีปากหยักเรื่อยมาจนถึงกลีบปากนุ่มของภรรยา
จ้าวเสวี่ยประทับริมฝีปากของตนลงบนกลีบปากนุ่มของภรรยาก่อนจะค่อยๆบดคลึงไปมาเพื่อให้กลีบปากบางเปิดอ้า จากนั้นเมื่อริมปากของภรรยาสาวแยกออกจากกันเข้าก็ไม่รอช้าที่สอดแทรกลิ้นร้อนของตนเองเข้าไปละเลงหาความหวานจากโพรงปากนุ่ม ทั้งยังเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กและดูดดึงไปมาจนผู้เป็นเจ้าของลิ้นเล็กส่งเสียงครางหวิวออกมาให้ได้ยิน
“อื้ม~อ่า...ท่านพี่” เมื่อปากว่างอู๋เยว่ฉินก็เอ่ยเรียกผู้เป็นสามีตนอีกครั้ง
“เยว่เอ๋อร์” จ้าวเสวี่ยขานรับก่อนจะซุกหน้าลงซุกไซ้ซอกคอขาวผ่อง เรียวลิ้นร้อนลากไล้ขึ้นลงตรงเนื้ออ่อนข้างใบหูทำเอาขนอ่อนในกายสาวลุกซู่ไปทั้งร่าง
มือใหญ่ก็ไม่ปล่อยให้ตนเองว่างงาน ลูบไล้เรือนกายบางไปพร้อมๆ กับการปลดเปลื้องอาภรณ์น้อยชิ้นบางเบา ไม่นานมือทั้งห้านิ้วก็พบเจอเข้ากับความนุ่มหยุ่นของก้อนเนื้อขาว จ้าวเสวี่ยไม่รอช้าที่จะลงน้ำหนักมือเพิ่มขึ้นอีกนิด บีบเคล้นทรวงงามเต่งตึงของหญิงสาวจนเนื้อนุ่มเบียดแทรกออกมาตามง่ามนิ้ว
ไม่พอ...นิ้วร้ายเหล่านั้นยังขยับไปทักทายถอดปทุมถันเม็ดงามที่อยู่ใกล้ๆกัน สะกิดเบาๆเพียงไม่นานปลายยอดนั้นก็แข็งขึ้นชูชันขึ้นเป็นตุ่มไต จ้าวเสวี่ยละริมฝีปากจากลำคอขาวไปประกบปากบดจูบกลีบปากงามของภรรยาอีกครั้ง ในขณะที่มือก็ยังสะกิดเขี่ยถอดถันนั้นไปมาไม่หยุด ริมฝีปากบดจูบดูดดึง มือสองข้างก็บีบเคล้นนวดเฟ้นทรวงงามทั้งสองเต้า เอวสอบก็ขยับเคลื่อนเข้ามาแทรกอยู่ตรงกลางกายสาว สร้างระยะห่างของสองเรียวงามให้กว้างมากยิ่งขึ้น
“อ๊ะ…อื้ม ท่านพี่ ท่านพี่เจ้าขา~” อู๋เยว่ฉินเอ่ยเรียกสามีเสียงสั่น กายบางสั่นสะท้านขนชันไปทั่วร่างราวกับคนกำลังจับไข้
“เยว่เอ๋อร์ พี่คิดถึงเจ้า” จ้าวเสวี่ยพูดไปพร้อมกับไล่ริมฝีปากลงต่ำ เขาจูบเบาๆ เรื่อยลงไปตามกายสาว ผ่านหน้าท้องแบนราบไล่ลงไปจนถึงดอกไม้งามที่กลางกาย
จ้าวเสวี่ยไม่รอช้าที่จะใช้ปลายนิ้วสะกิดเบาๆ ที่ยอดเกสรของดอกไม้งามนั้น ก่อนที่ร่างบางจะทันได้รู้สึกอะไรเขาก็ซุกใบหน้าลงไปพร้อมกับแลบลิ้นตวัดเลียเบาๆ ขึ้นลงไปมา
อู๋เยว่ฉินสะท้านทั้งกายนับตั้งแต่ที่ถูกปลายนิ้วของสามีสะกิดที่ตรงจุดนั้น ทว่ายังไม่ทันได้เตรียมใจทันนางก็เป็นอันต้องกรีดร้องน้ำเสียงละอายออกมาเมื่ออยู่ๆ ผู้เป็นสามีก็ใช้ลิ้นสัมผัสนางตรงบริเวณนั้น
ก่อนหน้านี้แม้จะมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันไปหลายครั้ง ทว่าก็ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะสัมผัสนางได้ลึกซึ้งเช่นนี้ ความรู้สึกในเวลานี้ของนางจึงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและลุ้นระทึกว่าสามีผู้แก่ประสบการณ์กว่าของนางผู้นี้จะทำอย่างไรต่อไป
แล้วจ้าวเสวี่ยก็ไม่ปล่อยให้ภรรยาสาวจมอยู่กับความคิดของตนเองนาน ชายหนุ่มจัดการชิมน้ำหวานจากดอกไม้งามของภรรยาไปพร้อมกับสองมือที่กำลังบีบเคล้นฟอดเฟ้นทรวงงามทั้งสองข้าง ผ่านไปไม่นานเขาก็เลื่อนกายขึ้นไปหาภรรยาอีกครั้ง ประกบริมฝีปากจูบลึกล้ำกับนางอีกหนพร้อมกับสอดเสียบแท่งหยกเข้าไปในช่องทางรักรวดเดียวจนสุด
อู๋เยว่ฉินรู้สึกจุกจนสัมผัสได้ ทว่าปากของนางกลับไม่ว่างพอให้ร้องไป ครั้งพอมีช่องว่างหน่อยก็เป็นอันต้องรีบโกยอากาศเข้าไปหายใจ ในขณะที่เอวสอบของผู้เป็นสามีกลับยังกระแทกแทงเข้ามาไม่หยุด สองมือของเขาก็เปลี่ยนจากฟอดเฟ้นทรวงงามทั้งสองข้างไปเป็นลูบไล้เรือนกายของนางไปมา
ครู่หนึ่งเขาก็เลื่อนมือขึ้นมาจับแขนของนางไว้ทั้งสองข้าง จากนั้นก็อัดกระแทกเอวสอบเข้ามาใหม่ ยิ่งไปกว่านั้นคือเขายังโน้มหน้าเข้ามาจูบนาง กระหวัดเกี่ยวดูดดึงเรียวลิ้นของนางราวกับจะกลืนกินลงไปในท้องของเขา นั่นจึงยิ่งทำให้นางรู้สึกเสียวซ่านเกินจะบรรยาย ยิ่งด้านบนถูกดูดดึงแรงเท่าไหร่ ตรงส่วนล่างก็ยิ่งอัดกระแทกตอกย้ำเข้ามารุนแรงไม่แพ้กัน การกระทำเช่นนั้นส่งผลให้นางต้องส่งเสียงร้องครวญครางอยู่แทบทั้งคืน…
หลังจากคืนนั้นเป็นต้นมาจ้าวเสวี่ยก็มาค้างที่เรือนของฮูหยินเอกทุกวัน และทุกคืนที่ผ่านไปก็มีเสียงร้องของคนทั้งสองดังออกมาให้ได้ยินทุกคืนจนบ่าวรับใช้ในจวนปีกซ้ายต้องก้มหน้าอันแดงเถือกของตัวเองไว้กันเป็นทิวแถว
เวลาผ่านไปไม่นานจวนตระกูลจ้าวก็มีข่าวดีเกิดขึ้น นั่นก็คือฮูหยินเอกของจวนกำลังตั้งครรภ์
กระทั่งเก้าเดือนผ่านไปความปีติยินดีก็บังเกิดขึ้นที่จวนแห่งนี้อย่างล้นหลาม เมื่ออู๋เยว่ฉินผู้เป็นฮูหยินเอกของจ้าวเสวี่ยคลอดบุตรทีเดียวพร้อมกันถึงสองคนเป็นบุตรฝาแฝดชายหญิงหน้าตาน่าเกลียดน่าชังตั้งแต่แรกครั้งที่ลืมตาดูโลก
“เจ้าคลอดมาเป็นชายแน่นอนว่าเจ้าจะต้องเป็นคุณชายใหญ่ของจวน พ่อจะเจ้าชื่อว่าเสวี่ยชิง จ้าวเสวี่ยชิงบุตรชายคนโตของพ่อ ส่วนเจ้าคลอดออกมาเป็นหญิงแน่นอนว่าเจ้าจะมีพี่ชายคอยปกป้อง คุณหนูรองตระกูลจ้าว จ้าวเสวี่ยปิงลูกสาวพ่อ...เสวี่ยน้อยทั้งสองของพ่อ”