ตอนที่2 รักเเรกพบ

1918 Words
หยงฟางเหนียงควบม้าวิ่งลงเนินไปหาทหารกลุ่มใหญ่ ทักษะการต่อสู้ของนางโดดเด่นพริ้วไหว กบฎเส้าฉีครานี้จะต้องถูกปราบปรามให้ราบคาบ กระบี่ในมือกวัดเเกว่งไปปะทะดาบใหญ่ของฝ่ายตรงข้าม โดยไร้ซึ่งความกลัว คนของกลุ่มกบฎเส้าฉีเยอะมาก ราวกับมดเเตกรังเข้ามากัดกินเนื้อศัตรูอย่างไรอย่างนั้น กองกำลังสนับสนุนตามมาสมทบ คนนำทัพคือหยงเฟิงหลัว เขาชี้ดาบไปเบื้องหน้า เสียงตะโกนอันดุเดือดของชายนับหมื่นทำให้สนามรบยิ่งระอุ "อาเหนียง" พี่ชายมองเห็นน้องสาว นางมาทำอะไรที่นี่ ไม่ได้การ หากเป็นอะไรไป เขาจะมีหน้ากลับไปหาท่านเเม่ได้อย่างไร หยงเฟิงหลัวควบม้าฟาดฟันกับกลุ่มกบฎ เขาบุกมาจนถึงตัวหยงฟางเหนียง ชายหนุ่มดึงร่างน้องสาวของตนขึ้นมาบนหลังม้า "พี่ชายพูดอะไร ทำตามสักอย่างมันจะตายหรือ เจ้าจะให้ข้าอกเเตกตายใช่ไหม" "พูดมาก ไปเเจ้งท่านปู่ มีคนจากทางใต้เดินทางมาสมทบกบฎ พวกเรามีกันเท่านี้ สู้ไม่ได้เเน่" "เจ้าว่าอย่างไรนะ เเน่ใจหรือ" หยงฟางเหนียงพยักหน้า นางชี้มือไปที่ชายสูงวัยในชุดเกราะสีน้ำตาลเเดง เเม้จะเเก่ เเต่ก็ร้ายกาจดั่งเสือ อยู่ในสนามรบ กลยุทธ์ของท่านปู่คมซะยิ่งกว่าดาบเหล็กนิล หยงเฟิงหลัวไม่คิดว่านางสร้างเรื่อง น้องสาวคนนี้มีความมุ่งมั่นมาก นางคงไปเห็นมาจริงๆจึงได้ยืนกรานเช่นนี้ เรื่องนางดื้อควรลงโทษ เเต่เอาไว้ก่อน ไปจัดการเรื่องใหญ่ก่อน สองพี่น้องต่อสู้กับนักดาบฝีมือดีจนสามารถเข้ามาใกล้เเม่ทัพหยงเค่อหลุนได้ ท่านปู่ของพวกเขากำลังเลือดร้อนเลยทีเดียว "เฟิงหลัว เจ้ามาทัน เร่งนำคนไปปิดล้อม อย่าให้หนีไปได้" "ท่านปู่ รายงานจากสายข่าว กองทัพเสริมของกลุ่มกบฎเส้าฉีกำลังเดินทางมา เราจะจัดการต่อไปอย่างไรดี" อดีตขุนนางใหญ่ได้รับข่าวใหม่ก็หวั่นใจไม่น้อย หากถูกตลบหลัง ไม่เเน่ว่าอาจจะพ่ายเเพ้ได้ เเล้วเจ้าพวกนั้น เดินทางถึงไหนกันเเล้ว เสียงกีบเท้าม้าย่ำเเผ่นพื้นพสุธาสนั่น หัวหน้าใหญ่หนึ่งในสามของกลุ่มกบฎเส้าฉี พ่นลมหายใจที่เหมือนกับมังกรไฟลอดผ่านหน้ากากนักรบ เขาตะโกนก้องสั่งไพร่พลนักรบบุกเข้าไปสังหาร กองทัพต้าโจวเเละลั่วโจวอยู่ตรงกลาง พร้อมจะถูกบดขยี้ได้ทุกเมื่อ ทหารของลั่วโจวเเตกตื่นเสียกระบวนทัพ พวกเขาล้มตายไม่ใช่น้อย กองรบศัตรูที่มาใหม่ยังดูฮึกเหิมน่าหวั่นเกรงอีก "กองพลตั้งรับ" เสียงบัญชาการรบทุ้มเข้มกล่าวขึ้นท่ามกลางทหารที่กำลังเสียขัวญ เขาเคลื่อนม้ารวดเร็วกันทหารของลั่วโจวไปคอยสนับสนุนจัดการพวกกบฎอยู่กองหลัง คนกว่าสามหมื่นจากต้าโจววิ่งกันเอาเป็นเอาตายเพื่อทำตามสัญญาณคำสั่ง เกราะเหล็กนิลดำของทหารต้าโจวเรียงเเถวเป็นเเนวยาว พวกเขาตั้งเป็นกำเเพงกั้นกบฎเส้าฉีกลุ่มเเรกไว้ด้านใน ให้ทหารของลั่วโจวจัดการ ส่วนกองกำลังของศัตรูที่มาเสริม มีด่านเกราะที่ตั้งใหม่กั้นไว้ให้อยู่ด้านนอก หอกเเหลมคมพุ่งออกไปเเทงขาม้าเเละทหารของกลุ่มกบฎ เลือดข้นสดสีเเดงกระจายย้อมพื้นดินเเห้ง สถานการณ์กลับมาได้เปรียบอีกครั้ง ทหารของลั่วโจวมีความกล้าเพิ่มขึ้นมาเป็นทวีคูณ "ท่านเเม่ทัพ นั่นโลหิตสังหารขอรับ" อืม เป็นเขา เเม่ทัพกลุ่มกบฎเส้าฉีเห็นเพียงเสี้ยวหน้าของเเม่ทัพเกราะเหล็กดำก็จำได้ไม่ลืม มัจจุราชเดินดิน คนที่สามารถฆ่าผู้อื่นได้โดยไม่มีอุดมการณ์ จะเป็นใครได้อีก หากฆ่าเขาได้ ราชวงศ์โจวก็ไร้เเขนขาไว้คอยทำงานให้เเล้ว ถึงเเม้ทัพต้าโจวจะกลับมาได้เปรียบเเต่คนของเส้าฉีก็มีมาก ศึกยังไม่จบ ใครจะอยู่ใครจะไป มาตัดสินกันเลยจะดีกว่า ท้องฟ้ายามสายเริ่มมืดมัว ฝุ่นกระจายตัวจนบดบังความร้อนของเเสงอาทิตย์ สนามรบเลือดนองไปทุกที่ สาวน้อยหยงฟางเหนียงต้องรับมือกับคนกว่าสิบ พวกเขาตัวใหญ่ เเรงมหาศาล ยังไล่ฆ่านางเอาเป็นเอาตาย เเต่ใครจะตายจริงๆ ก็ยังไม่เเน่หรอก ดาบใหญ่นั่น ฟันลงมาเรื่อยๆ ยิ่งเอาเเต่ตั้งรับ กำลังเเขนก็เหมือนจะเริ่มลดลงไปทุกที หยงเฟิงหลัวพยายามไปช่วยน้องสาว เเต่เขาเองก็ถูกรุมอยู่เช่นกัน "อาเหนียง พวกเจ้าอย่ายุ่งกับนางนะ" บุรุษหนุ่มเลือดเดือดฟาดฟันคนจนกระจายออกเป็นวงกว้าง เมื่อมองกลับไปยังตำเเหน่งที่หยงฟางเหนียงเคยอยู่ก็ไม่เห็นนางซะเเล้ว น้องสาวคนนี้ เผลอไม่ได้ หายตัวเร็วยิ่งกว่าผี ทางหยางฟางเหนียง นางรอดเงื้อมมือชายฉกรรจ์เหล่านั้นเพราะมีคนช่วย ในช่วงเวลาเป็นตาย พลันมีบุรุษขี่ม้าร่างกายสูงใหญ่ตวัดดาบฟันทหารที่รุมนางอยู่ มันรวดเร็วมาก เพียงดาบเดียวจริงๆ ร่างบอบบางลอยหวือขึ้นจากพื้น เขาหิ้วนางติดมาด้วยเหมือนเป็นลูกลิง หยงฟางเหนียงหันคอพยายามจะมองผู้มีพระคุณ ยังไม่ทันได้เห็นหน้าเลย เขาทิ้งนางลงพื้นซะเเล้ว "โอ้ย เจ็บจัง เเต่ไม่เป็นไร ข้าทนได้" สาวน้อยมองเเผ่นหลังของเขา นางพยายามจดจำ เพียงมองจากด้านหลัง เขาก็ยังองอาจถึงเพียงนี้ ไม่เคยเลย หัวใจของนางไม่เคยเต้นเเรงเช่นนี้มาก่อน สติของหยงฟางเหนียงหลุดลอยไปกับเสี้ยวหน้าของคนหล่อขี่ม้าตัวใหญ่ นางสะบัดหัวไล่ความคิดก่อนจะพบว่าตนเองนั่งหัวโด่ไม่มีอะไรทำเพียงคนเดียวในสนามรบ นางเช็ดเลือดออกจากใบหน้า กลิ่นของมันเเทรกซึมเข้าไปในหัวจนทนไม่ไหว สาวน้อยอาเจียนออกมาอย่างหนัก นางไม่เคยรบ เเม้ฝึกกระบี่ก็เพียงใช้ปกป้องคนในเมืองลั่วโจวเท่านั้น สนามสังหารของจริง ยากที่ร่างกายจะรับได้ หยงฟางเหนียงอาเจียนอยู่นาน ในที่สุดก็อาการดีขึ้น สาวน้อยพุ่งตัวจากพื้นยืนอย่างมั่นคง "ด่านซ้ายเเตกเเล้ว" คนกลุ่มใหญ่กรูกันเข้ามา ธนูดอกเเล้วดอกเล่ายิงสวนกันอย่างดุเดือด ทางฝั่งซ้ายนั้นมีคนโจมตีมากเกินไปจึงต้านไม่ไหว ทหารของต้าโจวรีบสับเปลี่ยนตั้งเเถวใหม่เพื่ออุดรอยเเยกของเเนวเกราะ คนที่ทะลักเข้ามานั้นมากกว่าหนึ่งพัน เมื่อรวมกับกลุ่มเเรกก็เพิ่มจำนวนขึ้นทันตาทีเดียว ทหารของต้าโจวกว่าครึ่งตั้งเเนวรบป้องกันกองสนับสนุนของกลุ่มกบฎ หน้าที่สังหารหลักจึงยกให้ทหารจากลั่วโจว จอมทัพโลหิตดวงตานิ่งสงบ เขาทะยานจากหลังม้าพุ่งเข้าหาคนนับร้อย เลือดของศัตรูกระเซ็นเปรอะเปื้อนใบหน้า ยิ่งเขาฟาดฟันอย่างบ้าคลั่ง ทหารที่ดาหน้าเข้าไปหาเขา ก็ยิ่งตื่นกลัว ในใจยังลังเลที่จะเข้าไปสู้กับเขาด้วยซ้ำ "เกาทัณฑ์เหล็กนิล ตั้งกอง" พลธนูเหล็กของทัพกบฎเส้าฉีวิ่งขึ้นมาตั้งเเถว พวกเขายิงลูกศรไปยังฝั่งตรงข้ามราวกับห่าฝน โลหิตสังหารคว้าโล่เหล็กขึ้นมา เขาวิ่งไปพร้อมกับทหารคนอื่นๆ บุกทะลวงเข้าเข่นฆ่าทำลายให้หมดสิ้น ธนูเหล็กนั้นสามารถเจาะทะลวงโล่ได้ ร่างของทหารต้าโจวถูกธนูปักล้มลงสิ้นชีวิต จอมทัพโลหิตเองก็หลบไม่พ้น เเม้ร่างกายของเขาจะถูกธนูทะลวงร่างไปสี่ห้าดอก เเต่เขาไม่หยุดวิ่งเข้าหากลุ่มกบฏเลย ความกล้าเเกร่งของเเม่ทัพ ทำให้ทหารกัดฟันสู้สุดชีวิต หยงฟางเหนียงหยิบกระบี่ นางเองก็ฮึกเหิมเป็นอย่างมาก หากเเพ้เเล้ว ลั่วโจวก็ยากจะรอดพ้นการรุกราน ต้องสู้สุดชีวิตเช่นเขาทำเท่านั้น ดวงตากลมโตขยายกว้าง สาวน้อยวิ่งไปควบม้าที่รอดชีวิตตรงไปช่วยฝั่งซ้าย นางเลือดสูบฉีดกวัดเเกว่งกระบี่ด้วยใจที่เต้นรัว ทหารของกลุ่มกบฏเส้าฉีถูกจัดการ บางส่วนหนีเข้าป่า บางส่วนก้มลงยอมให้จับ ด้านในมั่นคงเเล้ว เเนวเกราะดำกลับมาเเข็งเเกร่งอีกครั้ง เสียงกลองสี่ทิศดังขึ้นเป็นสัญญาณให้ถอยทัพ หยงฟางเหนียงรู้ได้ทันทีว่าเพราะอะไร เเม่ทัพผู้นั้น เเม้เก่งกาจเกินมนุษย์ เเต่เทพเจ้าก็มีวันล้มได้เช่นกัน ธนูปักจุดตายสิบกว่าดอก เขาเป็นคน จะรอดได้อย่างไร ทหารที่ไม่ยอมจำนนพยายามมาเเย่งศพ จะเอาร่างของเขาออกไปนอกเเนวกั้นให้ได้ นางเองก็รู้ธรรมเนียมของการรบ เอาศพไป เป็นการหยามเกียรติยศมากที่สุด นางควบม้าเข้าไปช่วยทหารต้าโจวเเย่งศพท่านเเม่ทัพ ร่างของเเม่ทัพหนุ่มอยู่ตรงกลางวง คนที่ช่วยเขาก็ช่วย คนที่จะเข้ามาเเย่งก็มุ่งมั่นซะเหลือเกิน ม้าเเข็งเเกร่งทะยานขึ้นเหนือคนชุลมุน หยงฟางเหนียงเกี่ยวขากับลำตัวม้า นางใช้เเรงทั้งหมดเอี้ยวตัวลงดึงชุดเกราะของเขา ม้าตัวใหญ่ช่วยนางลากเขาฝ่าวงล้อมออกมาได้สำเร็จ "ทหารลั่วโจวช่วยเขา พวกเรากันคนเอาไว้" ฝ่ายต้าโจวเมื่อเห็นว่าเป็นทหารของลั่วโจวที่มาช่วยท่านเเม่ทัพ พวกเขาก็ไม่ไล่ตาม เเต่ช่วยขัดขวางไม่ให้คนของกบฎเส้าฉีตามไป หยงฟางเหนียงใช้เเรงทั้งหมดดึงเขาสุดชีวิตจนร่างใหญ่ขึ้นมาบนหลังมาได้สำเร็จ สาวน้อยจับเเขนของเขาเอาไว้ด้วยมือซ้าย มือขวาที่ใช้ควบคุมทิศทางม้าก็ปล่อยจากบังเ**ยนดึงผ้าโพกศีรษะของตนมามัดมือของเขาทั้งสองข้างให้กอดเอวบาง กลิ่นหอมจากผมที่ตกสยายกระจายตัว ลั่วโจวเเละต้าโจวถอยทัพ กบฏนอกเเนวกั้นมาเยอะเกินไป ไม่มีคนนำเเล้ว ต้องกลับไปตั้งหลักก่อน ท่านเเม่ทัพของกลุ่มกบฎเมื่อรู้ว่าโลหิตสังหารสิ้นเเล้วก็ให้คนไปล่าเอาศพของเขามาให้ได้ วิญญาณของเจ้านั่น จะทำให้ทหารของกลุ่มกบฎได้ล้างเเค้น "ถอยทัพ" ทัพจากเมืองหลวงถอยขึ้นเหนือ หยงฟางเหนียงพยายามควบม้าตามไป เเต่พยายามเท่าไหร่ก็คิดว่าไม่พ้นเเนวธนูของเส้าฉีเเน่นอน เช่นนั้นนางจึงเลือกที่จะวิ่งตรงไปทางตะวันตก นางชำนาญเพราะเป็นคนชายเเดน ทางนี้สามารถอ้อมช่องเขาไปที่ค่ายได้ ถือว่านางทำคุณอย่างมากเเล้ว เเม้ไม่ชนะ เเต่ก็สามารถเอาศพท่านเเม่ทัพมาได้ ท่านปู่จะต้องตบรางวัลให้นางเเน่นอน ท่านเเม่ก็ตีนางไม่ได้ พี่ชายตัวเเสบหรือ อย่าคิดว่าจะบ่นให้นางเชียว ว่าเเต่ นางรู้สึกไปเองหรือเปล่า ทำไมเเขนของศพถึงกอดเอวนางเเน่นขึ้น ใบหน้าเเละจมูกของคนด้านหลัง กดเเนบเข้าที่ลำคอขาว ตอนนี้ สาวน้อยเริ่มรู้สึกอึดอัดเเล้ว "อืม~ หอม"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD