บทที่3/1
“คุณหนูเหตุใดอยู่ดี ๆ อารมณ์ของคุณหนูก็เปลี่ยนราวกับหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้เล่า”
“เจ้าไม่รู้อะไรเสี่ยวอี้ คนเราเมื่อมีเรื่องทุกข์ใจตัดสินใจไม่ได้ เรื่องอะไรก็ดูมืดมนไร้หนทางไปเสียหมด แต่พอคิดออกแล้วอะไรก็ดูง่ายไปหมด ถ้าอย่างนั้นไปกันข้าอยากไปซื้อตำราเรื่องเล่าในเมืองเสียหน่อย” หมิงอิงหันไปส่งยิ้มเล็กน้อยให้สาวใช้คนสนิท ดีที่ชาตินี้แม้จะบุตรสาวของขุนนางเสนาบดีกรมยุติธรรมตระกูลฉู่แม้จะได้ชื่อว่าตระกูลใหญ่ แต่ก็ไม่ได้อยู่อันดับต้นๆ ของเมืองหลวง สาวใช้ที่ติดตามหลังจึงมีเพียงคนเดียว แต่กระนั้นหมิงอิงก็ไม่ยากลำบากในการใช้ชีวิตและใช้จ่าย
“เรื่องเล่าในเมืองหรือเจ้าคะ” สาวใช้คนสนิททำหน้าแปลกใจ
หมิงอิงอมยิ้ม
“ใช่เรื่องเล่านี้จะเล่าเรื่องทั่ว ๆ ไปที่เกิดขึ้น หากข้าต้องการรู้จักที่ที่คนชอบไป ของที่คนนิยมในช่วงเวลานี้ หรือแม้แต่แม่นางหรือคุณชายที่มีชื่อเสียงคือผู้ใด ข้าก็สามารถอ่านได้จากตำราเรื่องเล่าพวกนี้ทั้งนั้น”
“ข้านึกออกแล้ว แต่ไม่ใช่ว่ามีคนบอกว่าตำราเหล่านั้นเป็นเรื่องไม่จริงหรือเจ้าคะคุณหนู เป็นเพียงนิทานประโลมโลกหรือบางครั้งก็แค่เรื่องซุบซิบนินทาของคนในเมืองหลวงเท่านั้น”
หมิงอิงวางเงินเอาไว้ก่อนจะลุกขึ้นยืน “อ่านแล้วก็รู้เองว่าเรื่องใดจริง เรื่องใดไม่จริง อย่างน้อยก็ถือเป็นความรู้ หากเจอเข้ากับคนไม่ดีจะได้หนีได้ทันเช่นไรเล่า”
หมิงอิงบอกกับสาวใช้ไปเช่นนั้นแต่ความจริงแล้ว นางต้องการที่จะรู้เรื่องราวเอาไว้รับมือกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่างหาก
ด้านหนึ่งนางต้องหาคนมาแต่งด้วยให้ได้ จะเป็น
พ่อค้าซาลาเปา
หรือคนฆ่าหมู
ก็ล้วนดีกว่าองค์ชายหรือพระญาติหรือเชื้อพระวงค์เหล่านั้นทั้งนั้น
ร้านหนังสือใหญ่ประจำเมืองใคร ๆ ก็รู้ว่าสามารถหาซื้อตำราเรื่องเล่าได้ เพียงแต่ไม่ได้วางขายชัดเจน เพราะกระทั่งเรื่องของราชวงศ์ก็ถูกเอามาเล่าด้วยเรื่องราวที่ต่างออกไป
“เถ้าแก่ข้าต้องการชาฮุ่ยหลิง” หมิงอิงเอ่ยเสียงนุ่ม
คนมีอายุลูบเคราของตนเอง “ร้านหนังสือเช่นนี้ต้องการชา มาผิดที่แล้วกระมังแม่นาง”
“ไม่ผิดหรอก ชาที่ข้าต้องการข้ารู้ว่าท่านมีขายและหากไม่ยอมขายให้ข้า พรุ่งนี้ท่านพ่ออาจจะรู้ก็ได้ว่าใครเป็นผู้ขายตำราเรื่องเล่าในเมือง ข้าลืมบอกเถ้าแก่ไปสินะว่าข้านั้นนามหมิงอิง แซ่ฉู่” หมิงอิงยิ้ม ก่อนจะกระซิบบอกเถ้าแก่ว่าขอทุกเล่มที่เคยเขียนมาเลยนะ
“คุณหนูเหตุใดเถ้าแก่ถึงทำท่ากังวลเช่นนั้น”
“ไม่รู้สิ”
แม้จะตอบออกไปเช่นนั้นแต่หมิงอิงรู้ดี ในเมืองหลวงจะมีใครบ้างไม่รู้จักตระกูลฉู่ ท่านพ่อของนางเป็นขุนนางที่เที่ยงตรง ทั้งมีคุณธรรม แม้การกระทำครั้งนี้ของหมิงอิงอาจจะสร้างความลำบากให้กับท่านพ่อในวันข้างหน้า แต่ก็ยังดีกว่าที่นางจะต้องสิ้นชีพไปอย่างเศร้าโศกอีกครั้ง
ไม่นึกเลยนึกจริง ๆ ว่าตำราพวกนี้จะเก็บความลับของเมืองหลวงเอาไว้ได้มากมาย
“คุณหนูยังอ่านอยู่อีกหรือเจ้าคะ นายท่านกลับมาแล้วเรียกให้ไปหาเจ้าค่ะ”
“รู้แล้ว” หมิงอิงวางตำราลงก่อนจะออกไปหาบิดาของนาง
”ท่านพ่อลูกมาแล้ว”
ชายกลางคนที่เริ่มเข้าสู่วัยชรายิ้มรับบุตรสาวคนเดียว “เจ้ารู้เรื่องที่องค์หญิงสิบจะจัดงานเลี้ยงในพระราชวังแล้วใช่หรือไม่ งานนี้ให้บุตรสาวของขุนนางเข้าร่วมได้ โดยจะมีเทียบเชิญ นี่ของเจ้า”
หมิงอิงมองดูเทียบเชิญสีแดงคลิบทอง มันทำให้หมิงอิงนึกถึงหนังสือหมั้นหมายมากกว่าเป็นเทียบเชิญธรรมดา
“เห็นที่จะไม่ได้เป็นเพียงแค่งานเลี้ยงชมดอกไม้ดื่มชาใช่หรือไม่เจ้าคะท่านพ่อ” ใบหน้าที่มีริ้วรอยหัวเราะลั่น
“สมกับเป็นบุตรสาวของข้า พ่อไปถามสหายในกองพิธีการมาแล้ว งานครั้งนี้จัดเพื่อให้เหล่าองค์ชายที่ยังไม่มีชายาได้พบปะกับคุณหนูตระกูลใหญ่ ๆ ”