บทที่๔ ยั่วโทสะ

2207 Words
บทที่๔ ยั่วโทสะ คู่ข้าวใหม่ปลามันกำลังลงบันไดเสียงทุ่มเถียงหรือจะเรียกว่าเป็นการออกคำสั่งของพีรวัสฝ่ายเดียวเล็ดลอดไปถึงโต๊ะอาหารเช้าที่เป็นโต๊ะเล็กๆ นอกบ้านจนสุภาที่นั่งอยู่กับแขกซึ่งเพิ่งมาถึงต้องให้เด็กมาเร่งทั้งคู่ไปที่โต๊ะอาหาร “มีแขกหรือทำไมต้องเร่ง ปกติกินไม่พร้อมกันนี่” เขาถามแล้วหันมาสั่งเพียงออ “ชงกาแฟตามไปให้ด้วย” “วันนี้ต้มกาแฟสดค่ะ อยู่ที่โต๊ะแล้ว คุณเพี้ยงแค่ปรุงรส” สำลีคนงานสาวรุ่นบอก “แขกพิเศษหรือถึงต้มกาแฟกันเลย” พีรวัสถามพลางชะเง้อไปหน้าบ้าน “คุณพงศ์ค่ะ” สำลีบอกแล้วรีบเดินกลับไปในครัวเพื่อยกอาหารเช้ามาให้ทั้งคู่ ทว่าพีรวัสกลับหยุดเดินแล้วหันมาจิกตาใส่เพียงออ “อะไรคะ ฉันไม่ได้นัดพี่พงศ์มานะ” หล่อนรีบบอก “ร้อนตัวแสดงว่านัด เมื่อวานขลุกอยู่ทั้งวันยังไม่หนำใจหรือไง ไม่กลัวผัวพี่พงศ์หึงเอาหรือ” “คุณโทนี่ออกจะใจดี ไม่คิดอคติแบบคุณหรอก” เพียงออพูด ขันคำว่าผัวที่พีรวัสเน้นจนถูกค้อนให้ นี่ถ้าหากเขาชอบค้อนคนอื่นเหมือนค้อนตนละก็ หล่อนอาจคิดว่าเขาเป็นเพศทางเลือกไปอีกคน แต่จากการสังเกตและความใกล้ชิดหล่อนมั่นใจว่าเขาไม่ใช่ แต่สำหรับป้าสุภาอาจไม่มั่นใจนักจึงบังคับให้พีรวัสแต่งงานกับหล่อน แต่ก่อนจะบังคับหลานชายตัวเองสุภามาขอร้องหล่อนก่อน บอกถึงความไม่สบายใจและกลัวพีรวัสทำให้ผิดหวังเหมือนหลานชายคนโต เพราะรักพีรวัสเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเพียงออจึงไม่ปฏิเสธอีกทั้งเต็มใจในการแต่งงานครั้งนี้อย่างที่สุด “ทีผัวตัวเองนะว่าเอาๆ กับพี่พงศ์กับผัวนะชมใหญ่” เขาว่าแล้วดึงเข้ามาใกล้ “หรือพี่พงศ์เคยเป็นผัวเก่าเธอ ทำยังไงให้แกเปลี่ยนรสนิยมได้ละ ยายหมาเน่า” ก่อนจะผลักออกห่างแล้วตนเองเดินออกไปที่โต๊ะอาหารหน้าบ้าน ทิ้งให้เพียงออยืนลูบต้นแขนที่ถูกบีบป้อยๆ ‘คนอะไรปากคอเราะราย แล้วเอาอะไรมาคิดว่าเพี้ยงมีอะไรกับพี่พงศ์ ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าแกมีสามีแกไม่ได้อยากมีเมีย’ เพียงออถอนใจใหญ่ แล้วรีบเดินตามเมื่อพีรวัสเหลียวกลับมามองเพราะเสียงถอนหายใจของตนหล่อนแลบลิ้นใส่เขาอย่างหมั่นไส้ก่อนเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าช้าเขาจะจับตัวได้แล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่อาจคาดเดา แต่ครานี้เหมือนพีรวัสไม่ติดใจเอาความจึงเดินตามไปช้าๆ แขกที่มาแต่เช้าคือพีรพงศ์และแฟนหนุ่ม เพียงออนั้นไม่แปลกใจเลยเพราะพีรพงศ์บอกว่ายังไงก็ต้องพาโทนี่มาไหว้ป้าสุภาสักครั้งเพื่อเป็นการให้เกียรติทั้งสองฝ่าย จากการที่ป้าสุภาสั่งให้ต้มกาแฟสดรับรองก็ถือว่ายินดีต้อนรับโทนี่หรืออาจไม่ยินดีแต่แกไม่ได้ไล่ตะเพิดออกนอกบ้านก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว ส่วนอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะนี่สิ หน้างอจนจวักอายไปแล้ว แถมยังเพิ่มอีกหนึ่งงอเมื่อพีรวัสเดินไปนั่งลงข้างๆ พี่สาว กลายเป็นงอยกกำลังสองเลยทีเดียว แต่พีรวัสคงไม่ได้ตั้งแง่กับพีรพงศ์และโทนี่เพราะเมื่อวานก็มีปฏิสัมพันธ์กันดี น่าจะเคืองหล่อนมากกว่าที่มาถึงก็กอดทักทายพีรพงศ์และโทนี่อย่างสนิทสนม “พี่พงศ์อยู่ทานอาหารกลางวันด้วยกันมั้ยคะ” “อะไรยายหมาเน่า อาหารเช้ายังไม่ทันได้กินพูดถึงอาหารกลางวันแล้ว” พีรวัสค้านทันที ก่อนสั่ง “กาแฟให้ไว” “ค่ะ” หล่อนรับคำยิ้มขำๆ ให้แขกทั้งสองเพราะต่างรู้นิสัยพีรวัสน้องชายคนเล็กของบ้านดี นั่นยิ่งทำให้เจ้าตัวสะสมอาการไม่พอใจเมียสาวเอาไว้ลึกๆ แล้วพูดคุยกับพีรพงศ์และโทนี่อย่างสนิทสนม พีรดาชายตามองน้องชายตนเองอย่างไม่พอใจนักที่ให้ความสนิทสนมกับทั้งคู่ และความขุ่นเคืองก็ไปตกที่เพียงออ แค่สบตาก็ถูกถลึงตาใส่ครั้งแล้วครั้งเล่าจนเด็กกาฝากคิดว่าต่อไปจะไม่หันไปทางพีรดาอีกแล้ว แต่ก็ยากนักเพราะต้องปรนนิบัติสามีตัวเองที่นั่งข้างพีรดา อย่างไรก็ต้องหันไปเจอ คนในโต๊ะมองเพียงอออย่างชื่นชมเมื่อหล่อนชงกาแฟให้พีรวัส แล้วหั่นอาหารเช้าในจานให้เป็นชิ้นเล็กพอคำง่ายแก่การกิน หากเป็นวันที่ไม่มีแขกร่วมโต๊ะพีรดาจะแย่งทำหน้าที่เสียเอง แต่เพราะแขกวันนี้พีรดาไม่ยินดีต้อนรับนักจึงนั่งเชิดคอแข็ง จนเพียงอออยากถามว่า เมื่อยมั้ยคะ? “ทำให้พี่ด้วย” พีรพงศ์เลื่อนจานอาหารเช้าของตนไปตรงหน้าหญิงสาว เจ้าหล่อนยิ้มรับแล้วเลื่อนมาใกล้เพื่อความถนัด ซ้ำยังทำมากกว่าของพีรวัสด้วยการบีบซอสพริกผสมซอสมะเขือเทศไว้มุมหนึ่งของจานให้ก่อนส่งคืน “ขอบใจจ้ะ รู้ใจพี่จริงๆ ยายเพี้ยง” “เพี้ยงจำได้ค่ะ ว่าพี่พงศ์ชอบผสมซอสแบบนี้ ส่วนคุณพีไม่จิ้มซอสอะไรเลย” “เก่ง แล้วจำได้ไหมป้าชอบยังไง” สุภาอยากมีส่วนร่วมในการสนทนาจึงถามบ้าง เพียงออหันมามองหน้าคนถามแล้วบอก“คุณท่านไม่ชอบอาหารฝรั่ง เช้าๆ แบบนี้คุณท่านชอบข้าวต้มหรือไม่ก็โจ๊กทรงเครื่อง แต่ที่วันนี้สั่งทำ” “ป้าไม่ได้สั่งฉันสั่งเอง กลัวแขกจะกินข้าวต้มกุ๊ยไม่เป็น” พีรดารีบแทรกแล้วยังปรายตามองโทนี่อย่างดูแคลน ก่อนหันมาถามสุภาเสียงอ่อนหวาน “ป้าจะเอาโจ๊กมั้ยคะ เดี๋ยวรดาให้เด็กทำให้ใช้โจ๊กคัพของเรากวนใส่หมูสับใส่ไข่เดี๋ยวเดียวก็ได้กิน” “ไม่ต้องหรอก กินอันนี้แหละ นานๆ กินทีก็อร่อยเหมือนกัน ว่าแต่ตาพงศ์จะอยู่กินกลางวันไหม” “ใช่ค่ะ อยู่มั้ยคะ อยากกินอะไรบอกเลยค่ะ เพี้ยงทำให้ เพี้ยงทำกับข้าวอร่อยนะคะ”เพียงออชมตัวเองแล้วยิ้มตาหยีจนคนเป็นสามีหมั่นไส้รีบแย้ง “เราต้องไปทำงานนะยายหมาเน่า เพิ่งไปเรียนงานได้ไม่ถึงวันจะหยุดอีกแล้วหรือไง” “เพี้ยงกลับมาทำตอนพักกลางวันก็ได้ค่ะ” “รู้ได้ยังไงว่าจะพักตรงเวลาไหม บางวันงานล้นมือจนพวกฉันอดข้าวกลางวันก็มี” “เอ๊ะ! มีแบบนั้นด้วยหรือตาพี หิวกันแย่สิ ทีหลังถ้ายุ่งขนาดนั้นก็โทรหาพี่นะ พี่เอาปิ่นโตไปให้” พีรดารีบถาม “เออ งานก็ไม่ได้ค้างมากไม่น่าจะยุ่งขนาดอดข้าวนะ” สุภาว่า “ผมหมายถึงเวลาออกไปดูงานข้างนอกครับ บางทีก็ขี้เกียจขับรถหาร้านข้าว” พีรวัสแก้ตัว “ไม่ต้องลำบากหรอกเพี้ยง พี่ยังไม่ได้จัดกระเป๋า” พีรพงศ์รีบตัดบท “เอาข้าวสารน้ำตาลไปไว้กินไหมพี่พงศ์” คนเป็นน้องถามขึ้น สุภาพยักพเยิดเห็นด้วย แต่พีรดาแอบเบ้ปากแล้วพูด “ข้าวบ้านเราคงไม่อร่อยเท่าของนอกหรอกนายพี พี่พงศ์เขาไม่ชอบอย่าไปคะยั้นคะยอเลย” เพียงอออยากบอกว่าไม่เห็นพีรวัสคะยั้นคะยอตรงไหน แค่ถามไปประโยคเดียวเท่านั้น “ไม่เอาหรอก พี่ชอบอาหารฝรั่งไม่ค่อยชอบกินข้าว” พีรพงศ์ตอบพีรวัสแต่สายตาจ้องมองพีรดา จนเพียงอออยากหัวเราะสาแก่ใจนัก หล่อนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพีรดาถึงต้องตั้งแง่กับพีรพงศ์มากมายขนาดนี้ ถ้าเป็นเพียงแค่อกหักรักคุดจากพีรพงศ์ตามที่แว่วเข้าหูมา คนเราหากรักใครจริงก็น่าจะยินดีเมื่อคนที่เรารักมีความสุข เหมือนหล่อนยินดีในความสุขของพีรวัสไปเสียหมดแม้ความสุขของเขาในบางครั้งคือความลำบากของตนเองก็ตามที “รดารู้สึกไม่สบาย คลื่นไส้ขอตัวก่อนนะคะ” พีรดาลุกขึ้นออกจากโต๊ะโดยทิ้งสายตาตำหนิเอาไว้ให้พีรพงศ์กับสามี “ยายหมาเน่าไปดูพี่รดาสิ เผื่อต้องกินยาหรือไปหาหมอ” พีรวัสใช้ “ไม่ต้องหรอกให้เด็กดูไป ถ้าเป็นมากเดี๋ยวมันก็ออกมาบอกเอง เพี้ยงยังไม่ลงมือกินเลยมัวแต่ปรนนิบัติคนอื่น กินๆ” สุภาปราม แล้วหันไปเชิญชวนพีรพงศ์กับโทนี่ ดูออกว่าสุภายอมเปิดใจรับทั้งคู่แม้จะไม่เต็มที่แต่ไม่หมางเมินใส่เหมือนครั้งแรกที่พีรพงศ์กลับมาเยี่ยมบ้านหลังแต่งงานกับโทนี่ใหม่ๆ “งั้นผมไปดูเองก็ได้” พีรวัสว่า แต่เพียงออรีบฉุดมือเขาไว้ “ฉันไปเอง คุณพีทานต่อเถอะ” ก่อนจะรีบลุกขึ้นเหมือนกลัวพีรวัสหรือใครจะแย่งทำหน้าที่แต่ไม่มีใครขยับแม้กระทั่งพีรวัสคนที่บอกจะไปเอง เสียรู้พ่อทูนหัวอีกจนได้ เพียงออรู้ว่าพีรวัสต้องคิดเช่นนี้ถึงพูดออกมาแบบนั้น พอหล่อนแย่งทำเสียเองเขาก็คงกระหยิ่มใจหรืออาจหัวเราะในใจอยู่ก็ได้ตอนนี้ “จนได้สิน่า ยายเพี้ยงนี่มันเกิดมาเพื่อรับใช้นายพีจริงๆ” สุภาบ่นเบาๆ อย่างอารมณ์ดี และแอบมองหลานชายตัวเองว่าทำหน้าเช่นไร แต่ก็พบกับความเฉยชาละเลียดอาหารเช้าต่อไปเงียบๆ ไม่สนใจมองตามเพียงออไปเสียด้วยซ้ำ ผิดกับพีรพงศ์และโทนี่ที่มองตามด้วยความเอ็นดู สุภาลอบยิ้มแล้วถามหลานชายคนโต “ข้าวสารไม่ค่อยได้หุง แต่น้ำตาลต้องใช้นี่ตาพงศ์ เอาไปบ้างเถอะ จะทำอาหารหรือชงกาแฟก็ต้องใช้อยู่แล้วนี่ น้ำตาลก้อนที่ทำจากน้ำอ้อยที่เราเคยบอกตอนนี้โรงงานเราก็ทำแล้ว ใกล้จะวางขายแล้วละ หรือจะแบบเป็นซองก็มี มันคงไม่หนักสักเท่าไหร่หรอก” “ใช่ๆ พี่ เอาไปสิ เอาไปโฆษณาบ้าง สินค้าเราแพ็คเกจจิ้งสวยทันสมัย เผื่อฝรั่งสนใจจะได้ดูลู่ทางไปวางขายด้วย” “หือ เดี๋ยวนี้นายหายใจเข้าออกเป็นงานไปหมดเลยนะนายพี เก่งมาก” พีรพงศ์ชม “มันก็ดีนะตาพงศ์เอาไปฝากเพื่อนด้วยนะ เผื่อติดใจจะได้สั่งซื้อ” สุภาเห็นดีเห็นงามด้วย “อย่างนั้นก็ได้ครับ” พีรพงศ์รีบตกลงเพราะถือเป็นการช่วยงานของครอบครัวด้วยการโฆษณากับคนใกล้ตัวก่อน “ขอบใจๆ เดี๋ยวตาพีจัดการให้พี่เขาด้วยนะลูก” “ครับป้า” พีรวัสรับปาก ก่อนคนทั้งโต๊ะจะหันมองไปในบ้านกับเสียงเกรี้ยวกราดที่ฟังไม่ได้ศัพท์ แต่เดาไม่ยากว่าเป็นเสียงพีรดาตวาดใส่เพียงออแน่นอนพีรพงศ์ถึงกับลุกจากโต๊ะจะไปดู แต่พีรวัสรีบชิงวิ่งไปเสียก่อนพร้อมกับตะโกนถาม “อะไรกัน ยายหมาเน่า” “เออ แทนที่มันจะถามพี่มันว่าทำอะไรเมีย กลับดุยายเพี้ยงซะงั้น” สุภาว่าตามด้วยส่ายหน้าระอาปนเอ็นดู “เพี้ยงเป็นเด็กอดทน แต่ถ้าสองคนนี้ไม่ปรับปรุงตัวเอง ไม่ปรับตัวเข้าหา สักวันเพี้ยงคงทนไม่ไหว”พีรพงศ์พูด รู้สึกห่วงใย “ไม่ต้องห่วงหรอก ป้าดูออกยังไงนายพีก็เอ็นดูเมียอยู่ไม่น้อย มีแต่รดาแหละที่นับวันยิ่งทำตัวแปลกๆ แปลกกับทุกคนนะไม่ใช่แค่กับยายเพี้ยง แต่ถ้าถึงที่สุดจริงๆ พีมันก็ปกป้องเพี้ยงได้ ป้าเองก็ไม่ยอมให้รดามันรังแกเพี้ยงหรอก พงศ์ไม่ต้องห่วง” “ขอบคุณครับ” พีรพงศ์ไหว้นอบน้อม สุภาพยักหน้ารับแล้วเชิญชวนให้รับประทานอาหารเช้าต่อ พีรวัสที่ลากเพียงออออกมาจากบ้านมองอย่างสงสัยแล้วถามคนข้างๆ เบาๆ “พี่พงศ์ไหว้ป้าทำไม” “ไม่ทราบค่ะ” คำตอบของเพียงออทำให้ถูกเขาตวัดสายตามอง ก่อนดึงให้หล่อนเดินไวขึ้นเพื่อไปร่วมโต๊ะอาหารเช้าอีกครั้ง “ไปทำอะไรให้ถูกเอ็ดหรือเพี้ยง”พีรพงศ์รีบถามทันที แต่เพียงออไม่กล้าบอกเพราะพีรวัสจิกตามองอยู่ จึงทำได้แค่ยิ้มแหยๆ แล้วนั่งลงจัดการอาหารเช้า ท่าทีของเพียงออคือคำตอบที่ดีว่าอย่าถามอะไรมากเพราะหล่อนจะไม่มีคำตอบใดๆ ให้ รวมทั้งพีรวัสที่มานั่งลงใกล้ๆ แล้วจัดการอาหารเช้าต่อก็ไม่มีทีท่าว่าจะปริปากบอก ทำให้พีรพงศ์อดหันไปสบตากับสุภาไม่ได้ คนเป็นป้าจึงได้แค่ยิ้มปลอบใจแล้วพยักพเยิดให้รับประทานอาหารต่อ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD