พีรวัสชายตามองตุ๊กตาหน้ารถของตัวที่วันนี้อยากเรียกว่าตุ๊กตาหน้างอมากกว่า แต่เขาเข้าใจอารมณ์เจ้าหล่อนดีและไม่ถือโทษโกรธเคืองแต่อย่างใด กลับนึกขอบใจเสียด้วยซ้ำที่เพียงออไม่ปริปากบอกเรื่องนี้กับผู้ใหญ่ อย่างไรเสียพีรดาก็เป็นพี่สาวที่เขารักไม่อยากให้ถูกป้าสุภาดุด่าว่ากล่าว เพราะความไม่มีเหตุผลหรืออาจเป็นเหตุผลส่วนตัวของพีรดาที่เขาและใครๆ เข้าไม่ถึง
เมื่อได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดของพีรดาแล้วพีรพงศ์ทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นไปดู พีรวัสจึงรีบไปดูเสียเอง
‘อะไรยายหมาเน่า’ เมื่อเข้าไปในบ้านเห็นเพียงออยืนอยู่ที่พักบันได ตรงพื้นรอบตัวเต็มไปด้วยดอกไม้แห้งและเศษแจกันแตก เพียงออยกมือบังหน้าเอาไว้เพราะยังมีวัตถุต่างๆ ปลิวมาพร้อมเสียงเกรี้ยวกราดของพีรดา
‘ไปให้พ้นนังเด็กบ้า ไปบอกเขาเลยว่าฉันสบายดี แต่ที่อาเจียนเพราะสะอิดสะเอียนพวกเขานั่นแหละ ไป ฉันยังไม่ตายหรอกไม่ต้องดีใจ บอกมันเลยนะว่าถึงตายฉันก็ไม่ญาติดีด้วย ฉันไม่ให้อภัย มันไม่ใช่พี่ชายฉันอีกต่อ’
‘พี่รดา อะไรกัน หยุดนะ’เขาวิ่งเข้าไปดึงเพียงออมากอด ใช้ตัวเองบังไว้ และพีรดาคงหยุดขว้างของใส่เพียงออทันทีเพราะกลัวเขาจะถูกลูกหลง
เสียงเงียบไร้การเคลื่อนไหวชั่วครู่เขาจึงหันไปมอง ไร้เงาพีรดาบนขั้นสุดของบันไดแล้ว
‘เกิดอะไรขึ้นทำไมพี่รดาถึงเกรี้ยวกราดขนาดนี้’
‘ไม่ทราบค่ะ ฉันแค่ถามว่าเป็นอะไรมากไหมทุกคนเป็นห่วง แค่นี้เองคุณรดาก็หยิบแจกันมาขว้างใส่’
‘คงไม่สบายไม่อยากให้ใครกวนแหละ ไปกินอาหารเช้าต่อเถอะ’ ตอนนั้นเขารีบชวนแล้วจูงหล่อนเดิน แต่เพียงออขอเก็บข้าวของที่เกลื่อนพื้นก่อนเพราะไม่อยากให้เด็กสำลีมีคำถามหากเรียกมาเก็บกวาด
พีรวัสเอื้อมมือมาดึงมือเพียงออไปกำไว้ แล้วพูดโดยไม่ได้หันมามอง
“ขอโทษแทนพี่รดาด้วยนะ เธอคงรู้ว่าพี่รดาเปลี่ยนไปมากหลังพี่พงศ์แต่งงานซึ่งฉันไม่รู้ว่าทำไม”
“แต่ฉันรู้” เพียงออหันไปบอก
“รู้หรือ เพราะอะไรไหนลองบอกมาสิ” เขาหันมาสบตาอย่างใคร่รู้
“เพราะคุณรดาชอบพี่พงศ์แต่พี่พงศ์ปฏิเสธแล้วแต่งงานกับคุณโทนี่แทน คุณรดาเลยอกหัก”
“บ้า พูดอะไรบ้าๆ เราเป็นพี่น้องกันถึงจะแค่ลูกพี่ลูกน้องก็เถอะ ไม่มีใครคิดอกุศลกับญาติตัวเองแบบนี้หรอกนะ ไปฟังใครมาละ พี่พงศ์ละสิ เชื่อฟังกันดีจริงๆ เชื่อฟังมากกว่าผัวเสียอีก เอหรือว่าจะใช่พี่พงศ์เป็นคนที่เท่าไหร่ละหรือว่าคนแรก” เขาสลัดมือหล่อนทิ้งทันที
“พูดบ้าอะไรของคุณ ฉันไม่เคยมีอะไรกับพี่พงศ์หรือใครๆ ทั้งนั้นนะ”
“เชื่อเธอก็ควายแล้วยายหมาเน่า ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนจะยอมให้จับแต่งงานกับคนที่ไม่รักง่ายๆ หรอก ที่เขาเรียกว่าอะไรนะ” ทำท่าคิด “ย้อมแมวขายหรือใส่ตะกร้าล้างน้ำนี่แหละ”
“คุณถูกหลอกให้แต่งงานกับฉันหรือยังไง” คงมีน้อยครั้งที่หล่อนขึ้นเสียงเช่นนี้ พีรวัสจึงตวาดกลับชนิดที่ขี้หูกระตุกทีเดียว
“เออสิ ถึงไม่ถูกหลอกแต่ก็ถูกบีบบังคับให้แต่งงาน อยากรู้นักว่าทำไมต้องเป็นเธอ ท้องมาหรือไง”
“คุณพี บ้า ปากเสีย” และนี่คือครั้งแรกที่หล่อนทำร้ายเขา ทุบแขนเขาเต็มแรงจนรู้สึกเจ็บมือตัวเอง
พีรวัสรีบปัดมือหล่อนพร้อมเหยียบห้ามล้อจนรถหยุดกะทันหัน ดีที่เป็นถนนในสวนในไร่จึงไม่ต้องระวังรถตามหลัง ก่อนจะออกคำสั่ง
“ลงไปยายหมาบ้า ลงไป!”
“คุณพี!” หล่อนเรียกชื่อเขาเสียงสูงปรี๊ด ก่อนสะบัดหน้าใส่แล้วเปิดประตูลงรถทันที เมื่อเขาไล่หล่อนก็ไม่ง้อ แม้ตรงนี้จะมีรถผ่านน้อยนอกจากรถจากบ้านไปในเมืองและรถรับส่งคนงานซึ่งสายป่านนี้แล้วคงผ่านไปแล้ว
เพียงออมองตามรถพีรวัสที่ขับออกไปอย่างรวดเร็วแล้วทำปากยื่น หากส่องกระจกคงจะเห็นว่าปากกับจมูกใกล้จะชิดกันทีเดียว ทำให้อดคิดถึงตอนเด็กๆ ที่ถูกพีรพงศ์ติงไม่ได้
‘ไม่ทำหน้างอแบบนี้นะเพี้ยง เดี๋ยวดั้งจะหักตาม โตขึ้นไม่สวยจะไม่ได้เป็นนางงามนะ’ตั้งแต่นั้นมาหล่อนก็ไม่ทำหน้างออีก แล้วไงไม่เห็นมีแมวมองมาพาไปประกวดนางงามเลย มีแต่คนยั่วโมโหให้กลับมาทำหน้างออีกจนได้
ปี๊นนนนน
“ว้าย!” เพียงอออุทานลั่นไม่ต่างจากเสียงแตรรถที่ดังขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยหรือเป็นเพราะกำลังคิดอะไรเพลินๆ จึงไม่ได้ยินเสียงรถที่แล่นใกล้เข้ามา เมื่อหันไปมองก็เห็นวินัยไขกระจกลงมามองอยู่ก่อนแล้ว
“ทำไมเดินอยู่นี่ละน้องเพี้ยง” เขาเรียกหล่อนเหมือนเดิม แต่เมื่ออยู่กับคนอื่นๆ เขาก็เปลี่ยนไปเรียกคุณเป็นการให้เกียรติหล่อนและเจ้านายตัวเอง
“คุณพีไล่ลงจากรถพี่”
“โห รักกันแรงจริง มาๆ ครับขึ้นรถเดี๋ยวไปด้วยกัน” วินัยชวน
เพียงออรีบเปิดประตูเข้าไปนั่งทันที แต่จังหวะที่รถกำลังจะเคลื่อนออก รถยนต์ของพีรดาที่ขับผ่านไปบีบแตรยาวๆ ใส่ก่อนขับผ่าน แน่นอนว่าพีรดาจะต้องเห็นว่าใครนั่งในรถรถวินัย
ปี๊น ปี๊น
“เมื่อเช้าที่บ้านทำอะไรกินกันครับ ทำไมถึงอารมณ์บ่จอยทั้งพี่ทั้งน้อง” วินัยถามเสียงกรั้ว
“กินอาหารฝรั่งค่ะ เพราะพี่พงศ์กับแฟนมากินด้วย”
“มิน่าละ” วินัยพูดแค่นั้นก็ตั้งใจเร่งความเร็วรถ จนไปขนาบรถพีรดาแล้วบีบแตรใส่หนึ่งครั้ง ก่อนแซงหน้าไปชนิดที่ไม่เห็นฝุ่น จนไปถึงบริษัทซึ่งเขาจอดรถให้เพียงออลงหน้าอาคารก่อนแล้วจึงเคลื่อนรถไปจอดเข้าที่ เพราะที่ตั้งบริษัทเป็นอาคารที่สร้างขึ้นในที่ดินของครอบครัวจึงมีที่จอดรถใต้ร่มไม้มากมายแล้วแต่ละเลือก ไม่เหมือนร้านค้าที่ไว้ขายและแสดงสินค้าที่ต้องอาศัยแหล่งชุมชนเช่นร้านที่พีรดาดูแล
“ทำไมช้า ชงกาแฟมาแก้วสิ” ทันทีที่เพียงก้าวผ่านประตูห้องทำงาน คนที่ทิ้งหล่อนไว้กลางทางก็ออกคำสั่งทันที
“เพิ่งกินมาจากบ้าน จะกินอีกแล้วหรือคะ” หล่อนย้อนถาม พร้อมเดินไปเก็บกระเป๋าที่โต๊ะทำงาน
“ใช่จะกิน รีบไปชงมา เอากาแฟดำไม่ใส่แม่งไรเลยนะ”
“ใส่น้ำร้อนมั้ยละคะ”
“ยายเพี้ยง!” เขาตวาดใส่พร้อมหยิบของใกล้มือเตรียมขว้างแต่วินัยเข้ามาห้ามทัพเสียก่อน
“อะไรกันเจ้านาย ข้าวใหม่ปลามันเค้าหยอกกันแรงขนาดนี้เลยหรือ ปล่อยคุณเพี้ยงลงกลางทางงี้ คิดไหมถ้าผมไม่ผ่านมาพอดีคุณเพี้ยงเดินมาขาลากแน่แล้วป่านนี้ก็คงไม่ถึงพอมาถึงเหนื่อยๆ ก็ยังใช้งานอีกไม่ได้ดังใจก็จะขว้างจะปาของใส่อีก หัดเอานิสัยผู้หญิงมาจากไหนนี่ มือไวนะเรา” วินัยส่ายนิ้วเชิงล้อ
“ไอ้บ้า แกมาทำไมอีก ไปเป็นหัวหน้าคนงานสิไป๊” พีรวัสเงื้อจะขว้างเขาแทน วินัยจึงรีบร้องห้าม
“อย่านะ นั่นมือถือใหม่ใช้ยังไม่คุ้มค่าเงินเลยนะครับ” ก่อนหันไปทางเพียงออที่ยืนอมยิ้มอยู่ใกล้โต๊ะทำงาน
“ขอกาแฟพี่ด้วยคุณเพี้ยง”
“ได้ค่ะ” เพียงออรับคำเสียงอ่อนหวานแล้วรีบเดินออกจากห้องแต่ยังได้ยินพีรวัสเอ็ดตะโรวินัย
“เมียพ่อมึงนะ ใช้จัง”
“ไม่ได้ใช้ครับ เค้าเรียกว่าร้องขอ ไหนๆ คุณเพี้ยงก็ไปชงกาแฟให้นายอยู่แล้วนี่นา”
“ตลอดนะแก แล้วมาทำไมไหนบอกจะเข้าโรงงานก่อนไง”
“เดี๋ยวเข้าไปครับ แต่มีบางอย่างให้นายดู” เขาบอกแล้วเดินไปใกล้ส่งโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตนเองให้เขาดู ซึ่งเปิดหน้าจอที่อยากให้เห็นเอาไว้แล้ว
“ใครวะ” พีรวัสเงยหน้าขึ้นมองเพราะไม่รู้จักคนที่วินัยให้ดู
“ไอ้เดช ลูกกำนันทรงยศ คนที่มีข่าวว่าหนีคดีข่มขืนไปอยู่เกาะหลายเดือนแล้วไงนาย”
เมื่อรู้ว่าเป็นใครพีรวัสรีบขยายรูปดูอีกครั้ง ก่อนสบตาลูกน้องคนสนิทแล้วพูด
“ในเมืองใช่มั้ยนี่”
“ครับ ผมเห็นมันเมื่อคืนตอนเข้าไปทำธุระ”
“หือ แกมีธุระในเมืองกับเขาด้วย วันๆ เห็นขลุกอยู่ในสวนในโรงงาน” พีรวัสหรี่ตามอง วินัยรีบดึงโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตนกลับไปแล้วเสมองไปทางอื่น ท่าทางมีพิรุธจนพีรวัสลุกขึ้นยืนแล้วตบไหล่ดังป้าบจนไหล่ทรุด
“บอกมาไปตีกะหรี่มาใช่มั้ย”
“เฮ้ย! ไม่ใช่” ไม่ใช่แค่วินัยคนเดียวที่ตกใจกับคำถามของพีรวัส เพียงออที่เดินถือถาดใส่ถ้วยกาแฟมาได้ยินเข้าก็ถึงกับชะงักเท้าหยุดเดินไปเช่นกัน
“ไม่ใช่แล้วแกไปทำไมในเมืองมืดๆ ค่ำๆ ก็รู้อยู่ทางเข้าไร่เรามันเปลี่ยว ไม่กลัวใครจะจี้เอาหรือไง”
“โอยนาย หน้าไหนมันจะกล้าเข้ามายุ่งในเขตของเรา ลองแหยมมาสิผมจะยิงหัวมันให้ดู”
“แกกล้าฆ่าคนเชียวหรือวินัย” พีรวัสถามยอมรับว่าตกใจพอสมควร
วินัยหัวเราะขึ้นสวนคำถามตกใจนั้นทันที“ยิงกับหนังสติ๊กครับ ให้คนงานทำไว้เพียบ”
“ไอ้บ้า นี่แกแกล้งเฉไฉไม่ยอมตอบว่าเข้าเมืองทำไมค่ำๆ มืดๆ แสดงว่าไปตีกะหรี่จริงๆ สินะ”
“แล้วคุณพีจะไปอยากรู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่นทำไมคะ หลังเวลางานแล้วไม่มีสิทธิ์จุ้นจ้านนะคะ” เพียงออเข้ามาขัดจังหวะและดักคอเอา ทำให้ถูกตวาดเสียงลั่น
“ยายหมาเน่า เธอว่าฉันเสือกละสิ”
“แล้วแต่จะคิดค่ะ” ยายหมาเน่าไม่ได้สะทกสะท้านใดๆ ยังเดินไปหยิบถ้วยกาแฟส่งให้วินัยก่อนที่จะวางให้เขา นั่นทำให้ถูกเคืองหนักกว่าเดิมแต่เขาไม่พูดออกมาก็เท่านั้น
“ขอบคุณครับคุณเพี้ยง ดื่มหมดแก้วแล้วผมจะเข้าโรงงานก่อนค่อยไปดูโรงสีแล้วเข้าไร่ยาวทั้งวัน ไม่ต้องเรียกหาผมนะนาย”
“เออ จะไปไหนก็รีบไป” พีรวัสไล่ส่ง เพียงออกับวินัยมองหน้ากันแล้วอดขันไม่ได้ถึงแม้ทั้งคู่จะพยายามกลั้นหัวเราะจนหน้าแดงแต่พีรวัสก็มองเห็นจนได้ชายหนุ่มเคืองหนักจนรีบยกกาแฟขึ้นซดจนเพียงออรีบร้องห้าม
“ร้อนนะคะ”
“เออ รู้ไม่ได้โง่ขนาดนั้น ควันฉุยอย่างนี้คงไม่มีควายตัวไหนคิดว่าเป็นกาแฟเย็นหรอก” เขาตอกกลับแล้วเป่ากาแฟในแก้วสองสามครั้งก่อนจิบ
“ทำไมขมอย่างนี้ละยายเพี้ยง” โวยวายมองตาเขียวปัด ในขณะที่วินัยหัวเราะคิกแล้วตอบแทนเพียงออ
“ก็แมวตัวไหนสั่งไม่เติมแม่งอะไรเลยละเจ้านาย”
“ไอ้!” พีรวัสชี้หน้าวินัยก่อนหัวเราะขำตัวเอง เพราะเขาสั่งจริงๆ แต่พอเห็นเพียงออกับวินัยหัวเราะบ้างก็เคืองอีก
“หัวเราะอะไรกัน ยายหมาเน่าขอน้ำตาลมาเติมหน่อยแล้วรีบมาทำงาน ส่วนแกออกไปได้แล้วไป” ชี้นิ้วไล่วินัย
“ครับไปแน่ แต่” วินัยหยุดพูดมองสบตาพีรวัสที่จ้องตาเหมือนรอคำพูดจากเขาเช่นกัน ก่อนส่ายหน้าช้าๆ แล้วบอก
“ผมไปทำงานนะนาย เย็นนี้เลี้ยงเหล้าพวกเราเหมือนเดิมนะครับ ขอบคุณครับ”
“เออ ไอ้บ้า” พีรวัสว่าตามด้วยเสียงหัวเราะอารมณ์ดี แต่เมื่อเห็นเพียงออหัวเราะไปด้วยจึงทำเสียงดุใส่ๆ
“น้ำตาล!”
“ค่ะ เจ้านาย”เพียงออลากเสียงยาวล้อเลียนแล้วหยิบถ้วยกาแฟไปเติมน้ำตาลให้ตามคำสั่ง ไม่นานก็กลับเข้ามาวางให้ตรงหน้า
พีรวัสเงยหน้ามองแล้วเรียกมาใช้งานทันที“นี่มาดูเอกสารพวกนี้สิ ของต้องใช้วันนี้ทั้งนั้น”
“รับทราบค่ะ” หล่อนยิ้มรับเพราะเต็มใจกับทุกงานที่พีรวัสออกคำสั่งให้ทำเสมอ