บทที่๗ ทางเลือก
พีรวัสชายตามองคนนั่งกอดอกปากสั่นเพราะเนื้อตัวเปียกน้ำฝน เขาอดตำหนิตนเองไม่ได้ที่ดึงร่มคันนั้นทิ้งไปทำให้เพียงออตัวเปียกไม่ต่างจากเขา แต่ถึงอย่างนั้นพีรวัสก็ไม่คิดว่าตนเองผิดเพราะคนผิดกำลังนั่งตัวสั่นอยู่ใกล้ๆ นี่เอง ถือเป็นการรับโทษทัณฑ์ของหล่อนไปก็แล้วกัน
พีรวัสลดระดับเครื่องทำความเย็นในรถให้ต่ำสุด แล้วชายตามองเพียงออพร้อมกับเหยียดยิ้มมุมปาก
“ไม่ต้องมาเยาะเย้ย ไม่ต้องหรี่แอร์ให้หรอก ฉันไม่หนาว” คนตัวสั่นว่าเหมือนร้อนตัว ทั้งๆ ที่ตอนพูดปากสั่นริกๆ แล้วยังเอื้อมมือไปเร่งความเย็นให้อยู่ในระดับเดิมจนถูกพีรวัสตีมือ
“ฉันหนาว ไม่ได้ปรับให้เธอ” เขาดุเสียงเข้ม แล้วยิ้มเยาะมุมปากอีกครั้งก่อนพูดลอยๆ
“กินในห้องทำงานไม่อิ่มหรือไง ถึงตามไปกินกันถึงบ้านอีก”
“คุณพี ปากหรือนั่น” เพียงออแว้ดเสียงดัง หากพีรดาอยู่ตรงนี้หล่อนจะต้องโดนตบปากหรือดุกลับทันทีที่บังอาจขึ้นเสียงกับน้องชายสุดที่รัก แต่จะทำอย่างไรได้ก็มันอดไม่ไหวจริงๆ กับผู้ชายปากร้ายเอาแต่ใจอย่างสามีในนามของตนคนนี้
“เออ ปากสิ ปากผัวเอาไว้จูบเมีย” พีรวัสหยุดรถทันทีแล้วหันไปกระชากหล่อนเข้ามาใกล้ แต่ก่อนที่ปากจะทำเหมือนพูดเขากลับชะงักผลักเพียงออออกห่างแล้วพูดใส่หน้า
“ฉันไม่กินเดนพี่พงศ์ แล้วเรื่องอะไรจะลดตัวมากินเดนไอ้วินัย เธอนี่รสนิยมต่ำลงเรื่อยๆ จริงๆ เลยนะ” ว่าเสร็จเขาหันไปจะขับรถต่อจึงไม่ทันระวังฝ่ามือเล็กๆ ของอีกฝ่ายที่ประเคนมา
“ปากคุณมันต้องคู่กับฝ่ามือ ผู้ชายอะไรปากร้ายยิ่งกว่า”
“ยิ่งกว่าอะไร” พีรวัสหันเงื้อมือเหมือนจะตบคืน แต่ชะงักค้างเหมือนกำลังยับยั้งใจ แล้วเปลี่ยนเป็นโน้มตัวไปเปิดประตูรถ ก่อนจะผลักไหล่ไล่
“ลงไปก่อนจะถูกฆ่าหมกสวนปาล์ม”
“ไม่ลง ฝนตกเห็นไหม แล้วกลางสวนกลางป่าแบบนี้ฉันกลัว” เพียงออขืนตัวทั้งยังเอื้อมมือไปดึงประตูฝ่าสายฝนที่สาดเข้ามาอย่างแรงจนร่างที่หนาวสั่นอยู่แล้วสะท้านเข้ากระดูกเลยทีเดียว
“หน้าด้าน บอกให้ลงไป” พีรวัสผลักแรงขึ้น
“ไม่ลง บอกว่าไม่ลงยังไงละ คุณบังคับฉันขึ้นรถมาเองแล้วจะมาทิ้งไว้กลางทางแบบนี้ไม่ได้ ฉันไม่ยอม ฉันกลัวนะ”เพียงออต่อว่าเสียงละล่ำละลัก แน่นอนว่าใครบ้างจะไม่กลัวการถูกทิ้งไว้กลางสวนปาล์มในเวลาที่ฝนตกหนักเช่นนี้
“กลัวอะไร เธอนะน่ากลัวกว่าอะไรทั้งหมด กากี!”
“คุณพี!” เพียงอออุทานเสียงหลง เจ็บจี๊ดหัวใจกับคำด่านี้ เพียงออตัดสินใจลงจากรถทันทีพร้อมปิดประตูเสียงดัง แล้วมุ่งหน้าเดินลัดเลาะไปข้างทางไม่กลัวทั้งสายฝนและความเวิ้งว้างของสวนปาล์มแม้ไม่รู้ว่าตนเองกำลังเดินไปทางไหน เพราะฝนที่เทลงมาหนาเม็ดบวกความมืดของร่มเงาปาล์มที่แผ่กิ่งสยายจนมองไม่เห็นทางข้างหน้า แต่ยังหันไปมองพีรวัสจะลงมาตามหรือไม่ เพราะในใจลึกๆ แล้วหล่อนอยากให้เป็นเช่นนั้นเพราะเริ่มสะพรึงกับเสียงฟ้าและห่าฝนเพียงออหวังจะเห็นแสงไฟหน้ารถของพีรวัสบ้างทว่ากลับพบแต่ความสลัวกับเม็ดฝนที่พรั่งพรูลงมาเหมือนฟ้าแกล้ง
“พี่พีบ้า คนใจดำ ทิ้งกันจริงๆ หรือนี่ ว้าย!” หล่อนอุทานเสียงลั่นเพราะแสงไฟและเสียงแตรรถที่กดยาวอยู่อย่างนั้น พร้อมกับแสงที่พุ่งเข้าใกล้บอกให้รู้ว่ารถยนต์คันนั้นกำลังแล่นเข้ามาหาตน
ทีแรกเพียงออแอบดีใจคิดว่าพีรวัสกลับมารับ แต่พอเพ่งมองคนขับและความเร็วของรถที่ไม่ได้ลดลงเลยก็ต้องรีบกระโดดไปหลบหลังต้นปาล์ม
“คุณรดา!” หล่อนอุทานชื่อคนขับ ก่อนวิ่งหนีเพราะพีรดากำลังกลับรถขับไล่หลังมา
“อะไรนี่ จะฆ่าจะแกงกันหรือยังไง” เพียงออไม่ได้ถามใครแค่พึมพำกับตนเองก่อนวิ่งสลับฟันปลาตามแนวปาล์มจนหนีได้ไกลโดยลืมหันไปดูว่าพีรดาตามมาถึงไหน รู้ตัวอีกทีก็ทะลุออกจากสวนปาล์มแล้ว
นับเป็นการฝ่าสวนปาล์มข้ามผ่านความกลัวได้อย่างอัศจรรย์สำหรับเพียงออ แต่เวลานี้กลับต้องมายืนงงบนถนนสายเล็กๆ ที่จะเรียกว่าไม่รู้เหนือรู้ใต้ก็คงไม่ผิด เพียงออยืนหอบหายใจแรงเหมือนคนออกกำลังกายมาอย่างหนักพลางหันมองไปรอบตัว เม็ดฝนเริ่มเบาบางลงแล้วยิ่งเห็นความเวิ้งว้างแปลกตาของถนนเส้นนี้ ไม่ได้แปลกที่ลักษณะของถนนผ่านสวนผ่านไร่ แต่แปลกเพราะคาดว่าตนเองคงไม่เคยผ่านแถวนี้มากกว่า
ทันใดนั้นเองหญิงสาวก็สะดุ้งโหยงเพราะเสียงแตรรถดังยาวอีกครั้ง
ปี๊น