กอด

2797 Words
"เหอะ.." ลีลาหน้าบึ้งให้กับรอยยิ้มหยันที่มันปรากฏที่มุมปาก ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากัน แน่นอน ว่าเธอไม่ได้ชอบท่าทีที่เหมือนต่อต้านเธอมากๆแบบนั้น และการที่เขาทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรสักอย่าง มันก็กำลังสร้างความไม่พอใจให้กับเธอเช่นกัน "ป่านนี้คุณพ่อก็คงจะกำลังคุยกับคุณแม่ในเรื่องของเรา นายควรเข้าไปที่บ้านของฉัน พร้อมกับฉัน แล้วเราจะได้เคลื่อนย้ายของของฉัน ไปไว้ที่คอนโดของนายเลย อาจจะเร็วเกินไป แต่หวังว่า นายคงจะไม่ได้ซ่อนใครไว้ที่นั่น หรือแม้กระทั่ง คงไม่ลืมเก็บของของใครออกไปจากห้องด้วยเช่นกัน" บูรพาหันมาสบตากับดวงตากลมโตคู่สวยนั่นอีกครั้ง ร่างสูงขยับเข้าหา และแน่นอนว่า เธอเลือกที่จะหยุดนิ่งไม่ขยับไปไหน และความดื้อรั้นของเธอ ก็ทำให้ปลายจมูกของเธอสัมผัสกับเสื้อที่เขาใส่ จนเธอได้กลิ่นน้ำหอมของผู้ชายอย่างชัดเจน "รู้ตัวหรือเปล่า ว่าคุณกำลังทำตัวเหมือนเป็นเมียของผมจริงๆ ทั้งๆที่ความจริงแล้ว มันจะไม่มีวันเป็นแบบนั้นได้เลย" ใบหน้างามเชิดขึ้นทันทีที่ได้ยินแบบนั้น คำพูดของบูรพาไม่ได้ต่างจากประกาศกร้าว ว่าต่อให้สถานะระหว่างเราเป็นแบบไหน เขาก็ไม่มีทางเอาเธอทำเมียจริงๆจังๆ @บ้านหิรัญรัตน์ "นี่คุณกับลูกกำลังเล่นตลกอะไรกันอยู่คะ ฉันไม่เข้าใจกับสิ่งที่คุณกำลังทำนะคุณเลิศ ยัยลีไปขอร้องอ้อนวอนให้คุณยกเลิกงานแต่งงานด้วยวิธีนี้เหรอคะ" โสมสุภางค์ ร้องถามด้วยความไม่เข้าใจ เธอได้แต่มองคนนั้นคนนี้สลับกันไปมา ความจริงเธอคุยในเรื่องนี้กับสามีราวๆชั่วโมงกว่าเห็นจะได้ ก่อนที่ลีลาจะกลับมา พร้อมกับชายหนุ่ม ที่สามีของเธอไว้ใจและสนิทสนมด้วยมากๆอย่างบูรพา "ลูกเรารักเขานะคุณ เด็กๆเขารักกัน" เลิศศักดิ์พยายามอธิบายอีกครั้ง ท่านรู้อยู่เต็มอก ว่าการที่ภรรยาของท่าน จะจับบุตรสาวเพียงคนเดียวแต่งงาน ทุกอย่างมันก็ล้วนมาจากคำว่าห่วงใย เอาตรงๆลึกท่านเองก็รู้สึกผิดเช่นกัน ที่ต้องโกหกภรรยาไปแบบนั้น แต่ในเมื่อวิธีนี้มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับบุตรสาว แล้วอีกอย่าง คนที่ท่านเลือก ให้บุตรสาวของตัวเองได้เป็นที่พึ่งนั้น ก็คือชายหนุ่มที่ท่านรู้สึกไว้ใจเป็นอย่างมาก ท่านจึงเลือกที่จะเดินหน้าทุกอย่าง เพื่อให้ทุกอย่างมันเป็นไปในรูปแบบที่ท่านและตัวบุตรสาวของท่านต้องการ "คุณแม่คะ.. ลีมีความจริงจะบอกกับคุณแม่ค่ะ เป็นความจริงที่ลีเก็บไว้นานมาก" ลีลาตัดสินใจที่จะเอ่ยคำนั้นออกมา และแน่นอนว่า สายตาทุกคู่ เลื่อนมาจับจ้องที่เธอพอดี "ความจริงอะไรยัยลี" "ความจริงที่ว่าลี.. ลีกับบูมเรามีอะไรกันแล้วค่ะ" เสียงพ่นลมหายใจหนักๆถูกพ่นออกมา ก่อนที่มารดาของเธอ จะยกมือมาทาบที่อกเอาไว้อย่างตกใจ "ยัยลี!" "คุณลี.." บูรพาขยับกายหมายจะอธิบาย แน่นอนว่า ความจริงแล้วเขาไม่เคยได้ทำอะไรแบบนั้นด้วยซ้ำ สักครั้งก็ยังไม่เคย ลีลากำลังทำให้ทุกคนเข้าใจผิด และเธอก็กำลังทำให้ตัวของเธอเองเสียหาย "ไม่ต้องพูดอะไรหรอกบูม ถึงยังไงฉันก็เลือกนาย ฉันเป็นภรรยาของนายนะ และฉันก็สัญญาว่าฉันจะเป็นภรรยาของนายแค่คนเดียว ต่อให้คนอื่นจะดีกว่าแค่ไหน ต่อให้คนอื่นจะรวยกว่าแค่ไหน แต่ฉันก็ไม่มีทางเลือกใครนอกจากนาย" ลีลารั้งแขนหนามากอดไว้ทันที ส่วนอีกคนก็เมินหน้าหนี เมื่อท่อนแขนแกร่ง เฉียดกับยอดอกอวบอย่างไม่ได้ตั้งใจ "คุณแม่คะ ยอมให้ลีกับบูมคบกันเถอะค่ะ ลีเป็นของเขาไปแล้วนะคะ ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าการแอบเดินทางกลับมาที่ไทยก่อนกำหนดสองสัปดาห์ แล้วไปแอบอยู่ด้วยกันแบบนั้นจะทำให้ท้องหรือเปล่า ถ้าท้องขึ้นมา แล้วคุณแม่ยังกีดกันลีกับบูม บาปกรรมชัดๆเลยนะคะ" "ว๊ายยย.. ฉันจะบ้าตาย ฉันไม่เคยรู้เลย ว่าลูกสาวฉันเป็นคนแบบนี้" ร่างของโสมสุภางค์แทบทรุดนั่งลงไปกับโซฟา ยังดี ที่สามีของท่าน เข้าไปรับร่างนั้นไว้ได้ทัน "ผมว่าคุณพูดเกินไป" บูรพากระซิบกลับไป หวังให้ได้ยินกันแค่เพียงลำพัง เฉกเช่นกับหญิงสาว ที่กระซิบกลับในรูปแบบเดียวกัน "หน้าที่ของเรา คือทำทุกอย่างให้เราได้อยู่ด้วยกัน เพราะเมื่อไหร่ที่คุณแม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้น มันก็เท่ากับว่า ฉันจะไม่ต้องแต่งงานอีกต่อไป" บูรพารับฟังคำพูดนั้นอย่างกดดัน ยิ่งเห็นสีหน้าของท่านเลิศศักดิ์ ตัวของเขาเองก็หนักใจ แม้จะไม่ชอบการโกหกแค่ไหน แต่เขาก็ต้องจำใจเล่นละครต่อไป เพื่อให้เป็นไปในรูปแบบที่ผู้มีพระคุณสูงสุดของเขาต้องการ "คุณโสมครับ.." บูรพาทรุดกายลงกับพื้นพรมต่อหน้าคุณเลิศศักดิ์และภรรยา "ผมขอโทษนะครับ ที่ทำให้คุณลีเสียหาย ผมไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายใคร เราแค่.. เราแค่รักกัน" "หึ.. นายก็รู้ว่าการทำแบบนี้มันเป็นการหยามเกียรติของลูกสาวฉัน แต่นายก็ยังเลือกที่จะทำ นายเป็นคนที่เลี้ยงไม่เชื่องเอามากๆ สามีของฉันอุตส่าห์ดีกับนายมากๆ แต่นายก็ยังทำกับครอบครัวของฉันแบบนี้ได้!" โสมสุภางค์ตวาดออกมาอย่างไม่พอใจ ก่อนที่สามีของท่านจะเป็นฝ่ายร้องปราม "ผมว่าไหนๆเรื่องราวมันก็ล่วงเลยมาจนถึงขนาดนี้แล้ว พลาดพลั้งกันไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เราก็ควรจะปล่อยให้ทุกอย่างมันเดินหน้าต่อไป ในเมื่อเด็กๆยืนยันว่ารักกัน ในเมื่อพวกเขาไปถึงสถานะนั้น เราก็เข้าไปเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ผมรู้ดี และสามารถเอาเกียรติยศศักดิ์ศรีของตัวเองมาเป็นประกันได้ ว่าผู้ชายอย่างบูรพาเป็นคนที่ดีมากๆ เขาสามารถดูแลลูกสาวของเราแทนเราทั้งคู่ได้ ผมเชื่ออย่างสุดใจว่าเขาจะไม่มีทางทำลูกสาวของเราให้เสียใจ ในเมื่อเด็กๆเขารักกัน ในเมื่อลูกสาวของเรารักเขาขนาดนั้น เราก็ควรปล่อยให้เขาดำเนินชีวิตในแบบที่เขาต้องการนะคุณโสม อย่างน้อยการที่ลูกได้เลือกคนที่ลูกรักเอง และคนคนนั้นก็เป็นคนที่อยู่ในสายตาของเราทั้งคู่เช่นกัน ผมว่ามันดีที่สุดแล้ว" . . . @คอนโดมิเนียมหรูใจกลางกรุง "นานแค่ไหน?" เสียงห้วนร้องถาม ระหว่างที่ลีลากวาดสายตาออกไปบริเวณรอบๆห้องชุดคอนโดแห่งนี้ รวมๆแล้วก็ถือว่าเลิศหรูดูดี มีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมอยู่ และหลายๆอย่างก็ตรงตามความชอบของเธอจนเธอเองก็นึกแปลกใจ "ผมถามว่านานแค่ไหน!" น้ำเสียงดุดันที่คล้ายตะคอก ส่งผลให้ลีลาหันมองทันที เลยได้เห็นว่า บูรพาชักสีหน้า พร้อมกับมองมาที่เธอ "อะไรคือนานแค่ไหน?" "คุณจะใช้ผมเป็นตัวหลอกของคุณนานแค่ไหน ผมต้องเสียเวลากับคุณนานแค่ไหน นานแค่ไหน คุณถึงจะจัดการชีวิตของคุณได้ด้วยตัวของคุณเอง" "อยากไล่แล้วหรอ?" ลีลาเลิกคิ้วถาม ใบหน้าง้ำงอเชิดขึ้นอีกครั้ง ก็อย่างที่บอกออกไป เธอไม่ชอบการถูกปฏิเสธแบบซึ่งๆหน้า แล้วยิ่งเป็นผู้ชายที่ไม่ได้คบหาก็เหมือนเคยได้คบหา ยิ่งเห็นเขาเป็นแบบนี้ เธอก็ยิ่งไม่พอใจ "ผมมีชีวิตของผม ซึ่งคุณก็ควรจะมีชีวิตของคุณ" "ไม่คิดจะมีคำว่าเราหน่อยเหรอ?" "คุณลี!" "ตอนนี้ฉันเป็นเมียนายนะ เป็นเมียที่ถูกต้องตามกฏหมาย นายจะมาตั้งคำถามเสมือนอยากไล่แบบนี้ ฉันว่ามันเกินไป อย่างน้อยๆ เราก็เคยรักกันไม่ใช่เหรอไง?" ลีลาขยับกายเข้าใส่ เธอมองสบตากับเขาในระยะใกล้ พลางทาบมือลงบนหน้าอกแกร่ง ในขณะที่อีกฝ่ายมองการกระทำของเธอเงียบๆ "คนเคยรักกัน เขาไม่ผลักไสกันแบบนี้หรอก หรือจำไม่ได้ ว่านายเคยชอบฉันแค่ไหน" ดวงตาสวยตวัดมองร่างอีกคนที่สูงกว่า "จะปลุกถ่านไฟเก่าให้มันลุกโชนว่างั้น" "ก็ถ้านายยังไม่มีใครเหมือนที่ฉันไม่มี โอกาสที่จะลุกโชน มันก็อาจจะมี" "หึ.." รอยยิ้มหยันปรากฎที่บนมุมปากของเจ้าของใบหน้าคมคาย ซึ่งเธอก็เคยบอกไปแล้ว ว่ารอยยิ้มแบบนี้ เธอไม่ได้ชอบสักเท่าไหร่ "ฉันไม่ชอบนรอยยิ้มแบบนี้" "แล้วผมจำเป็นต้องปั้นรอยยิ้มแบบที่คุณชอบ เพื่อยิ้มให้คุณว่างั้น!" บูรพาเลิกคิ้วถาม ตาคมตวัดมองใบหน้างดงามที่อยู่ในระดับต่ำกว่า แน่นอนว่า เขาเองก็รู้ดี ว่าเธอต้องการที่จะปั่นประสาทของเขาให้คล้อยตาม ซึ่งการกระทำแบบนั้น เธอสามารถทำได้ง่ายๆ เพราะคนอย่างลีลา เธอเป็นผู้หญิงที่เอาแต่ใจ อยากได้ เธอก็จะเอาให้ได้ "สักวันฉันจะทำให้นายอยากยิ้มให้ฉันอีกครั้ง" บูรพาเบือนหน้าออกจากใบหน้างดงามทันที เธอก็เป็นเสียแบบนี้ เป็นแบบตอนนั้นไม่เคยเปลี่ยนเลย "คืนนี้คุณนอนบนเตียงก็แล้วกัน ผมจะนอนที่โซฟา" บูรพาหยัดกายลุกเต็มความสูง เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำ กลิ่นหอมจากครีมอาบน้ำและแชมพูสระผม ส่งผลให้ดวงตาคมตวัดมองอีกคนเพียงนิด เลยได้เห็น ว่าชุดนอนที่เธอใส่ เป็นอย่างไร "แล้วทำไมต้องแยกกันนอน นอนบนเตียงด้วยกันก็ได้ ฉันไม่ถืออยู่แล้ว" "ผมว่าคุณอย่าลดค่าตัวเองลงมาเลยดีกว่า คุณเป็นลูกสาวของคุณเลิศ ซึ่งคุณเลิศเป็นผู้มีพระคุณของผม ผมไม่ทำให้ลูกสาวของท่านเสียหายอยู่แล้ว" รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นที่มุมปากของหญิงสาวที่มองอยู่ ลีลาใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กซับน้ำออกจากเส้นผม แต่ทว่า สายตากลับมองที่อีกคนตลอดเวลา "เรื่องนี้ก็รู้กันอยู่แค่สองคนไหมล่ะ นายไม่พูด ฉันไม่พูด ใครล่ะจะรู้ ว่านายจะทำหรือไม่ได้ทำอะไรฉัน" คำพูดของเธอ ทำให้ดวงตาคมตวัดมามองยังเธออีกครั้ง เช่นเดียวกับเธอที่ยิ้มหวานกลับไป "การที่คุณกลับมาอยู่เมืองไทยก็ดีเหมือนกัน คุณจะได้ซึมซับในประเพณีไทยบ้าง" ลีลาไม่ได้ชักสีหน้าไม่พอใจให้กับคำพูดนั้น แม้รู้ดีว่าอีกคนจงใจพูดเธอก็ตาม "ไม่น่าเกี่ยวนะ ตอนอยู่อังกฤษ ฉันมีเพื่อนเยอะมาก แต่ฉันไม่เคยไปนอนค้างอ้างแรมที่ไหนกับผู้ชายตามลำพัง นายคือคนแรกนะ คนแรกของอะไรหลายๆอย่าง" บูรพาเมินหน้าออกไปอีกทาง ก่อนที่เขาจะขยับฝีเท้า แล้วเดินผ่านหน้าเธอไปทันที ขาเรียวสวยออกก้าวไปทั่วทุกตารางนิ้วของห้อง คอนโดมิเนียมหรูใจกลางกรุงในระดับที่สูงสุด บ่งบอกชัดเจน ว่าฐานะของบูรพา พัฒนาจากเดิมขึ้นมามากแค่ไหน จริงๆเมื่อก่อนก็ใช่ว่าเขาจะจนหรือต่ำต้อยอะไร แต่ครั้งหนึ่ง สถานะทางบ้านรวมถึงสถานะการงานและการเงินของเขาก็เคยมีปัญหา และเป็นบิดาของเธอที่หยิบยื่นมือเข้ามาช่วย คนอย่างบูรพาทนงตน และมีศักดิ์ศรีเสมอ ครั้งหนึ่ง ที่เขาได้ยินเธอและบิดาคุยกัน เรื่องที่ต้องการช่วยเหลือเขาในปัญหาที่มี ความจริง เธอเพียงแค่ขอร้องให้บิดาทำเต็มที่ แต่เขากลับคิดไปอีกอย่าง คิดว่าเธอขอร้องบิดาให้ช่วยเหลือเขา ทั้งๆที่บางอย่างเขาทำได้เอง จริงๆเธอเพียงแค่หวังดี ทุกสิ่งทุกอย่างจากเธอมันคือความหวังดี แต่พ่อคนที่รักศักดิ์ศรี ก็เลือกที่จะทิ้งเธอ 'ผมว่าระหว่างเรา ควรหยุดแค่นี้ดีกว่า ผมรู้ ว่าผมต้องพึ่งพาบิดาของคุณ ผมมีความจำเป็นต้องพึ่งพาท่าน แต่ผมไม่อยากถูกกล่าวหา ว่าคบลูกสาวท่าน เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์เท่านั้น' 'มันคนละส่วนกัน เราไม่จำเป็นต้องสนด้วยซ้ำ ว่าคนอื่นจะคิดแบบไหน เราเป็นยังไงเรารู้ดีแก่ใจ' 'แต่คุณอยู่สูงเกินไป ผู้ชายทุกคนที่พยายามเข้าหาคุณ เป็นคนที่เหมาะสมกับคุณทั้งนั้น ผมเชื่อว่าคุณจะได้เจอคนที่ดีกว่าผม' ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายขอจบความสัมพันธ์ ทั้งๆที่เธอไม่เคยเปิดโอกาสให้ใครเลยสักครั้ง ก็ไม่มีความจำเป็น ที่จะต้องพยายามยื้ออะไรให้มากความ ในเมื่อตอนนั้นเขามองว่าเธออยู่สูงมาก เธอก็ยินดีอยู่ในที่สูงๆแบบที่เขาต้องการ จนกระทั่งวันหนึ่ง เรามีโอกาสได้กลับมาเจอกัน และมีโอกาสได้อยู่ในสถานะที่คาดไม่ถึงด้วยซ้ำ.. "ฉันยังไม่มีไลน์ของนาย ฉันว่าเราควรแอดไลน์กัน และควรถ่ายรูปคู่ด้วยกันบ้าง คุณแม่ของฉันจะได้ไม่สงสัยเอา" ลีลาเอ่ยออกมา เมื่อเห็นว่าอีกคนออกมาจากห้องน้ำ ร่างสูงโปร่งอยู่ในชุดนอนกางเกงผ้าขายาว โดยที่ส่วนบนเขาไม่สวมใส่อะไรเลย "พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันไหม" ว่าไป พลางไล่สายตาไปตามอกแกร่ง บูรพามีผิวที่ขาวมาก ขาวมากกว่าผู้หญิงบางคนด้วยซ้ำ จริงๆเขาก็ฮอตมาแต่ไหนแต่ไร เพียงแต่เธอก็ไม่เคยเห็นเขามีใครเช่นกัน "ผมมีงานต้องทำ ไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น ถ้าคุณจะถ่ายรูปกับผม ก็ถ่ายเลยตอนนี้ เพราะผมไม่มีเวลาไปเที่ยวกับคุณ" "แต่เราควรมีเวลาไปเที่ยวด้วยกันบ้าง เพื่อที่จะได้ไม่ผิดวิสัยของผัวเมีย วันไหนที่นายว่าง เราค่อยไปก็ได้" "ไว้อยู่กันไป คุณจะเข้าใจ ว่าผมไม่ได้มีเวลาแบบที่คุณคิด ผมยอมจดทะเบียนสมรสกับคุณ เพราะต้องการช่วยเหลือไม่ให้คุณต้องถูกจับแต่งงานก็เท่านั้น คุณมีชีวิตของคุณได้ตามสบาย เพราะผมก็ต้องมีชีวิตของผมเหมือนกัน" เป็นอีกครั้ง ที่เธอได้สบตากับดวงตาคมเฉียบแข็งกร้าวคู่นั้น แต่เชื่อเถอะ ไม่ว่าเขาจะต่อต้าน หรือแข็งกระด้างใส่เธอแค่ไหน เธอก็เชื่อว่า เธอสามารถทำให้เขาใจอ่อนได้ "เตียงนอนในห้องนี้ รับแรงลมจากเครื่องปรับอากาศพอดี ไว้พรุ่งนี้ผมจะสั่งคนมาย้ายเตียงให้ คืนนี้คุณก็ไปสวมใส่ชุดที่มันรัดกุมกว่านี้ก็แล้วกัน" คำพูดนั้น ส่งผลให้หัวใจดวงน้อยกระตุกวาบทันที เขายังจำได้ จำได้ว่าเธอไม่ชอบอากาศที่เย็นจัด อาจจะจำได้ ว่าถ้าเธออยู่ในอากาศเย็นจัดแล้วชอบปวดหัวมาก "นายยังจำได้.." "คุณเลิศย้ำมา!" เขาว่าพร้อมกับเมินหน้าออกไปอีกทาง จากนั้นก็เดินไปคว้ารีโมทเครื่องปรับอากาศ เพื่อปรับอุณหภูมิให้อุ่นขึ้น "ฉันอยู่อังกฤษมาสามปีเต็ม ตอนแรกก็ทนอยู่แบบทรมาน อดทนกับการปวดหัวมากๆ ช่วงแรก มีเพื่อนคอยหาเครื่องดื่มร้อนๆให้ทานบ้าง แต่ช่วงหลัง ฉันก็พยายามที่จะปรับตัวให้ชิน" เขานิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะยอมเอ่ยออกมา "คนเราก็ต้องรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมให้ได้ เพราะไม่มีใครที่จะมาคอยช่วยเหลือเราได้ตลอดไป" "แต่ฉันพึ่งกลับมาอยู่ไทย อากาศร้อนบ้าง หนาวบ้าง ถ้าอาการเดิมของฉันกลับมาอีกครั้ง นายจะช่วยกอดเพิ่มความอบอุ่นให้ฉันเหมือนอย่างตอนนั้นอยู่ไหม.."
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD