หน้าที่เมีย

2223 Words
ลีลามองสบตากับดวงตาคมเฉียบคู่นั้นแบบไม่คิดที่จะหลบสายตา ไม่รู้ว่า สิ่งที่เธอพูดออกไป เขาจะเชื่อหรือไม่ แต่สุดท้าย เขาก็เลือกที่จะหลุดเสียงหัวเราะออกมา "อย่าหลอกตัวเองเลยดีกว่า" "ฉันไม่ได้หลอกตัวเองนะ ที่ผ่านมา ก็มีแต่นายนั่นแหละที่หลอกฉัน" ลีลาเถียงออกไปทันควัน ซึ่งเขาเองก็ชะงักไปเช่นกัน "คู่หมั้นจอมปลอมนั่น ฉันไม่ได้เต็มใจที่จะแต่งงานด้วยอยู่แล้ว ฉันเกลียดการถูกคลุมถุงชน ฉันเกลียดการถูกจับคู่ ชีวิตนี้ฉันไม่มีทางอยู่กับคนที่ฉันไม่ได้รักอยู่แล้ว" "ไม่เกี่ยวกับผม รบกวนเอามือออกด้วยครับ ผมจะปิดประตู" "อ้อ.. หยิ่งว่างั้น เห็นพ่อฉันบอกว่าตอนนี้นายรวยมาก พอรวยขึ้นมา ก็ไม่อยากจะเสวนากับฉันอย่างนั้นสินะ" "แล้วคุณต้องการอะไรไม่ทราบ" บูรพาเอ่ยถามออกมาเหมือนรำคาญ การมาที่นี่ครั้งนี้ เขาไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเจอเธอด้วยซ้ำ แม้จะทราบว่าเธอกลับมาจากอังกฤษแล้ว เขาก็ไม่ได้คิดว่าระหว่างเรา จะต้องได้กลับมาเจอกัน "กลับมาคบกันอีกครั้งได้ไหม ถ้าฉันมีใคร แม่ฉันก็บังคับฉันแต่งงานไม่ได้" "ผมไม่ชอบโกหกใคร ไม่แต่ง คุณก็ควรบอกกับท่านไปตรงๆ" "หึ.. พูดเหมือนไม่รู้จักนิสัยพ่อแม่ฉันเลยนะ เขาจะจับฉันแต่งงานวันนี้พรุ่งนี้อยู่แล้ว" "ก็คุณเองไม่ใช่เหรอครับ ที่เป็นคนบอกว่าจะแต่งงาน หลังจากที่เรียนจบจากอังกฤษ ก็เห็นคุณพูดต่อหน้าทุกคน ซึ่งผมเองก็ได้ยิน" ชายหนุ่มพูดออกมาพร้อมกับจ้องหน้า ลีลาเป็นผู้หญิงที่สวยมาก เธอเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ไม่แปลกหรอก ถ้าฝ่ายนั้นจะเร่งรัด เป็นใครก็ต้องกลัวเธอหลุดมือกันทั้งนั้น "ช่วยฉันหน่อยไม่ได้หรอบูม แค่แกล้งกลับมาคบกันก็ได้ นายไม่เคยเห็นสายตาไอ้หน้าตี๋นั่นเวลาที่มันมองฉันหรอ มันพร้อมจะแหกร่างฉันตลอดเวลาเลยนะ นายจะปล่อยให้ฉันตกเป็นของผู้ชายคนอื่นได้เหรอ" "ไม่ใช่เรื่องของผม อย่าพูดเรื่องเก่าเพราะผมจำไม่ได้ และถ้าคุณจะต้องตกเป็นของใคร นั่นมันก็เรื่องของคุณ" คำพูดที่ไร้เยื้อใยถูกเปล่งออกมา ก่อนที่เธอจะปล่อยมือจากรถหรู เช่นเดียวกับประตูที่ปิดลงเช่นกัน บูรพาแสดงออกชัดเจน ว่าไม่เหลือเยื้อใยอะไรสักอย่าง แม้ตอนนั้นเราจะไม่ได้คบกันจริงจัง แม้ต่างฝ่ายจะเพียงแค่ต่างชอบกันและกันตามประสาวัยรุ่นเท่านั้น แต่การที่เขาปฏิเสธเธออย่างไร้เยื้อใย เธอมองว่า มันมากเกินไป ซึ่งแน่นอน มันทำให้เธอรู้สึกว่า เธอจะเอาผู้ชายคนนี้มาแทนที่คู่หมั้นที่เธอไม่ต้องการนั่นแน่ๆ . . . สามวันต่อมา.. "แต่งงานเหรอครับ" บูรพาทวนคำนั้น ด้วยหัวใจที่สั่นระรัวรุนแรงอยากจะปฏิเสธในทันที ถ้าคนที่กำลังคุยเรื่องนี้อยู่กับเขา ไม่ใช่คนคนเดียวกัน กับผู้ที่มีพระคุณ "จริงๆฉันละอายใจนะ ที่ต้องมาคุยเรื่องนี้กับนาย แต่ลูกสาวฉันต้องการที่พึ่ง ซึ่งฉันมองไม่เห็นใครนอกจะนาย อย่างน้อยๆ นายกับยัยลี ก็เคยเป็นเพื่อนที่รู้สึกดีต่อกัน แล้วอีกอย่าง ฉันก็เห็นว่านายยังไม่มีใคร" "เธอขอให้คุณเลิศมาคุยกับผมงั้นเหรอครับ" "ยัยลีดื้อด้าน ถ้าฉันไม่ช่วยมาพูดกับนาย เธอก็จะจ้างผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้มาทำหน้าที่นั้น จดทะเบียนสมรสกัน มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ยุคสมัยนี้มันไว้ใจใครง่ายๆไม่ได้ ฉันกลัวยัยลีจะโดนหลอก นายก็รู้ ว่ายัยลีเชื่อคนง่ายแค่ไหน" "ขอโทษนะครับคุณเลิศ ในเมื่อคนไม่ได้รัก ทำไมถึงไม่ยกเลิกงานแต่งล่ะครับ" "มันไม่ง่ายอยู่ดี เพราะต่อให้ยัยลีไม่เอาคนนี้ แม่เขาก็ต้องหาคนใหม่ให้อยู่ดี ตราบใดที่ยัยลีไม่ยอมมีใคร นายเข้าใจความรู้สึกของฉันกับภรรยาไหม ฉันกับภรรยามีลูกสาวแค่คนเดียว ยัยลีเป็นทุกอย่าง นับวันฉันกับภรรยาก็ยิ่งแก่ตัวลงทุกวัน มันไม่แปลกใช่ไหม ที่ฉันจะอยากให้ลูกแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเช่นเดียวกัน" บูรพาพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักใจ มันไม่ใช่เรื่องของเขาเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่า มันกลับทำให้เขารู้สึกเครียดตาม "ฉันขอร้องได้ไหมบูรพา แต่งงานกับลูกสาวฉันนะ อย่างน้อยๆนายก็เป็นผู้ชายที่ฉันเชื่อใจ ฉันรักยัยลีมาก สิ่งที่ฉันห่วงที่สุดคือยัยลี ยัยลีแค่คนเดียวเลย ที่ผ่านมาฉันไม่เคยขอร้องนายเลย เห็นแก่ฉันได้ไหม ขอร้องว่าแต่งงานกับลูกสาวของฉันได้ไหม" "คุณเลิศกำลังทำให้ผมลำบากใจ ถ้าเป็นเรื่องอื่น ผมคงสามารถรับปากและตกลงที่จะช่วยเหลือคุณได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ ต่อให้ผมจะเป็นคนดีแค่ไหน แต่ถ้าเราทั้งคู่ไม่ได้รักกัน เราก็ไม่มีทางที่จะไปด้วยกันได้อยู่ดี" "แต่ยัยลีบอกกับฉัน ว่ารักนาย.." บูรพาเงียบไปทันที ความรู้สึกแบบนี้ คำหวานแบบนี้ เขาไม่ได้คิดที่จะรับฟังมานานแล้ว ทุกๆความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลีลา มันจบลงไปตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งมันนานแล้วจริงๆ "แค่จดทะเบียนสมรสได้ไหมครับ ไม่ต้องจัดงานใหญ่โต เพราะมันอาจจะเป็นปัญหา ถ้าอนาคตข้างหน้า คุณลีเจอใครที่เธอรัก เราแค่จดทะเบียนสมรสกัน เพื่อไม่ให้เธอไปแต่งงานกับคนอื่นได้ ถ้าเธอยังเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายของผม" เลิศศักดิ์พยักหน้ารับอย่างพอใจ ท่านไม่เคยคิดหรอก ว่าการที่ท่านเคยช่วยเหลือใครเอาไว้ แล้ววันนึง ท่านจะไปทวงคำว่าบุญคุณกลับคืน แต่ตอนนี้ท่านจำเป็นต้องทำ มันจำเป็นจริงๆ . . . "ว้าวววว.." เสียงอุทานที่ดังอยู่ไม่ไกล ทำให้ดวงตาคมเฉียบ ละออกจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือ เชื่อว่า ตามสัญชาตญาณของคนทั่วไป คงต้องมองหาสิ่งที่ทำให้เกิดเสียงอุทานเหล่านั้นแน่ๆ และแน่นอนว่า เขาเองก็เป็นเพียงผู้ชายธรรมดา ที่อาจจะมีความสนอกสนใจในโลกภายนอกบ้างเช่นกัน และมันก็ไม่ได้ต่างไปจากที่เขาคิดเอาไว้.. บูรพาตวัดสายตามองไปทั่วทั้งร่างสมส่วนดูดี ที่กำลังก้าวขาเข้ามาในร้านอาหาร เรือนร่างขาวออร่า อยู่ในชุดเดรสสั้นสีแดง อวดเรียวขาขาวที่เขาเชื่อว่า จ้างให้ ก็ไม่มีตำหนิอะไรที่จะไปเกิดบนเรือนร่างของเธอได้ เกาะอกสีเดียวกันกับชิ้นล่าง พอดิบพอดีตัวมาก ซึ่งในมุมมองของผู้ชายแบบเขา มองว่ามันเล็กกว่าตัวเธอด้วยซ้ำ เพราะมันรัดอกอวบที่โผล่พ้นเป็นเนินนมสวยงาม ที่สามารถเรียกสายตาจากใครต่อใครให้หันมองได้อย่างแน่นอน ครู่หนึ่ง ที่เขาเผลอพิจารณาสัดส่วนของเธอ ก่อนจะวกสายตากลับไปมองที่ใบหน้าของเธออย่างเดิม ดวงตากลมโต สวยสะดุดตา สามารถทำให้ใครต่อใครหวั่นไหวเอาได้ง่ายๆ ริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบลิปกลอสที่ผู้หญิงหลายๆคนอาจจะมีรูปร่างคล้ายริมฝีปากของเธอ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือแม้กระทั่งผ่านมือหมอมา แต่ทว่า เขากลับไม่เคยเห็นมีใคร เทียบเท่ากับความเซ็กซี่ของริมฝีปากเธอได้ ยิ่งยามที่เธอเผยอปาก กิริยาอย่างนั้น เขามองว่าเป็นการยั่วยวน แม้ว่าเธอจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ทุกอย่างบนใบหน้าของเธอลงตัวมากๆ แม้กระทั่งปลายจมูกโด่งเชิดรั้น ที่ครั้งหนึ่ง เขาเคยชอบ ในการใช้ปลายนิ้วมือ สัมผัส หยอกเย้ามันเบาๆ "ถ้านายไม่ใส่แว่นตาสีนี้ บางทีฉันอาจจะจับโป๊ะนายได้" ประโยคทักทายทำให้บูรพานิ่งไป แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่คิดที่จะถอดแว่นที่สวมใส่ออกอยู่ดี "จับโป๊ะอะไร?" เสียงห้วนถามไถ่ สายตาของคนถาม ทิ้งอยู่ในระดับใบหน้างามพอดิบพอดี "จับโป๊ะนาย ที่นายแอบมองฉันไง" ลีลาพูดออกมาตรงๆ เธอวางกระเป๋าลงบนโต๊ะกระจกตรงกลาง ก่อนจะหย่อนสะโพกลงนั่ง โดยการใช้ขาไขว้กัน กิริยาการนั่งแบบนั้น มันยิ่งทำให้กระโปรงที่สั้นอยู่แล้ว เลิกร่นขึ้นสูง เผยให้เห็นต้นขาขาวที่โผล่พ้นออกมาชัดเจน เธอยั่วกันชัดๆ เขาดูออก "ก็คงต้องมองกันบ้าง ก็ผมต้องรับคุณมาเป็นภรรยา ตามที่พ่อคุณมาขอร้องนี่นา" บูรพาถอดแว่นออกจากใบหน้า และมองสบตากับเธอตรงๆ ยิ่งมองใกล้ๆก็ยิ่งชัดเจน ลีลาสวยกว่าเดิมมากสวยกว่าเดิมแบบเห็นๆ แน่นอนว่า เธอเป็นสาวเต็มตัว ไปใช้ชีวิตที่เมืองนอกมาหลายปี ซึ่งบางที เธออาจจะผ่านอะไรต่อมิอะไรมาแล้วด้วยเช่นกัน แม้ลึกๆจะมองว่า ท่านเลิศศักดิ์ห่วงบุตรสาวมากเกินไป บางทีหญิงสาววัยยี่สิบหกปี ก็เพียงพอที่จะดูแลตัวเองได้ แต่เขาก็เตือนกับตัวเองแล้วเช่นกัน ว่าจะยอมรับ ในส่วนเหตุผลของท่าน เพราะสิ่งที่เขาทำเพื่อท่าน มันก็เป็นเพียงเพราะคำว่าบุญคุณเช่นกัน "ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร จะมองตรงไหน อยากดูตรงไหน ก็ตามสบาย เพราะสุดท้าย เราก็จะต้องเป็นคนคนเดียวกัน" เจ้าของใบหน้างดงามฉีกยิ้มกว้าง ลีลาเอียงหน้า พร้อมกับมองสบตากับเขา เชื่อเถอะ ไอ้กิริยายั่วยวนแบบนี้ ใครต่อใครอาจจะชื่นชอบ หรือแม้กระทั่งหลงใหล แต่ใครคนนั้นไม่ใช่เขาแน่นอน "มันคงไม่มีวันนั้น เพราะผมจะรับคุณเป็นภรรยา เพื่อเป็นไม้กันหมา ให้คุณไม่ต้องแต่งงานแค่เท่านั้น" "นายก็อายุเยอะกว่าฉัน และน่าจะฉลาดกว่าฉัน ทำไมคิดไม่ออกล่ะ ว่าถ้าเพียงแค่จดทะเบียนสมรสกัน แม่ของฉันไม่มีทางเชื่ออยู่แล้ว เพราะฉะนั้น นอกจากฉันจะจดทะเบียนสมรสกับนาย ฉันเองก็ต้องย้ายไปอยู่กับนายเช่นกัน" "คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น ไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่มันเป็นการเปลืองตัวขนาดนั้น ผมไม่เห็นความจำเป็น ที่เราจะต้องไปใช้ชีวิตร่วมกัน!" "หึ.. ว่าล่ะ จริงๆฉันก็ไม่ได้อยากได้นายเป็นสามีนะ จริงๆมีคนอยากได้ตำแหน่งนั้นจากฉันเยอะมาก ฉันจะใช้ใครก็ได้ แต่พ่อฉันก็ดันไปขอร้องคนอย่างนาย หลังจากที่เราไปจดทะเบียนสมรสกันวันนี้ ฉันจะย้ายไปอยู่ที่บ้านของนายทันที หรือถ้ามันกระทันหันหรือเร็วเกินไป ก็ไปอยู่ด้วยกันที่คอนโดของฉัน เพื่อให้ทุกอย่างมันแนบเนียนมากๆ อย่าลืมสิ ว่าข้อตกลงนี้ มีเราแค่สามคนเท่านั้นที่รู้ดี พ่อของนายก็ไม่ควรรู้เรื่องนี้ ทุกคนควรรู้แค่ว่า เรารักกัน แต่ถ้านายไม่โอเคกับสิ่งที่ฉันพึ่งว่าออกไป นายก็ไปบอกพ่อฉันเอาเอง" ลีลายกยิ้มอย่างเหนือกว่า เชื่อว่า บูรพาไม่มีทางไปยกเลิกทุกอย่างกับพ่อของเธอแน่นอน เธอรู้ดี ว่าผู้ชายแบบบูรพา พูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น และเชื่อว่า เธอจะต้องได้ ในทุกสิ่งที่เธอต้องการ . . . ลีลามองทะเบียนสมรสที่เธอต้องการ ก่อนจะปรายตาไปมองชายหนุ่มที่ยืนเคียงข้าง "ตกลงเราจะอยู่แบบสามีภรรยากันที่ไหน บ้านของนาย หรือว่าคอนโดของฉัน" คำถามของลีลา ทำให้บูรพาตวัดสายตามาหาเธออีกครั้ง "ไปอยู่ที่คอนโดของผมก็แล้วกัน" ดูออก ว่าน้ำเสียงในประโยคนั้น ไม่ได้ดังออกมาด้วยความเต็มใจสักเท่าไหร่ แต่ลีลาก็ไม่ได้เก็บเอาเรื่องนั้นมาใส่ใจ เพราะมีเรื่องที่เธอควรให้ความสนใจมากกว่า "นายซื้อคอนโดตั้งแต่เมื่อไหร่?" บูรพาเบือนหน้าหนี ไม่ได้คิดที่จะตอบสิ่งใด "ฉันรู้ ว่าฐานะนายในตอนนี้ นายสามารถซื้อได้ทุกอย่างที่นายต้องการ แต่นายมีบ้าน ฉันมองว่าคอนโดมันไม่ใช่เรื่องจำเป็น.." "...นอกซะจากนายซื้อไว้เก็บใคร" "กำลังทำหน้าที่เมียที่คอยจับผิดผัวอยู่รึไง" บูรพาร้องถามน้ำเสียงประชดประชัน "ก็ในเมื่อฉันเป็นเมียนาย แปลกตรงไหน ถ้าฉันจะอยากรู้เรื่องของผัวตัวเอง"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD