ณัชรินทร์กลับเข้าห้องมาอีกครา เธอเปลื้องผ้าเพื่อลงแช่กายในอ่างน้ำอุ่นที่สาวใช้เตรียมไว้ให้ อยู่ที่นี่เธอเหมือนเจ้าหญิง ช่างแตกต่างจากเมืองไทย เธอไม่ชินกับมันหรอก แต่ในเวลาที่นอกหน้าต่างหิมะกำลังโปรยปราย การแช่ในอ่างน้ำอุ่นก็ช่วยทำให้ผ่อนคลายไม่น้อย สาวใช้สามนางยังวนเวียนอยู่ในห้องของเธอ ช่วยจัดเตียงที่ยับเพียงเล็กน้อยให้กลับมาเรียบตึงดังเดิม และพอแสงสว่างนอกหน้าต่างเลือนหาย เธอก็สำนึกได้ว่าเตียงในห้องหับของนางวาเลนติน่า ไม่ใช่เตียงอย่างที่เธอโปรดปราน มันน่ากลัวพอๆ กับเตียงสี่เสาของเลฟเลย
“ขอผ้าคลุมเตียงอีกสองผืนได้ไหมจ๊ะ” เธอพยายามสื่อสารกับสาวใช้เป็นภาษาอังกฤษ และโชคดีที่หนึ่งในสองของสาวใช้สามนาง พอจะรับรู้ได้ เธอช่วยพวกหล่อนคลุมผ้าสองผืนบนเตียงนุ่ม กระทั่งผ้าคลุมทั้งสองคลุมเตียงจนชายของมันระพื้น และแน่นอนว่ามองไม่เห็น ‘ช่องว่าง’ ใต้เตียง
เธอคงนอนไม่หลับตราบใดที่ได้นอนอยู่บนเตียงแบบนั้น เธอไม่ได้กลัวว่าผีจะโผล่มา เพราะสิ่งที่เธอกลัว มันน่ากลัวยิ่งกว่าผีเสียอีก น่ากลัว...เหลือเกิน
ในยามราตรีที่เสียงมัจจุราชร้ายยังดังกระหน่ำ แสงที่ออกมาจากปลายกระบอกปืนยังส่องวูบวาบให้เห็น เด็กน้อยวัยห้าขวบนั่งตัวสั่นอยู่ใต้โต๊ะตัวสูง โลหิตสีสดไหลรินจากท่อนขาเล็กๆ ของเด็กน้อย
ปัง! ปัง!
เสียงปืนยังดังอยู่ และดังอยู่อย่างนั้นอีกหลายสิบนัด เด็กน้อยหมอบลงจนแก้มข้างหนึ่งแนบพื้น มองลอดชายผ้าคลุมโต๊ะออกไปยังได้เห็นร่างของมารดา อีกฝ่ายนอนจมกองเลือดอยู่ตรงนั้น ห่างออกไปเพียงสองช่วงตัว
ดวงตาของคนเป็นมารดาเปิดอ้าไม่เต็มที่ แต่ยังจ้องมาที่คนเป็นลูก
“มะ...แม่...แม่คะ”
“ชู่ว์...” คนที่ใกล้สิ้นสติ พานิ้วชี้อันสั่นระริกมาจรดที่ริมฝีปาก ก่อนจะส่งรอยยิ้มให้ลูกสาว ปลอบประโลมหัวใจอันปวดร้าวให้มีแรงสู้ต่อ
เด็กน้อยน้ำตาไหลพราก อยากเอื้อมมือไปหามารดา อยากโผเข้าหาอ้อมอกที่เต็มไปด้วยหยาดโลหิต แต่สิ่งที่ทำได้คือปิดปากให้แน่นเข้าไว้ อย่าให้ ‘พวกมัน’ ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจ!
ตึก...ตึก...ตึก..
ไม่ใช่เสียงเต้นของหัวใจแม่หนูน้อย แต่ยังเป็นเสียงก้าวเดินหนักๆ ของบุรุษที่สวมรองเท้าหนังมันปลาบ ไม่มีเสียงเจรจาให้ได้ยิน มีเพียงกลิ่นบุหรี่ฉุนจมูกโชยมาให้เด็กน้อยสูดดม มันชัดเจนพอๆ กับกลิ่นเลือดที่คละคลุ้งอยู่ในตอนนี้ แล้วความเงียบงันก็บังเกิดอยู่หลายนาที ก่อนที่เด็กน้อยผู้โชคร้าย จะได้รู้จักคำว่าโชคร้าย...อย่างแท้จริง
ปัง! ปัง!
ร่างของคนเป็นแม่สะเทือนแรงเมื่อถูกกระแทกด้วยคมกระสุน เด็กน้อยตาเบิกโตอย่างตื่นตกใจ แต่สองมือยังปิดปากให้แน่นเข้าไว้ ปลดปล่อยออกมาเพียงหยดน้ำตาที่พรั่งพรู
ณัชรินทร์สะดุ้งเฮือก! ลนลานลุกมานั่ง เหงื่อกาฬแตกพลั่กแม้ว่าอากาศภายในจะอุ่นสบาย มือของเธอยังสั่น ยังได้เอื้อมมาปิดริมฝีปากของตัวเอง ภาพของมารดายังติดตาจนวันนี้ ภาพหยาดโลหิต เสียงปืนและกลิ่นบุหรี่ฉุนๆ ยังผุดพรายในความรู้สึกราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เธอได้แต่หายใจลึกๆ สูบลมหายใจเข้าปอดให้มากที่สุด ปลอบหัวใจในอกที่กำลังตื่นกลัวว่ามันผ่านไปแล้ว เหลือทิ้งไว้ก็เพียงความเจ็บปวดในหัวใจ และรอยแผลเป็นจางๆ ที่ท่อนขาด้านซ้ายเท่านั้น
“แค่ฝันน่า...เธอแค่ฝัน” ปลอบตัวเองแล้วดึงท่อนขาออกจากผ้านวม รอยแผลเป็นที่น่องเรียวไม่ได้นุ่มเนียนมือเสียทีเดียว เพราะหากลูบแตะอย่างพิจารณา ก็ยังรู้สึกได้ถึงความนูนของรอยแผล
“เธอฝันร้าย”
ณัชรินทร์ได้สะดุ้งอีกครา โคมไฟข้างเตียงสว่างวาบขึ้นมาด้วยมือของเธอ จิตใจที่เพิ่งสงบลงกลับมากระหน่ำเต้นอีกคราหนึ่ง เธอแทบจะกรีดร้องยามเห็นร่างของเลฟบนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่มุมห้อง เขาเข้ามาได้อย่างไร เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ และนั่งอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนแล้ว
“ต้องการอะไร” นั่นคือสิ่งแรกที่เอ่ยถาม ผ้านวมที่เลิกออกจากท่อนขา รีบดึงมันกลับมาห่มร่างอีกครั้ง
“มาดูหน้า คนที่ทำให้ฉันเจ็บ”
เขาแตะยังแขนที่ถูกยิง ราวกับมาทวงหาความยุติธรรม
“ก็คุณทำฉันก่อน”
ชายหนุ่มยักไหล่เมื่อณัชรินทร์ยอกย้อน มีรอยยิ้มระบายที่มุมปาก เขาเดินเข้าไปใกล้หล่อน ยืนมองคนที่เอาแต่ซ่อนกายอยู่ใต้ผ้านวม
“คิดว่าหนีมานี่จะหนีพ้นเหรอ อเล็กเซย์ดูถูกฉันเกินไปนะ”
“เขาพยายามอย่างที่สุดแล้วต่างหาก”
ความไม่พอใจฉายชัดในดวงตาของเลฟยามได้ยินณัชรินทร์แก้ต่างแทนอเล็กเซย์
“เลิกพูดเรื่องเขา ไม่อยากได้ยิน”
“งั้นก็ออกไปสิ ฉันจะนอน”
“ไม่ เหมือนว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันยาว” เขาเอ่ยอย่างนั้นแล้วโยนโทรศัพท์มือถือลงบนตักของหล่อน มีรูปใครบางคนโชว์อยู่ที่หน้าจอ
หญิงสาวมุ่นคิ้วรุนแรงเมื่อจำได้ว่ารูปที่เห็นอยู่ คือรูปของใคร
“หมายความว่าไง?”
“รู้จักใช่ไหม”
“แฟนของน้องสาวฉันเอง”
“อือ...” เขาส่งเสียง
“อะไร? อือ...ที่ว่านี่คืออะไร”
“เขา...ตายแล้ว”
“อะไรนะ!?” ณัชรินทร์ชาไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เมื่อครู่นี้หูเธอไม่ได้ฝาดใช่ไหม!
“เขาตกบันไดตายที่โรงแรมเล็กๆ ไกลจากที่นี่พอสมควร”
“ตกบันไดเนี่ยนะ!? เชื่อก็โง่ละ แล้วพาขวัญล่ะ น้องสาวฉันล่ะ!”
เลฟยักไหล่แล้วนั่งลงตรงหน้าณัชรินทร์ มองความงามแบบที่ไม่คุ้นตาแล้วรู้สึกดีอย่างประหลาด
“นั่นคือสิ่งที่เธอควรคิดให้ออก น้องเธอไม่ได้อยู่ที่โรงแรมกับผู้ชายคนนี้ และบางทีเธออาจจะชิ่งหนีไปพร้อมกับเพชรมูลค่าสามสิบล้านดอลล่าห์”
“บ้าบอที่สุด!”