ร้านเบเกอรี่ของเอวาตั้งอยู่ในย่านใจกลางกรุงเทพฯ เป็นร้านเล็ก ๆ ที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ร้านตกแต่งด้วยสไตล์วินเทจที่ผสมผสานความคลาสสิคและความอ่อนหวาน ผนังทาสีขาวครีม ตกแต่งด้วยรูปภาพสีน้ำของขนมหวานและดอกไม้ ผ้าม่านสีอ่อนพลิ้วไหวเมื่อมีลมพัดผ่านเข้ามาจากหน้าต่างที่เปิดออก โต๊ะและเก้าอี้ไม้เล็ก ๆ หลายตัวถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ทุกมุมของร้านถูกออกแบบอย่างใส่ใจเพื่อให้ความรู้สึกผ่อนคลายและเป็นกันเอง กลิ่นหอมหวานของขนมอบสดใหม่ที่ฟุ้งกระจายทั่วทั้งร้าน ช่วยเติมเต็มบรรยากาศ ทำให้ทุกคนที่เข้ามารู้สึกอบอุ่นและสบายใจ
เอวาอยู่ที่เคาน์เตอร์ เธอกำลังจัดเรียงเค้กและขนมปังที่เพิ่งอบเสร็จลงบนชั้นวางด้วยท่าทางที่กระตือรือร้น ใบหน้าของเธอยิ้มแย้มสดใส ดวงตาเป็นประกายด้วยความสุขขณะที่เธอฮัมเพลงเบา ๆ ตามจังหวะที่อยู่ในใจ เธอไม่ทันสังเกตว่าเอริค เวสต์ฟิลด์ได้เดินเข้ามาในร้านแล้ว ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและชีวิตชีวานี้ กลับมีเงาร่างหนึ่งที่แฝงไปด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์
เอริคก้าวเข้ามาในร้านอย่างเงียบ ๆ ชุดสูทสีเข้มที่เขาสวมอยู่ให้ความรู้สึกเคร่งขรึมและทรงพลัง ดวงตาของเขาเยือกเย็นและแฝงไปด้วยความไม่ไว้วางใจที่เก็บซ่อนไว้ วันนี้เขาไม่ได้มาในฐานะพี่ชายที่ใส่ใจ แต่เขามีแผนการบางอย่างในใจ ความคิดที่ซับซ้อนและเจ้าเล่ห์กำลังจะแสดงออกมา
เขาเดินเข้ามาใกล้เคาน์เตอร์ แสร้งทำเป็นมองดูรอบ ๆ ร้านด้วยความสนใจ "ขนมที่นี่หอมจัง เอวา เธอทำเองหมดเลยเหรอ? " เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลผิดปกติ แฝงด้วยความเจ้าเล่ห์ที่ซ่อนอยู่ในท่าทีที่ดูเหมือนเป็นมิตร
เอวาหันมามองด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจ
แต่รอยยิ้มของเธอก็ยังไม่หายไปไหน "ใช่ค่ะพี่เอริค หนูทำเองทุกชิ้นเลยค่ะ พี่เอริคอยากชิมไหมคะ? " เธอพูดด้วยน้ำเสียงใสซื่อ และยิ้มอย่างจริงใจ เธอรู้สึกดีใจที่พี่ชายเข้ามาในร้าน และดูสนใจในสิ่งที่เธอทำ
เอริคยิ้มเล็กน้อย เขาพยายามแสดงท่าทางที่ดูเป็นมิตร แต่ในใจกลับมีความตั้งใจที่แตกต่างออกไป "จริงๆ แล้ว วันนี้ฉันมาที่นี่เพราะมีเรื่องอยากคุยด้วย" เขาแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ฉันอยากชวนเธอไปช่วยงานที่บริษัท ฉันต้องการคนที่พอไว้ใจได้มาช่วยในตำแหน่งเลขา เธอสนใจไหม?”
เอวาดูประหลาดใจและลังเล เธอหยุดมือจากการจัดเค้กและขมวดคิ้วเล็กน้อย ความคิดของเธอสับสนไปหมด "เอ่อ... หนูไม่ค่อยเก่งเรื่องการบริหารงานอะไรพวกนั้นนะคะพี่เอริค หนูถนัดแค่ทำขนมเองค่ะ" เธอพูดด้วยความซื่อตรงในความสามารถของตัวเอง
เอริคพยายามโน้มน้าวต่อ เขายังคงรักษาท่าทีที่ดูเป็นมิตร “ไม่มีใครเก่งตั้งแต่เกิด เอวา เธอเป็นคนในครอบครัวของเรา ตอนนี้พ่อก็ไม่อยู่แล้ว เธอไม่คิดจะช่วยงานที่บริษัทเลยเหรอ?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจริงใจ แต่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ความเจ้าเล่ห์ที่ซ่อนอยู่ในดวงตาของเขาไม่สามารถหลุดรอดจากการจับจ้องของคนที่รู้จักเขาดีได้
คำพูดของเอริคทำให้เอวารู้สึกดีใจและตื่นเต้น "พี่เอริคยอมรับหนูเป็นคนในครอบครัวจริงๆ เหรอคะ? " เธอถามด้วยสายตาเป็นประกาย แค่ได้ยินคำว่า ครอบครัวเธอก็พร้อมที่จะพิสูจนตัวเองทันที “ถ้าเป็นแบบนั้นหนูจะลองดูค่ะ!” เอวาไม่รู้ว่าเจตนาที่แท้จริงของเอริคเป็นอย่างไร เธอแค่รู้สึกดีใจที่ได้รับโอกาส
เอริคแอบยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ในใจ เขารู้สึกพอใจกับการตอบสนองของเธอ ความคิดแผนการของเขากำลังเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง “ดี งั้นพรุ่งนี้เริ่มงานได้เลย ฉันจะจัดการทุกอย่างให้” น้ำเสียงของเขายังคงนุ่มนวล แต่ใจของเขากลับคิดถึงแผนการที่ซ่อนอยู่
เอวายิ้มกว้าง ดวงตาเต็มไปด้วยความหวังและความตื่นเต้น “ขอบคุณค่ะพี่เอริค หนูจะพยายามให้ดีที่สุดค่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงใจและความมุ่งมั่น เธอเชื่อว่าพี่ชายคนนี้เห็นคุณค่าในตัวเธอ และเธอก็พร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่าเธอสามารถทำได้
เอริคพยักหน้าอย่างพอใจ แต่ในใจของเขาเต็มไปด้วยความคิดที่ต่างออกไป “ดีมาก” เขาพูดเบา ๆ “เธอทำได้แน่ ฉันเชื่ออย่างนั้น” แต่ในใจของเขากลับคิดว่า 'อีกไม่นานหรอก เอวา เธอจะต้องเจอกับความลำบากแน่ ๆ' เขารู้สึกมั่นใจในแผนการของเขาที่จะทำให้เอวาทำพลาดและแสดงให้เห็นถึงความไร้ความสามารถของเธอ
เอริคเดินออกจากร้านไปด้วยใบหน้าที่แฝงไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ความคิดของเขาเต็มไปด้วยแผนการที่จะทำให้เอวาทำพลาดในทุกขั้นตอน เขารู้ดีว่าเธอไม่มีประสบการณ์และไม่รู้ว่าต้องเผชิญกับอะไร เขารู้สึกพึงพอใจในความคิดของตัวเองและมั่นใจว่าแผนนี้จะประสบความสำเร็จ
ขณะที่เอริคเดินออกจากร้าน เอวาหันไปมองตามหลังเขาด้วยรอยยิ้มที่สดใสและเต็มไปด้วยความหวัง
"พี่เอริคคงจะเห็นคุณค่าในตัวหนูจริง ๆ" เธอคิดในใจ
"หนูจะพยายามทำให้ดีที่สุด หนูจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง" ความคิดของเธอเต็มไปด้วยความตั้งใจและความหวังว่าเธอจะสามารถพิสูจน์ตัวเองได้ในที่สุด