ซ่งจื่อเหยียนที่นอนกอดบุตรชายอยู่แต่นางยังไม่หลับ อยากรู้จังว่าถ้าไอ้บ้านั่นรู้ว่าหยกหายไปจะทำเช่นไร นางไม่สนใจหรอกหลานชายเปิดบ่อน มีคนเอาหยกของท่านอามาจำนำที่อ เรื่องนี้คงบันเทิง
ซ่งจื่อเหยียนวางแผนจะออกจากเมืองหลวงในอีกไม่กี่เดือน ตอนนี้บุตรชายได้หกเดือนแล้ว อีกสักสองเดือนค่อยหาทางไป
นางเคยแอบไปดูลาดเลาเอาไว้ ตอนที่นางไปที่กรมที่ดินก็ได้ดูแผนที่และแผนผังของเมืองต่างๆ ด้วย เมืองจ้านกั๋วเหมาะที่สุดสำหรังลงหลักปักฐาน อยู่ไกลจากเมืองหลวงหนึ่งพันแปดร้อยลี้ เดินทางด้วยรถม้าไปจนถึงท่าเรือเมืองป๋าย นั่งเรือต่ออีกสิบวันก็ถึง
ที่สำคัญที่ดินยังไม่ค่อยมีคนจับจอง หากบอกว่ากันดารก็อาจจะจริง ไปถึงค่อยวางแผน เงินสองแสนตำลึงน่าจะพอให้ใช้จ่ายจนตาย แต่ว่านางยังอยากมีเงินมากกว่านี้อีก
ซ่งจื่อเหยียนนอนคิดถึงอดีตที่ผ่านมา เธออายุยี่สิบสามก็เข้าฝึกทางการทหาร ได้อยู่หน่อยข่าวกรองห้าปี อยู่น้องชายก้ได้ไปเป็นCEOต้องไปดูแลงานที่ต่างประเทศ หลี่จื่อเหมาไปอยู่อังกฤษกับภรรยา หลานๆ อายุเพิ่งจะสี่ขวบกับห้าขวบ ทำให้เธอต้องลาออกจากหน่วยงานแล้วมาเลี้ยงหลาน
หลี่จื่อเหยียนจึงได้สมัครเป็นครูพละที่โรงเรียนประถมที่หลานๆ เรียนอยู่ เพื่อดูแลพวกเขาใกล้ชิด การทำงานที่หน่วยข่างวกรองบางทีไม่ได้กลับบ้านเป็นเดือนๆ ไม่เหมาะกับการดูแลเด็กเธอจึงต้องลาออก
“เฮ้อ อาเหมามารับหลานๆ ไปเรียนที่อังกฤษ ฉันกำลังว่าจะไปเปิดฟิตเนส และรับเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวสักหน่อย ต้องมาตายเพราะคบบ้าคลุ้มคลั่งนี่นะ เวรกรรมจริงๆ เลย”
ตอนนั้นหลี่จื่อเหยียนที่ไปนั่งกินอาหารอยู่ดีๆ ก็มีเหตุกราดยิงที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ดีที่เป็นวันหยุดจึงไม่มีนักเรียน แต่คนร้ายก็ยังไม่หยุดคลุ้มคลั่ง กลับวิ่งออกมากราดยิงผู้คนที่สัญจร และหนึ่งในนั้นก้คือเธอที่กำลังนั่งกินหม้อไฟอยู่ดีๆ
ตอนนี้เธอคือซ่งจื่อเหยียน หญิงสาวอายุสิบแปดที่คลอดบุตรชายมาหนึ่งคนโดยไร้พ่อของลูก นอนสักตื่นเดี๋ยวค่อยลุกมาทำมื้อเย็น ซ่งจื่อเหยียนนอนกอดบุตรชายหลับไปแล้ว นางไม่รู้เลยว่าตอนนี้มีคนกำลังหาตัวนางอยู่ถึงสองคน
ทางด้านองค์ชายห้าที่วันรุ่งขึ้นต้องไปรับซ่งซยาอวิ๋นมาเป็นชายารอง เพราะนางเป็นบุตรอนุมิใช่บุตรเมียเอกดังนั้นจึงไม่อาจยกย่องได้ เดิมทีเขาต้องการบุตรภรรยาเอกพี่สาวนางซ่งจื่อเหยียน แต่นางกลับตัดสินใจโง่ๆ ปีนเตียงเสด็จอาเสียก่อน นางงามล่มเมืองเชียวล่ะ หากครั้งนั้นเขาไม่ได้ไปตระกูลซ่งด้วยธุระบางอย่าง เขาคงไม่ได้เจอสตรีที่งามที่สุดในแคว้น ซ่งซบาอวิ๋นที่ทุกคนยกย่องยังงามไม่ได้ครึ่งพี่สาวเลย
เว่ยหยางหมิงมาตรวจดูความเรียบร้อยในบ่อนของตน เสด็จพ่อเข้มงวดนักห้ามบรรดาองค์ชายหรือเชื้อพระวงศ์มอมเมาชาวบ้านด้วยอบายมุขต่างๆ แต่เงินมันหอมหวานใครกันไม่เอา เสด็จอาเป็นผู้ตรวจการจะรู้หรือไม่ หากเขารู้คงไม่อยู่เฉยหรอก เพราะเขาเปิดบ่อนใต้จมูกเสด็จอาเลยนะ
ขณะกำลังจะไปถึงบ่อนของตนก็เจอกับคนของเขามาดักรอ เกาเหว่ยดีใจที่ได้หยกเนื้อดีมาหนึ่งชิ้น เขารีบมารอเจ้านายทันที เว่ยหยางหมิงเห็นเขาทำสีหน้าดีใจขนาดนั้นก็แปลว่าทางบ่อนวันนี้คงได้กำไรมากมาย
“องค์ชายๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“มีเรื่องดีๆ หรือเกาเหว่ย”
“กระหม่อมได้ของดีมาพ่ะย่ะค่ะ”
“ของดีอันใดของเจ้ากัน”
“นี่พ่ะย่ะค่ะ เป็นหยกจักพรรดิ เนื้อนับว่าดีนัก แกะสลักลวดลายกิเลนไฟ ของหายากเลยพ่ะย่ะค่ะ เวลาร้อนพกไว้ร่างกายจะเย็น เวลาหนาวพกไว้ร่างกายจะอุ่น คนที่นำมาจำนำบอกว่าวันพรุ่งจะมาไถ่คืน หยกนี้กระหม่อมเอาไปตีราคาที่โรงประมูลท่านอ๋องมาราคาสูงถึงห้าแสนตำลึงนะพ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยหยางหมิงที่รับเอาหยกชิ้นนั้นมาดูก็เหงื่อแตกพลั่กทันที นี่มันหยกที่เสด็จปูพระราชทานให้เสด็จพ่อและเสด็จอาคนละชิ้นเท่านั้น เกาเหว่ยไปเอามาจากไหนกัน หยกนี่พกติดเอวเสด็จอาตลอดเวลาเลยนะ
“เจ้าไปได้มาจากไหนกันเกาเหว่ย”
“กระหม่อมได้มาจากคุณชายซ่ง น้องชายชายารองของพระองค์ที่จะแต่งงานพรุ่งนี้ไงพ่ะย่ะค่ะ”
“น้องชายชายารองของข้า คุณชายซ่งน่ะหรือ เขามาที่บ่อนหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ คือว่าเขา อุ๊บ โอ๊ะ โอ๊ย”
เกาเหว่ยถูกลมหนึ่งสายพัดเอาร่างเขาไปกระแทกกับกำแพงบ้านหลังหนึ่งทันที เว่ยหยางหมิงเห็นหน้าคนลงมือก็ถึงกับกลืนน้ำลาย เขาคือเสด็จอาเซียวหยางชินอ๋องผู้เหี้ยมโหด
กำลังเริ่มเข้าฤดูเหมันต์แล้ว อากาศเริ่มเย็น มีเพียงหยกของเสด็จพ่อที่ปรับสภาพร่างกายตามฤดูกาลได้ เมื่อตอนที่รับรู้ถึงไอเย็นเขาจึงรู้ว่าหยกหายไปแล้ว เพิ่งจะเปลี่ยนพู่ห้อยวันก่อน ไม่ใช่พู่เปื่อยจนขาด แต่มีคนจงใจขโมยมันจากเขา
“เว่ยหยางหมิง สุนัขของเจ้าใจกล้าขึ้นทุกวันเสียเหลือเกินนะ ข้าอุตส่าห์หลับตาปล่อยเจ้าให้เปิดบ่อนพนันจนร่ำรวย กับไม่รู้จักพอ เช่นนั้นวันนี้ก็ปิดบ่อนเถอะ เหวินเปียวไปจัดการ”
เว่ยหยางหมิงหน้าซีดทันที ปิดบ่อนเขาหรือนั่นไม่เท่าไหร่หรอก แต่หากเสด็จพ่อรู้ว่าเขาเปิดบ่อนโดนลงโทษแน่ๆ
“ท่านอ๋อง..กระหม่อมมิได้ขโมยนะพ่ะย่ะค่ะ หยกนี่มีคนเอามาจำนำจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าบอกว่ามีคนเอามาจำนำหรือ ใครกล้าหรือเกาเหว่ย”
“เอ่อ..เป็นคุณชายน้อยเหยียนจื่อพ่ะย่ะค่ะ เขามาเล่นที่บ่อนแล้วเสียไปแปดหมื่นตำลึง เกรงว่าใต้เท้าซ่งจะลงโทษ จึงขอกู้เงินจากบ่อนกลับบ้านไปสองแสน แล้วเอาหยกชิ้นนี้มาวางประกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”
เกาเหว่ยเอ่ยละล่ำละลัก ไอ้เด็กน่าตายคนนั้นอย่าให้เจอนะ น้องเมียองค์ชายนี่ช่างน่านัก เว่ยหยางหมิงถีบเขาซ้ำทันทีก่อนจะชี้นิ้วตวาด
“ไอ้ปัญญาทึบ ซ่งเหยียนจื่อจะมาเข้าบ่อนได้อย่างไรเล่า”
“หา ทะ ทะ ทำไมถึงไม่ได้เล่าพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย”
“เด็กคนนั้นอายุเพียงเจ็ดขวบ จะมาเล่นพนันได้หรืออย่างไร เจ้าบอกว่าคนจำนำชื่อซ่งเหยียนจื่อแล้วส่วนสูง หน้าตาล่ะ”
“เขาสูงไม่มาก รูปงามนัก มีไฝเล็กใต้ตา มุมปากก็มีไฝอีกเม็ดพ่ะย่ะค่ะ แต่งกายคล้ายคุณชายมีอันจะกิน หยกห้อยเอวก็ดูมีราคาเพียงแต่เขาเอาชิ้นนี้มาวางเท่านั้น”
เว่ยเซียวหยางไม่พูดต่อ เขาสั่งปิดบ่อนพนันหลานชายทันที เขาพอจะรู้ตัวคนที่ฉกของเขาไปแล้ว แต่ไอ้หมอนั่นแต่งตัวธรรมดา เหมือนบุตรชาวนานัก ส่วนคนที่เกาเหว่ยพูดลักษณะออกมาอาจเป็นคนที่สมรู้ร่วมคิด ทำงานด้วยกันป้นขบวนการ เพียงแค่เสี่ยวเวลาเดียวที่เขาหันไปรับตั๋วเงินจากเหวินชางส่งให้ไอ้เด้กนั่น หรือไม่เช่นนั้นไอ้ชาวนากับคุณชายหน้าอ่อนอาจจะเป็นคนเดียวกันก็ได้
เว่ยหยางหมิงขาดทุนสองแสนตำลึง มิหนำซ้ำบ่อนพนันของเขายังถูกเสด็จอาสั่งปิดอีก เขาต้องหาให้เจอว่าคนๆ นั้นเป็นใคร แต่ตอนนี้ต้องไปตระกูลซ่งเสียก่อน แอบอ้างใช้ชื่อคนตระกูลซ่งเห็นๆ ว่าบุคคลนี้เป็นศัตรูของตระกูลซ่ง แต่เขาที่มาซวยไปด้วย หึ งานแต่งงานหรือ ไม่มีอีกต่อไปแล้ว เขาต้องการสินสอดคืนด้วย เพราะซ่งเหยียนจื่อทำเขาเสียหายถึงสองแสนตำลึง
ทางด้านสกุลซ่งที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าตนเองกำลังถูกว่าที่บุตรเขยยกเลิกงานแต่ง ผ้าแพรพรรณประดับประดา สินสอดที่อยู่ในเรือนมากกว่าแสนตำลึง สินเดิมของซ่งซยาอวิ๋นมากกว่าแปดหมื่นตำลึง ยังมีโฉนดร้านค้าของมารดานางโง่นั้นอีก รวมมูลค่ากว่าแสนตำลึง ท่านแม่มอบให้นางเพื่อเป็นสินเดิม ร้านค้าในเมืองหลวงอีกสามร้าน