ยานรบระดับ A คลาสปรากฏตัวในเขตอวกาศของดาวอามอส หลังได้รับการตรวจสอบและยืนยันตัวตนจากดาวเทียมเรียบร้อยก็พุ่งผ่านชั้นบรรยากาศสู่พื้นที่ของตระกูลลูเซียร์
“ลูการ์ ถึงแล้ว”
“อืม”
ชายหนุ่มที่กำลังนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้หน้าจอควบคุมลืมตาขึ้น มองจุดกะพริบสีแดงยืนยันถึงที่หมายด้วยสายตาเรียบเฉย ลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมบนไม้แขวนใกล้ๆ มาสวม เดินไปยังใจกลางยาน หันไปพูดกับโจนาส
“ฝากด้วย”
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวจะซ่อมให้ดูเหมือนใหม่เลย” โจนาสทำท่าวันทยหัตถ์พลางยักคิ้วให้ลูการ์อย่างสนิทสนม
ระหว่างเดินทางกลับดาวอามอส ยานของลูการ์ถูกสัตว์อวกาศจู่โจมแค่ปะทะกับสัตว์อวกาศไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่สัตว์อวกาศที่ปะทะด้วยดันปล่อยพิษที่มีฤทธิ์กัดกร่อนยานออกมา ทำให้ยานของลูการ์ได้รับความเสียหายโดยไม่จำเป็น
เมื่อรู้ว่าสู้ไปก็ไร้ประโยชน์พวกเขาก็เร่งขับยานหนีออกมาจากฝูงสัตว์อวกาศ และได้ดึงพลังงานสำรองมาซ่อมแซมยานส่วนที่เสียหายด้วย ถึงระบบขับเคลื่อนจะถูกปกป้องเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แต่สภาพภายนอกก็ยังมีร่องรอยของการถูกกัดกร่อน หลังกลับถึงบ้านแล้วลูการ์จึงฝากให้โจนาสเพื่อนสนิทนำยานไปตรวจเช็กสภาพที่ศูนย์ซ่อมบำรุงของกองทัพอวกาศ
หลังจากฝากฝังโจนาสเสร็จ ลูการ์ก็เตะเท้าเบาๆ ที่พื้นหนึ่งที ประตูยานใต้เท้าเปิดออก ร่างสูงร่อนลงพื้นโดยอาศัยรองเท้าต้านแรงโน้มค่อยๆ ทิ้งตัวลงบนพื้นอย่างปลอดภัย
ยานรบบนหัวทะยานขึ้นสู่ผืนฟ้าหายวับไปทางทิศเหนือ เหลือเพียงร่างสูงของลูการ์ยืนนิ่งอยู่หน้าบ้านหลังเล็กภายใต้อาณาเขตตระกูลลูเซียร์
เขาเดินเข้ามาก็เจอพ่อบ้านที่คุ้นเคยยืนรอต้อนรับด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมอยู่หน้าประตูบ้าน
“คุณชาย”
“อืม”
ลูการ์เดินผ่านพ่อบ้านอย่างไม่ใส่ใจ ตรงขึ้นห้องพักทันที
ยังไม่ทันถอดชุดเสร็จเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“มีอะไร”
“นายท่านรออยู่ที่บ้านใหญ่ขอรับ”
“อืม”
“คุณชายเพิ่งกลับมาถึง ถ้าต้องการอะไร บอกกระผมได้เลยนะขอรับ”
“งั้นก็ฝากบอกพ่อเลี้ยงทีว่าให้รอพรุ่งนี้เช้า คืนนี้ขอพักก่อน”
“ขอรับ กระผมจะจัดการให้”
“ขอบใจ” กล่าวจบ ลูการ์ก็เดินตัวเปลือยเข้าห้องอาบน้ำ
“ว่าอะไรนะ!”
พ่อบ้านมาแจ้งคนที่บ้านใหญ่ตามที่ลูการ์บอก ป้ามีอาถึงกับขึ้นเสียง จ้องพ่อบ้านของลูการ์ด้วยแววตาขุ่นเคือง
หล่อนอุตส่าห์มานั่งรอทานอาหารมื้อเย็นเพื่อเป็นการต้อนรับกลับบ้านของลูการ์ แต่เจ้าเด็กนั่นกลับไม่เห็นหัวกันเลย แล้วจะไม่ให้โมโหได้ยังไงล่ะ
“ดูลูกเลี้ยงแกทำสิมาคัส”
“ฮ่าๆ พี่ก็อย่าไปเข้มงวดอะไรนักเลย ลูการ์เพิ่งกลับจากกาแล็กซีฟรอสต์ คงจะเหนื่อยน่ะแหละ เราก็กินกันก่อนเถอะ ไม่ต้องรอ”
“หึ!” มีอาทำเสียงขึ้นจมูก
“อะไรนะ พี่มาถึงแล้วเหรอ” มิคาเอลสายเลือดโดยตรงของมาคัสและเป็นทายาทโดยชอบธรรมของตระกูลลูเซียร์เพิ่งจะมาถึงโต๊ะอาหารที่ตระเตรียมเอาไว้เพื่อต้อนรับลูการ์ ได้ยินที่ป้ากับพ่อคุยกันพอดี โพล่งขึ้นอย่างตื่นเต้น
“มิคาเอล” มีอามองหน้าหลานชายหัวแก้วหัวแหวน ไม่ใคร่ชอบท่าทางติดพี่ชายของมิคาเอลนัก
มิคาเอลไม่ใส่ใจอารมณ์ของป้า หยิบชิ้นเนื้อบนโต๊ะเข้าปาก “อื้ม อันนี้ใช้ได้” ว่าแล้วก็หยิบขึ้นมาทั้งจาน พร้อมกับไวน์ราคาแพงลิ่วอีกหนึ่งขวด
“เดี๋ยวผมเอาไปกินกับพี่นะพ่อ”
มิคาเอลเอ่ยด้วยสีหน้าระรื่นก่อนจะเดินออกจากห้องอาหารไป
“นี่! ดูลูกแกทำสิ” มีอามองตามร่างสูงของหลานชายด้วยสายตาไม่พอใจ ในขณะที่มาคัสเอาแต่หัวเราะเอ็นดูความติดพี่ของลูกชายคนเล็ก
ลูการ์ยังไม่ทันได้ใช้เวลาส่วนตัว ประตูห้องก็เปิดพรวดเข้ามาพร้อมกับร่างของน้องชายต่างพ่อกระโจนเข้ามากอด
“พี่”
“มิค”
ลูการ์ตั้งตัวไม่ทัน แต่ก็ไม่ได้ผลักไสน้องชายออกห่าง เขาถอนหายใจเบาๆ หลังจากตั้งสติได้ ตบไหล่น้องชายสองสามทีทักทายด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“ไม่เจอกันแป๊บเดียว โตขึ้นเยอะเลยหนิ”
“ใจคอพี่จะไม่ให้ผมเติบโตเลยหรือไง”
“ฮ่าๆ แล้วเป็นยังไง ที่กองทัพภาคพื้นมีใครรังแกน้องพี่หรือเปล่า”
“มีสิ ทั้งครูฝึก ทั้งพวกรุ่นพี่ เอาเปรียบผมทั้งนั้น”
เมื่อถูกถามมิคาเอลก็ทำตัวเป็นเด็กขี้ฟ้องขึ้นมาทันที ลูการ์เหล่มองน้องชายก่อนจะต่อยที่สีข้างเข้าให้หนึ่งที
“โอ๊ยพี่” มิคาเอลสะดุ้งตัวเอียงเพราะจั๊กจี้ มองพี่ชายด้วยสายตาประท้วง
“พี่ว่าแกปั้นน้ำเป็นตัวมากกว่า ระดับมิคาเอล ลูเซียร์ใครหน้าไหนจะกล้าเอาเปรียบ”
“ก็พี่ไง”
ลูการ์เหลือกตาใส่น้องชายทันที ทำให้มิคาเอลหัวเราะร่วน ถึงทั้งคู่จะรู้ว่าเป็นแค่การล้อเล่น แต่สถานะระหว่างมิคาเอลกับลูการ์กลับซับซ้อนกว่าที่คิด
ลูการ์เป็นลูกติดแม่ ส่วนมิคาเอลคือลูกที่เกิดกับผู้นำตระกูลลูเซียร์ที่ยิ่งใหญ่ ถึงจะมีแม่คนเดียวกัน แต่ลูการ์ก็ถูกมองเป็นกาฝากและถูกปฏิบัติต่างกัน
มิคาเอลถูกเลี้ยงดูในฐานะทายาทของตระกูลลูเซียร์ ขณะที่ลูการ์ถูกทำเหมือนไม่มีตัวตน แม้ว่ามาคัสจะรักและเอ็นดูลูการ์เหมือนลูกแท้ๆ แต่ก็ไม่อาจบังคับจิตใจของคนในตระกูลได้ทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่นมีอา ซึ่งมีสถานะเป็นป้าของมิคาเอลและลูการ์ ยังมองลูการ์เป็นคนนอกและคอยกีดกันลูการ์ออกจากผลประโยชน์ที่ควรจะเป็นของมิคาเอลทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นลูการ์คงไม่ได้มาอยู่บ้านเล็กหลังสวนตามลำพัง และมีพ่อบ้านคอยรับใช้เพียงแค่หนึ่งคนเท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้นลูการ์ก็ยังเติบโตในทางที่ดี ไม่รู้สึกอิจฉา หรือน้อยเนื้อต่ำใจเลยสักนิดที่น้องชายได้รับแต่สิ่งที่ดีกว่าตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นคำชื่นชมเยินยอจากคนรอบข้าง เสื้อผ้า ของเล่น แม้แต่เรื่องเรียนหรือการฝึกพิเศษน้องชายก็จะได้ครูที่มีความรู้ความสามารถระดับสูงมาสอนให้ แต่ทั้งที่มิคาเอลได้รับการดูแลเอาใจใส่ดีเยี่ยมขนาดนั้นกลับยังสู้ลูการ์ไม่ได้
คำพูดที่มิคาเอลพูดกับลูการ์ก่อนหน้านี้ ความหมายลึกๆ ก็คือลูการ์แข็งแกร่งกว่าถ้าคิดจะเอาเปรียบมิคาเอลจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย
ทว่าในใจของลูการ์ไม่เคยมองมิคาเอลเป็นคนอื่น เขาเห็นมิคาเอลเป็นน้องชาย ผูกพันกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยคิดทำร้ายความรู้สึกของอีกฝ่าย
“ทำไมได้กลิ่นเนื้อ” ลูการ์เลิกสนใจเรื่องล้อเล่นของมิคาเอล ทำจมูกฟุดฟิดดมตามตัวน้องชาย
“ใช่ ผมหยิบมาจากโต๊ะอาหาร เอามากินกับพี่สองคน มีไวน์ด้วย พี่กินอะไรมาหรือยัง”
“เพิ่งใช้แคปซูลสารอาหารไปเมื่อสิบวันก่อน”
“ฮ่าๆ ไปเถอะ ถึงแคปซูลจะทำให้ไม่หิว แต่ยังไงก็สู้อาหารจริงไม่ได้หรอก” มิคาเอลหัวเราะคึกคัก กอดคอพี่ชายออกจากห้องนอน
พ่อบ้านยืนรออยู่หน้าห้องค้อมศีรษะให้ทั้งคู่อย่างสุภาพ ลูการ์ชะงักเล็กน้อย ทำให้มิคาเอลหยุดเท้าตาม
“ที่บ้านมีอาหารไหม” ลูการ์ถามพ่อบ้าน
“มีขอรับ คุณชายอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือขอรับเดี๋ยวกระผมเตรียมให้”
“เฮ้ยไม่ต้อง เดี๋ยวจัดการเอง” มิคาเอลเห็นว่ากว่าพ่อบ้านของลูการ์จะเตรียมอาหารเสร็จคงใช้เวลาพอสมควร เขาขี้เกียจรอจึงเอ่ยขัดก่อนที่พ่อบ้านจะผละไป “เดี๋ยวให้คนที่บ้านใหญ่ยกมา จะได้ไม่เสียเวลา ไปเถอะพี่ ระหว่างรอของกินเราไปจิบไวน์กันดีกว่า เล่าเรื่องที่กาแล็กซีฟรอสต์ให้ผมฟังบ้างสิ เห็นว่าพี่ช่วยพวกคนจากดาวลีลี่ด้วยเหรอ เกิดอะไรขึ้นทำไมพวกนั้นถึงถูกจับเป็นตัวประกัน...”
คำถามมากมายหลุดจากปากมิคาเอล ลูการ์ยิ้มน้อยที่มุมปากให้กับความอยากรู้อยากเห็นของน้องชาย เขาไม่ได้รีบร้อน ระหว่างรออาหารจานหลักมา ก็ค่อยๆ ตอบคำถามของมิคาเอลทีละประเด็นไปพร้อมกับการจิบไวน์รสเลิศที่น้องชายฉกฉวยมาจากโต๊ะอาหารที่พ่อเลี้ยงของเขาเตรียมเอาไว้ต้อนรับ แต่เขากลับปฏิเสธและมานั่งกินกับน้องชายสองคน
“จริงสิ พี่รู้เรื่องที่ผู้นำตระกูลโฮแกนขอเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงฉลองให้พี่หรือยัง”
หลังจากฟังเรื่องราวน่าตื่นตาตื่นใจของลูการ์ในกาแล็กซีฟรอสต์จนอิ่มแล้ว มิคาเอลที่เพิ่งนึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ก็เอ่ยออกมา
ลูการ์ชะงัก คิ้วเข้มยกขึ้นเล็กน้อย “คุณเดรกน่ะเหรอ”
“ใช่ ต่อไปนี้พี่ต้องเรียกเขาว่าพ่อตาแล้วนะ ฮ่าๆ” มิคาเอลหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
ลูการ์ยังคงสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษกับเรื่องนี้
“พี่ได้รับเมล์จากคุณเดรกเป็นการส่วนตัวแล้วล่ะ” เขาตอบน้องชายเสียงราบเรียบ
“จริงเหรอ!” แต่มิคาเอลกลับตื่นเต้นแทน “ในเมล์เขียนว่าไงบ้าง”
“ขอเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงตามที่แกรู้นั่นล่ะ”
“แล้ว...”
“แล้ว?”
“โธ่ พี่ก็รู้ผมหมายถึงอะไร เรื่องหมั้นหมายน่ะ ผู้นำตระกูลโฮแกนพูดกับพี่หรือเปล่า”
“ไม่ได้พูดเรื่องหมั้นออกมาตรงๆ แต่ก็มีเอ่ยถึงลูกสาวตัวเองบ้าง”
“เหรอ เอ่ยว่าไง”
ลูการ์จ้องน้องชาย รู้สึกไม่แน่ใจว่าควรบอกดีหรือเปล่า เพราะเกรงจะทำให้คนที่ถูกกล่าวถึงเสื่อมเสีย แม้เขาจะไม่มีเจตนาร้ายเลยก็ตาม แต่สุดท้ายก็แพ้สายตาอยากรู้อยากเห็นของน้องชายอยู่ดี
“บอกว่าแอเวียร์... สนใจในตัวพี่น่ะ”
“เทพธิดาแห่งเบลานาร์พูดแบบนั้นจริงเหรอ”
มิคาเอลตาโตเท่าไข่ห่าน แววตาบอกชัดเจนว่าอิจฉาที่พี่ชายของตนได้รับความสนใจจากแอเวียร์
แอเวียร์ โฮแกน นอกจากจะเป็นทายาทของผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งดาวอามอสแล้ว ยังเป็นสาวงามที่เพียบพร้อมไปด้วยความสามารถ กิริยามารยาทอ่อนหวาน เป็นผู้หญิงที่ชายหลายคนใฝ่ฝันจะได้แต่งงานด้วย
“พี่โชคดีจริงๆ ผมชักอิจฉาแล้วสิ”
“ดีขนาดนั้นเลยเหรอ แอเวียร์น่ะ” ลูการ์ผู้ไม่เคยสนใจเรื่องผู้หญิงเอ่ยถาม
“ไม่ใช่แค่ดีขนาดนั้นนะ แต่โคตรจะดีเลยแหละ แล้วพี่ตอบเมล์ผู้นำตระกูลโฮแกนไปว่ายังไง”
“พี่ตอบรับน้ำใจไปตามมารยาท ไม่ได้คิดเรื่องหมั้นหมาย อีกอย่างเนื้อหาในเมล์ก็ไม่มีถ้อยคำที่สื่อถึงการสู่ขอ”
“แต่พี่รู้ใช่ไหมว่า ผู้นำโฮแกนก็เคยจัดงานเลี้ยงฉลองแบบนี้ให้กับลูกเขยคนโต และจากนั้นก็ประกาศการหมั้นหมายกับลูกสาวคนโตในงานเลี้ยงฉลองน่ะ”
“ไม่รู้”
“อ่า... ผมว่าต้องใช่แน่ๆ ผู้นำโฮแกนคิดจะประกาศการหมั้นหมายของพี่กับเทพธิดาของเราในงานเลี้ยง ที่พ่อกับป้ามีอาตั้งโต๊ะรอกินข้าวกับพี่ก็คงคิดจะคุยเรื่องนี้นี่แหละ”
“....”