แก้สถานการณ์

1717 Words
“ฉานเอ๋อ แม่...” ฮูหยินใหญ่ไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้ไม้ฟาดศีรษะบุตรบุญธรรมแต่ทว่าวันนั้นนางโกรธมากจึงพลั้งมือไป นัยน์ตาหงส์ตวัดมองใบหน้าที่มีริ้วรอยแล้วก็หมุนเท้าหันหลังกลับเดินเข้าไปในห้องนอนพร้อมกับอาอิ๋ง ฮูหยินใหญ่ตกตะลึงไม่เคยคิดว่าบุตรีที่หัวอ่อนจะกล้าเมินหน้าหนี บุคลิกที่เปลี่ยนไปของหลิวยุ่นฉานทำให้นางเป็นกังวลใจ หลิวยุ่นฉานยังคงตกใจที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เหมือนนอนหลับแล้วฝันร้ายที่เมื่อตื่นขึ้นมาก็ยังเจอเรื่องเลวร้ายอยู่ อาอิ๋งเห็นคุณหนูไม่ยอมกินอาหารก็เป็นห่วง “คุณหนูกินอะไรสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ” แม้ยาบำรุงร่างกายที่คุณหนูได้ดื่มแทนข้าวในช่วงสามวันนี้นั้นจะมีผลดีมาก ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายแต่ในระยะยาวนั้นไม่แน่ สตรีโฉมสะคราญตื่นจากภวังค์ความคิดทันทีที่ได้ยินเสียงสาวใช้ อาจเป็นเพราะสีหน้าและแววตาซ่งหยวนติดตาเลยทำให้ใจของหลิวยุ่นฉานวางลงได้ยากยิ่งนัก “เจ้าชื่ออะไร” น้ำเสียงที่ฟังดูห่างเหินของหลิวยุ่นฉานทำให้อาอิ๋งรู้สึกไม่ดีเท่าไรนัก “คุณหนูจำอาอิ๋งไม่ได้หรือเจ้าคะ” อาอิ๋งเขยิบตัวเข้าไปใกล้ผู้เป็นเจ้านาย นัยน์ตาที่ใสซื่อนั้นจ้องมองใบหน้างดงามที่ดูซีดเซียวด้วยแววตาเศร้าหมอง หลิวยุ่นฉานได้แต่ส่ายหน้าช้า ๆ ตอนนี้รู้สึกว่าชีวิตกำลังมืดแปดด้าน ได้มาเกิดใหม่ทั้งทีกลับมองหาทางออกไม่เจอ หรือว่าสวรรค์ยังลงโทษคนแบบเธอไม่เพียงพอ ช่างไม่ยุติธรรม อาอิ๋งเห็นคุณหนูมีปฏิกิริยาแบบนั้นก็อดที่จะหลั่งน้ำตาออกมาไม่ได้ “เจ้าอย่าร้องไห้เลย” เพราะรู้สึกจุกเสียดที่ท้อง สิ่งนั้นทำให้หลิวยุ่นฉานต้องดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อ นางไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม คงต้องตั้งสติลืมเลือนเรื่องที่ทุกข์ระทมในโลกเก่าให้ได้เพื่อมีชีวิตใหม่ที่สดใสที่นี่ เพียงมีอาหารสัมผัสที่ลิ้นน้อยความหิวโหยที่ท้องก็ปะทุขึ้นมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหย่อน หลิวยุ่นฉานนั่งกินข้าวอย่างรวดเร็วพริบตาเดียวก็กินทุกอย่างจนเกลี้ยงจาน “อาหารมีเท่านี้หรือ ข้าไม่อิ่ม” อาอิ๋งเช็ดน้ำตาอีกรอบเห็นคนป่วยกินได้ก็ยิ้มกว้าง “คุณหนูถ้าท่านอยากกินอีก ข้าจะแอบเอามาให้อีกเจ้าค่ะ” “แจ้งคนไปเอามาให้ไม่ได้หรือ” หลิวยุ่นฉานทำหน้าไม่เข้าใจ “ฮูหยินใหญ่สั่งให้ห้องครัวเตรียมอาหารให้คุณหนูเท่านี้เจ้าค่ะ ถ้าอยากกินเพิ่ม ข้าจะแบ่งส่วนของตัวเองให้” อาอิ๋งตอบเสียงเบาโดยไม่รู้สึกว่าถูกเบียดเบียนแต่อย่างใด หลิวยุ่นฉานได้ฟังก็รู้สึกสงสารคุณหนูใหญ่ที่มีชีวิตอาภัพ อยากกินอะไรก็ไม่ได้กิน และยิ่งเห็นว่าอาอิ๋งมีน้ำใจจะแบ่งอาหารมาให้ก็ยิ่งไม่อยากเอาเปรียบกัน “ไม่ต้องหรอก มาเปลี่ยนชุดให้ข้าหน่อย” สตรีโฉมสะคราญนั่งลงตรงหน้าคันฉ่องค่อย ๆ แกะผ้าพันศีรษะออกก็มองเห็นแผลตกสะเก็ดที่อยู่ใกล้กับไรผม โชคดีที่เป็นแผลขนาดเล็กมากหากไม่สังเกตก็จะมองเห็นไม่ชัด “คุณหนูยังเจ็บแผลหรือไม่เจ้าคะ” อาอิ๋งมองด้วยสายตาเป็นห่วง โชคดีที่แผลนี้ถูกรักษาทันที ฮูหยินใหญ่ร้องไห้หลายวันที่พลั้งมือทำร้ายคุณหนูใหญ่จึงทุ่มไม่อั้นกับค่ายาเพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดรอยแผลเป็น “ไม่เจ็บมากแล้ว” อาอิ๋งเห็นคุณหนูยังดูเศร้าหมองจึงพยายามยิ้มสดใสและเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นว่า “วันนี้คุณชายใหญ่จะกลับมา คุณหนูจะต้องได้ของฝากเป็นพวกขนมหวานจากต่างเมืองแน่นอนเจ้าค่ะ” “คุณชายใหญ่?” หลิวยุ่นฉานทำหน้างุนงง “คุณหนูลืมพี่ชายได้ยังไงกันเจ้าคะ” พออาอิ๋งพูดคำนี้ ในหัวของโฉมงามก็ปรากฏหน้าบุรุษคนหนึ่งที่มีหน้าตาดีดูใจดี คนผู้นี้ถ้าจำไม่ผิดน่าจะมีชื่อว่าหลิวฝานเป็นบุตรชายแท้ ๆ ของเสนาบดีฝ่ายขวากับอดีตฮูหยิน “หลิวฝาน เอ่อ...พี่ใหญ่จะกลับมาวันนี้หรือ” หลิวยุ่นฉานไม่ได้มีท่าทางดีใจนัก คำพูดคำจาล้วนดูแปลกไปแต่อาอิ๋งนั้นไม่ได้สนใจเพราะคิดว่าศีรษะคุณหนูได้รับการกระทบกระเทือนอาจทำให้ไม่ปกติไปบ้าง “เจ้าค่ะ ข้าได้ยินข่าวว่าคุณชายจะกลับจากสถานศึกษาวันนี้” สีหน้าของอาอิ๋งดูดีใจชอบกล ดูท่าสาวใช้คนนี้คงแอบชอบคุณชายใหญ่ “เช่นนั้นก็รีบแต่งตัวให้ข้า พวกเราจะไปรอรับพี่ใหญ่กัน” หลิวยุ่นฉานสั่ง พวกนางใช้เวลาแต่งตัวอยู่สักพักก็เดินออกมาจากเรือน หลิวยุ่นฉานในชุดซับในสีแดงเข้มสวมทับด้วยชุดคลุมสีขาวโปร่งบางที่ชายกระโปรงนั้นประดับด้วยลวดลายดอกเหมยกำลังเดินไปตามทางเดินส่วนนอก โดยมีสาวใช้คอยเดินตามอยู่ด้านหลัง หลิวยุ่นฉานจำได้บางส่วนโดยไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวนานราวกับว่าเคยอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อนอย่างไรอย่างนั้น บริเวณในจวนเสนาบดีฝ่ายขวานั้นกว้างขวางมาก ลักษณะของเรือนในแต่ละหลังนั้นเชื่อมต่อกันเสมือนเขาวงกต ทว่านางกลับใช้ทางเลี่ยงเพราะไม่อยากเดินผ่านเรือนของฮูหยินใหญ่ที่คั่นอยู่ตรงกลางระหว่างเรือนลี่หมิงและเรือนหลัก แต่หลบมาใช้ทางลัดที่ค้นพบเมื่อหลายปีก่อน สิ่งนี้อยู่ในความทรงจำเจ้าของร่างเดิม สตรีสองคนใช้เส้นทางลับที่หล่นระยะทางจากเรือนลี่หมิงมายังเรือนหลักได้ในเวลาครึ่งจิบชา เส้นทางนี้ถูกซ่อนไว้ด้านหลังภูเขาจำลองซึ่งตั้งอยู่ในสวนดอกไม้ของจวนเสนาบดี เมื่อเดินออกมาโดยไม่ให้ใครเห็นร่างบางก็เลี้ยวเข้าไปในเรือนคุณธรรม ซึ่งเป็นที่อยู่ของเสนาบดีฝ่ายขวาที่มักอาศัยอยู่เป็นประจำด้วยท่าทางมั่นใจ กระทั่งหยุดที่หลังเสาเรือนเพราะเห็นว่ามีคนแปลกหน้าเดินออกมาจากเรือน “คุณหนูอย่าแอบเข้าไปในนั้นเลยนะเจ้าคะ” อาอิ๋งพยายามห้ามไม่ให้คุณหนูใหญ่เดินเข้าไปในเขตเรือนของนายท่านที่สร้างไว้ข้างกันกับเรือนหลักแต่ก็ห้ามปรามไม่ทัน พวกนางมาถึงหน้าเรือนคุณธรรมแล้ว โฉมสะคราญแอบยืนมองบุรุษที่หลังเสา แม้นางจะมองเห็นเพียงแผ่นหลังสง่างามกับเสี้ยวหน้าที่ดูคุ้นเคยก็รับรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าห้ามปรากฏตัวออกไปโดยเด็ดขาด เพราะว่าบิดาบุญธรรมนั้นเป็นคนเข้มงวดอาจสั่งลงโทษกักบริเวณได้ และคนผู้นั้นก็ต้องเป็นคนใหญ่คนโตแน่นอน เพราะถัดออกไปอีกสามเมตรมีคนติดตามมาด้วยหลายคน ที่หลิวยุ่นฉานเข้ามาที่เรือนคุณธรรมก็เพื่อต้องการของบางอย่างที่เจ้าของร่างเดิมต้องการมาเนิ่นนาน และเมื่อทบทวนดูแล้วควรชิงสิ่งนั้นกลับคืนมา อาอิ๋งยืนตัวลีบอยู่ด้านหลังคุณหนูไม่กล้าส่งเสียงออกมา กระทั่งนายท่านพาคนผู้นั้นเดินพ้นเขตเรือนไปแล้วถึงได้พูดขึ้นมาว่า “คุณหนูพวกเราอย่าอยู่ในนี้นานเลย หากถูกจับได้ขึ้นมา...” สาวใช้เอ่ยยังไม่ทันจบ หลิวยุ่นฉานก็หันมาปิดปากพร้อมทั้งส่ายหน้า เพราะสัมผัสได้ว่ามีคนปรายตามองมา แต่ก่อนที่จะหันหน้ากลับไปฝ่ามือหนากลับแตะที่บ่าเล็กของสตรี หลิวยุ่นฉานตัวแข็งค้างไปจึงแกล้งเป็นลมหมดสติเพราะคิดว่าถูกบิดาจับได้ อาอิ๋งเห็นแบบนั้นก็รีบเข้ามาพยุงคุณหนูใหญ่ทันที “คุณชายใหญ่ทำยังไงดีเจ้าคะ คุณหนูเพิ่งหายป่วย” อาอิ๋งไม่รู้ว่าคุณหนูแกล้งทำจึงร้อนใจ แน่นอนว่าคนที่เดินเข้ามาจับบ่าหลิวยุ่นฉานเป็นพี่ชายต่างสายเลือด เมื่อครู่ตอนส่งรัชทายาทออกจากเรือนคุณธรรมก็รีบปลีกตัวมาหาน้องสาวที่แอบเข้ามาสถานที่แห่งนี้ เพราะแอบมองเห็นชายกระโปรงตัวโปรดของนาง “ฉานเอ๋อไม่สบายหรอกหรือ เหตุใดเจ้าถึงให้นางออกมาตากลมเช่นนี้” หลิวฝานสีหน้าเป็นกังวลจึงอุ้มหลิวยุ่นฉานขึ้นมา แต่อาอิ๋งยังไม่ทันตอบคำถามอะไร เสียงทุ้มของใครบางคนก็ดังขึ้นด้านหลัง “มีอะไรหรือหลิวฝาน” เสียงนั้นทำให้หลิวยุ่นฉานต้องหรี่ตาแอบดู นางไม่น่าแกล้งเป็นลมเลยเพราะตอนนี้กลับทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว “องค์ชายยังไม่เสด็จกลับอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ” หลิวฝานรีบหันไปสอบถาม หลิวยุ่นฉานได้ยินแบบนั้นก็มุ่นคิ้วขึ้นมาไม่รู้ตัว “ข้าเปลี่ยนใจอยากอยู่เดินหมากกับเจ้าที่นี่ก่อน” องค์รัชทายาทเอ่ยยิ้ม ๆ เมื่อครู่เขาจึงส่งเสนาบดีฝ่ายขวาเข้าวังหลวงไปแทนที่จะเป็นตนเองเสด็จกลับไป “มันจะดีหรือพ่ะย่ะค่ะ” หลิวฝานรู้ว่าจักรพรรดิทรงพระราชทานงานอภิเษกสมรสระหว่างรัชทายาทและน้องสาวของเขา “ทำไมถึงไม่ดี ข้ามาขัดจังหวะพวกเจ้าหรือ” สายตาคมเข้มคู่นั้นเลื่อนมามองที่ใบหน้าจิ้มลิ้มของโฉมสะคราญที่อยู่ในอ้อมแขนของสหายร่วมเรียน สตรีที่จะได้อภิเษกสมรสกับเขา แน่นอนว่าหลี่ซู่เฟิงไม่เคยสนใจคุณหนูใหญ่เลยสักนิด ถ้าหากว่าองค์หญิงสิบแคว้นหนานไม่สิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่ห้าปีก่อน ตำแหน่งองค์หญิงพระชายาคงไม่ตกสู่คนตระกูลหลิวง่ายดายเช่นนี้ อยู่ ๆ บรรยากาศการสนทนาระหว่างรัชทายาทและหลิวฝานนั้นก็ตึงเครียดขึ้นมา หลิวยุ่นฉานที่แกล้งเป็นลมอดทนนอนต่อไปไม่ได้จึงลืมตาตื่นขึ้นมา “พี่ใหญ่เจ้าคะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD