EP.09
“หึ หึ จักหื้อกูไปผุดไปเกิดรึ บ่มีทางดอกไอ้กำนันเฒ่า ถ้าหากกูบ่ได้แก้แค้นพวกสูหื้อสาสม” เงารางๆ ของดวงวิญญาณผู้ที่ผูกจิตอาฆาต พยาบาทหัวเราะ นางยืนอยู่บนชานเรือนไทยหลังนั้น นางสามารถที่จะเห็นและได้ยินทุกสิ่งได้ทุกเวลา ถ้าหากว่าใครเอ่ยถึง เพราะนางคือวิญญาณวิญญาณร้ายที่อยู่ด้วยแรงจองเวรมานับร้อยปีตามคำที่อาฆาต
“แล้วเจ้านางจักทำจะใดต่อดีเจ้า”
วิญญาณนางข้าไทปรากฏตัวขึ้นทางเบื้องหลัง เจ้านางเอื้องแก้วหันขวับกลับมา นัยน์ตาส่อแววความปลื้มปีติเสียยิ่ง
“ยะจะใดนะรึอีเอื้อย ก็ทำอย่างที่กูเคยทำกับเจ้านายเก่าของมึงอย่างใดเล่า”
“เจ้านางจักรับสั่งอะหยั่งกับข้าเจ้าก็สั่งมาเลย ข้าเจ้ายินดีน้อมฮับเอาใส่เกล้าใส่เศียร” นางข้าไทก้มหัวให้ด้วยความภักดี ดวงวิญญาณร้ายแสยะยิ้มอย่างน่ากลัวแล้วพูดต่ออีกว่า
“เพลานี้ผู้ที่ทำกรรมต่อกูและพวกสูแต่ครั้งอดีตมันมาเกิดกันแล้ว มันคงจะถึงเพลาแล้วสินะ ที่การแก้แค้นของกูจักได้เดินทางมาถึงสักที ความแค้นครั้งนี้มันบ่อาจลบล้างไปจากใจของกูได้ดอกสูเหย ตราบชั่วดินฟ้าสลาย ฤๅดวงจิตของกูจักแตกดับอับสูญ กูขอสาบานว่ากูจักจองเวรมันทุกชาติทุกภพไป”
ลมพัดวูบปะทะหน้าของดวงวิญญาณทั้งสอง ก่อนที่ร่างจะเลือนหายไปกับอากาศธาตุที่พัดเข้ามา เหลือแต่เพียงเสียงหัวเราะอันน่าสยองขวัญที่ยังคงลอยวนเวียนอยู่รอบๆ บริเวณเรือนหลังนั้น
เรือนบุษยาหรือเรือนไทยทรงล้านนาอันมีวิญญาณร้ายสิงสถิตอยู่ทั่วบริเวณนั้น มันยังคงความมีเสน่ห์อันยั่วยวนและชวนวังเวงเช่นเดิม ชาวบ้านแถบนั้นรู้แต่เพียงว่ามีวิญญาณสิงสถิตอยู่ที่นั่น แต่ทว่าพวกเขาก็หารู้ไม่ว่าเหตุไฉนวิญญาณพวกนั้นถึงไม่ไปผุดไปเกิดสักที และถ้าหากพวกเขาจะรู้สักนิดล่ะก็ เป็นได้ขนพองกันทั่วหน้าอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่ทำให้วิญญาณทุกตนในเรือนหลังนี้ไม่ไปผุดไปเกิดก็คือความแค้นที่ก่อสุมอยู่ภายในจิตวิญญาณของทุกดวงเพื่อรอวันแก้แค้น
แก้แค้นให้สมกับที่ดวงวิญญาณทุกตนถูกกระทำอย่างโหดร้ายป่าเถื่อน
ที่บ้านของหมอผีเฒ่า ร่างทรงของ ‘เจ้าพ่อไทรทอง’ ผู้มีวิทยาอาคมขมังเวทย์สามารถปราบผีได้ทั่วสารทิศ อีกทั้งคุณไสยที่เข้าสู่ตัวของใครท่านก็แก้ไขให้หายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ไม่เพียงวิชาอาคมทางด้านปราบผีเท่านั้น หมอผีผู้นี้ยังมีวิทยาอาคมทางด้านมหานิยม มีชื่อเสียงในด้านลงเลขยันต์ต่างๆ รวมไปถึงให้เลขเด็ดสารพัดสารเพจนมีลูกศิษย์ลูกหามากหน้าหลายตาเข้ามาแวะเวียนหากันจนไม่ว่างเว้นแม้สักวันเดียว
บ้านเรือนไทยหลังขนาดย่อม ตั้งอยู่กลางสวนมะม่วงอันร่มครึ้มคือบ้านของหมอผีทองมี บรรยากาศอันร่มครึ้มวังเวงเป็นส่วนหนึ่งที่เพิ่มความเข้มขลังให้กับบ้านหมอผีหลังนี้เป็นอย่างมาก อีกทั้งต้นไทรใหญ่อายุหลายร้อยปีตั้งอยู่ข้างหลังบ้าน แผ่กิ่งก้านสาขาร่มรื่นชวนให้บริเวณนั้นเย็นสบายและอีกมุมหนึ่งก็แลดูวิเวกวังเวงยิ่งขึ้น คล้ายกับว่าสถานที่พำนักนี้ตั้งอยู่ใจกลางป่าอย่างโดดเดี่ยวเต็มไปด้วยเหล่าภูตผีปีศาจ
ผ้าแพรหลากสีสันพันรอบต้นไทรใหญ่ด้วยความศรัทธาที่มีต่อเจ้าพ่อไทรทองของเหล่าลูกศิษย์ลูกหา มีศาลเรือนไทยหลังเล็กๆ ตั้งอยู่ระหว่างรากไทรที่หยั่งงอกออกมาบนพื้นดิน ควันธูปลอยฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณนั้นมันยิ่งเพิ่มความเข้มขลังให้กับผู้ที่หากินทางด้านนี้มากยิ่งขึ้น
บนเรือน เต็มไปด้วยบรรดาผู้คนที่งมงายในเรื่องไสยศาสตร์ ทั้งชายและหญิง ต่างฐานะต่างอาชีพ หมอผีเฒ่าผู้มีหนวดสีขาวยาวเฟ้ยเหมือนฤๅษีชีวก ขณะนี้กำลังนั่งพนมมือสั่นงกๆ อยู่ตรงหน้าคณะที่ต่างมาด้วยความศรัทธาเช่นเดียวกัน
ข้างหลังเป็นปะรำพิธีมีโต๊ะหมู่บูชาขนาดใหญ่ตั้งอยู่ บนโต๊ะมีเทวรูปในท่าปางต่างๆ ที่พิสดารผิดรูป บ้างมีหัวเป็นงู บ้างมีหัวเป็นวัวเป็นควาย บ้างก็อยู่ในรูปของอสูรที่น่าเกลียดน่ากลัว ตรงกลางของโต๊ะเหนือเทวรูปเหล่านั้นมีหัวกะโหลกมนุษย์ขาวโพลนแยกเขี้ยวยิ้มแสยะ เทียนสีขาวที่ผ่านการจุดมาหลายครั้งตั้งเด่นอยู่บนหัวกะโหลกนั้นอีกที
ถัดลงมาจากโต๊ะบูชาอีกทีก็คืออ่างน้ำมนต์ขนาดใหญ่ ในนั้นมีน้ำอยู่ปริ่มๆ มีน้ำตาเทียนลอยอยู่เหนือผิวน้ำเต็มไปหมด ด้านซ้ายของปะรำพิธีเป็นรูปปั้นของเกจิอาจารย์ชื่อดังท่านหนึ่ง ส่วนทางด้านขวาเป็นรากไม้ขนาดใหญ่และรูปปั้นไม้แกะสลักของกุมารอีกสองตนยืนอยู่
เวลานี้ร่างทรงของหมอผีเฒ่ากำลังรักษาชายคนหนึ่งที่มีอาการคล้ายคนโดนของ คือมีอาการปวดท้อง ญาติต่างเข้าใจกันว่าชายคนนั้นโดนของที่เขาปล่อยมา
“โอ๊ย ย ย”
ชายเคราะห์ร้ายร้องอย่างเจ็บปวด มือทั้งสองกุมท้องดิ้นทุรนทุรายปานจะขาดใจ จนเหล่าญาติต้องช่วยกันจับตรึงให้นอนให้แน่นิ่ง
“ปล่อยข้า ปล่อย ข้าเจ็บท้องปล่อยข้าโว้ย” ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดทรมาน
หมอผีเฒ่านั่งพนมมือสาธยายคาถาเสียงดังงึมงำๆ พอครบสามคาบก็เป่าพรวดไปที่ไข่ไก่ในมือก่อนจะนำมันไปลูบที่ท้องของชายเคราะห์ร้าย ไข่ไก่ฟองนั้นดิ้นขลุกขลักเมื่อมันต่อสู้กับพลังอาถรรพณ์ที่ฝังตัวอยู่ในท้องชายคนนั้น
หมอผีเฒ่ายังคงพร่ำบริกรรมคาถาไม่หยุดหย่อน ในขณะที่ชายเคราะห์ร้ายหยุดดิ้นเพราะความเจ็บปวดที่เริ่มหายไป คล้ายกับว่าต้นเหตุแห่งความเจ็บปวดผ่านออกไปสู่ไข่ไก่ใบนั้นจนหมดสิ้นแล้ว มันรู้สึกเย็นวาบเข้ามาแทนที่ เมื่อหมอผีเฒ่าเป่าพรวดเข้าไปที่ช่องท้อง คล้ายจะคอยบรรเทาให้อาการนั้นหายไป
ชายคนนั้นลุกขึ้นพนมมือไหว้หมอผีเฒ่าเสียยกใหญ่ ขณะหมอผีร่างทรงยกไข่ไก่ใบนั้นขึ้น ให้ทุกคนดู แล้วจึงตอกไข่ใส่ในถาดทองเหลืองที่ลูกศิษย์เตรียมไว้ให้
ในถาดทองเหลืองนอกจากวุ้นไข่ไก่แล้วยังมีเส้นผมเส้นหนึ่งผูกขมวดปมรวมอยู่ด้วย นั่นคือสิ่งอาถรรพณ์ที่ถูกปล่อยออกมา ยังความแปลกใจให้กับทุกๆ คนที่เห็น ‘ของอาถรรพณ์’ เป็นอย่างมาก
“นี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ไอ้พันมันปวดท้อง ดีที่มันไม่แรงไม่อย่างนั้น คงลำบากไปจนถึงเจ้าพ่อไทรทองของพวกเอ็ง ฮว่ะ ฮะ ฮ่า”
“ข้าขอขอบคุณพ่อหมอมากเลยครับที่เมตตาข้า” ไอ้พันยกมือไหว้ปรกๆ ร่างทรงเจ้าพ่อไทรทองหัวร่อเสียงเย็นยะเยือก จ้องมองลูกศิษย์ที่มากันเต็มสำนักด้วยความพึงพอใจ
“พ่อหมอ พ่อหมอ ช่วยลูกข้าด้วย” นางสร้อยที่นั่งเงียบด้วยใจอันร้อนรุ่ม ร้องขึ้นเมื่อได้จังหวะ ร่างทรงเจ้าพ่อหันขวับมาที่นางแล้วถามด้วยเสียงที่ทรงอำนาจ
“เจ้ามีอันใดที่จะให้ข้าช่วย”
“ลูกข้า ลูกข้ามันถูกของ พ่อหมอช่วยลูกข้าด้วยเถิด”
“ไหนล่ะลูกของเจ้า ทำไมไม่พามันมาหาข้า ข้าจะได้รักษามันอย่างทันท่วงที ไม่อย่างนั้น ถ้าของแรงมันอาจจะตายได้นะ” พ่อหมอเอ่ยบอกเสียงรัวเร็ว ขณะที่กลุ่มเครือญาติของไอ้พันขยับถอยออกไปปล่อยให้นางสร้อยขยับเข้ามานั่งข้างหน้าร่างทรงของหมอผีทองมี
“ไหนลองเล่ามาซิว่าเรื่องมันเป็นยังไง”