บ่าวชายเจ้าเล่ห์ไม่ควรห่างกาย1

1148 Words
จ้าวหนิงหลงในคราบของคุณชายหนิงเจ้าของคฤหาสน์งดงามกำลังยืนกอดอกมองใครบางคนที่อยู่ในอาภรณ์บุรุษของบ่าวประจำคฤหาสน์แห่งนี้ด้วยท่วงท่าสงบเรียบนิ่งไม่ไหวติงใดๆ ทว่าในใจกลับมิได้ราบเรียบเฉกเช่นภายนอก ชายหนุ่มยืนมองคนผู้หนึ่งอย่างพยายามเก็บข่มอารมณ์ขุ่นมัว เขาตั้งใจรับนางเข้ามาเป็นบ่าวชายตามที่นางตั้งใจ ทั้งยังให้เป็นบ่าวชายคนสนิทเพื่อที่ว่าเขาจะได้สั่งการนางโดยตรง ไม่ต้องผ่านพ่อบ้านแต่อย่างใด นางเป็นถึงว่าที่คู่หมั้นของเขา เป็นสตรีที่เสด็จพ่อทรงบังคับเขาให้หมายจะหมั้นและแต่งงานกัน ซึ่งเขาไม่มีวันยอม แต่ในขณะที่เขาไม่มีทางยอม นางกลับปลอมตัว เพื่อที่จะหนีเขาอย่างอุกอาจ นางช่างบังอาจ! นางกล้าหนีเขา... เห็นได้ชัดว่านางตั้งใจจะหักหน้าเขา แต่นางหารู้ไม่ ว่านางคิดผิด นางทำผิด นางผิดพลาดอย่างมหันต์ นางไม่รู้ว่าคู่หมั้นหมายของนางคือเขา เมื่อจ้าวหนิงหลงคิดมาถึงตรงนี้ อารมณ์ขุ่นมัวที่ถูกเมินเมื่อครู่พลันเบาบาง อาการหงุดหงิดพลันปลิวหาย ความคิดผลักไสยิ่งมลาย อืม...เขาจะแกล้งอะไรนางดี? ผ่านไปหนึ่งวันสำหรับงานเป็นบ่าวชายของจิวซินในคราบของอาซิน จิวซินยังคงสนุกสนานร่าเริงหลังจากทำงานหลายอย่างตามแต่เจ้านายรูปงามของนางจะสั่งให้ทำ นางชอบออกกำลัง มันเทียบเท่ากับการฝึกยุทธ์ก็ไม่ปาน แท้จริงแล้วนางอยากฝึกยุทธ์แต่ท่านพ่อไม่ค่อยจะมีเวลาให้นาง ท่านพ่อต้องคอยติดตามคอยอารักขาฮ่องเต้เป็นเงาตามตัวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันทุกเวลาทุกย่างก้าว มิรู้ได้ว่าท่านพ่อมีเวลายามใดมาหาท่านแม่เพื่อผลิตนางออกมา เช่นนั้นแล้ว อะไรก็ตามที่ทำให้นางได้ออกกำลังนั่นจึงนับว่าเป็นเรื่องที่ดี นางชอบทำงานหลายอย่าง ทั้งซักผ้า ทั้งกวาดถู ทั้งแบกน้ำ เพราะบางทีการทำเช่นนี้อาจหมายถึงพื้นฐานของเหล่าจอมยุทธ์ อา...นางแถมพรวนดินบำรุงต้นหญ้าให้อีกด้วยนะ ต้นหญ้าจะได้งามๆ จิวซินยิ้มไปเดินไปสำรวจตรวจตราผลงานต่างๆ ที่นางได้ทำไปจนตลอดทั้งวันของวันนี้ หญิงสาวเดินสำรวจไปอย่างถ้วนทั่วที่บริเวณรอบๆ โรงซักล้างและที่ราวตากผ้าบนพื้นดินที่มีต้นหญ้าเขียวขจีขึ้นเบียดกันอย่างงดงาม ทันใดนั้นเสียงหนึ่งพลันดัง “ข้าบอกให้เจ้าถอนหญ้าบริเวณนี้ ตั้งแต่สองวันที่แล้ว ไยเจ้าไม่ทำ?” เสียงนั้นเป็นเสียงของบ่าวชายผู้หนึ่ง เขาตะโกนดังลั่นใส่หูของบ่าวชายอีกคนหนึ่งที่กำลังเดินกันอยู่ไม่ไกลจากที่จิวซินกำลังยืนจัดผ้าที่ซักตากเอาไว้ บ่าวชายผู้นั้นยังคงบ่นตะเบ็งเสียงดังออกมา “เจ้าเห็นหรือไม่? ว่าหญ้ามันเติบโตเสียจนจะมีงูพิษสร้างอาณาจักรได้อยู่แล้ว” “งานข้าก็มีเต็มมือไยเจ้าไม่ทำเองเล่า การถอนหญ้าใครก็ทำได้” บ่าวชายอีกคนหนึ่งที่เดินมาด้วยบ่นออกมาเพียงเบาๆ มิกล้าสบตา “แล้วงานข้าไม่มีหรือไร หา!” บ่าวชายคนแรกที่แลดูมีเรี่ยวแรงมากกว่าเริ่มมีโทสะจึงตะโกนคำรามออกมาอย่างดัง ทำเอาอีกคนต้องรีบหดคอหนีอย่างกล้าๆ กลัวๆ จิวซินยืนมองอยู่ไม่ไกล นางเพียงมองตามทิศทางของต้นหญ้าที่บ่าวชายทั้งสองกำลังพูดถึง ต้นหญ้าพวกนั้นคือต้นที่นางพรวนดินให้แน่ๆ อา...นางเห็นว่ามันงามต้นโตสูงใหญ่ก็นึกว่าพวกเขาตั้งใจปลูกมันเอาไว้ ที่แท้ก็เกี่ยงกันไม่ยอมจัดการนี่เอง จิวซินยืนกอดอกมองบุคคลผู้เป็นบ่าวชายทั้งสองอย่างเข้าใจ คล้ายกับผู้ล่วงรู้ในทุกสรรพสิ่งก็ไม่ปาน ทันใดนั้นบ่าวชายคนแรกที่มีท่าทีเกรี้ยวกราดก็สาดสายตามืดดำขุ่นมัวมาทางจิวซินพอดิบพอดี จิวซินถึงกับผงะเมื่อมองเห็นสายตาฉายแววแปลกๆ นั่น “เจ้า!” เสียงของบ่าวชายผู้นั้นพลันเอ่ยพร้อมชี้นิ้วมาทางจิวซิน “หือ!” จิวซินถึงกับตาโตตกใจพลางยกนิ้วขึ้นชี้ใบหน้าของตน “ข้าหรือ?” “ใช่! เจ้านั่นล่ะ” บ่าวชายคนนั้นเดินแบบย่างสามขุมท่าทีคุกคามเข้ามาทางจิวซินพลางเอ่ยต่อเนื่องด้วยน้ำเสียงไร้มิตรไร้ไมตรีฉายชัด “มาวันแรกก็ได้เป็นบ่าวชายคนสนิทของนายน้อยผู้สูงส่งของข้า ฮึ! เจ้าคงใช้กลโกงอันใดเป็นแน่” บ่าวชายอีกคนคล้อยตาม “นั่นนะสิ พวกเราอยู่มาก่อนตั้งนาน ยังไม่เคยได้เข้าใกล้คุณชายเลย” เขากล่าวเสริมอย่างดุดันคุกคามเช่นกัน จิวซินยิ่งตระหนกมากกว่าเดิมแล้ว เมื่อครู่พวกเขากำลังพูดคุยถึงต้นหญ้าใช่หรือไม่? แล้วเหตุใดกลับกลายมาเป็นนางไปได้ล่ะ? “เจ้าคงว่างมากถึงได้มายืนกอดอกทำท่าทางคล้ายเจ้านายอยู่ตรงนี้ ไปเลย ไปถอนหญ้าตรงนั้น ไป!” บ่าวชายคนแรกกล่าวออกมาอย่างเบ่งอำนาจใส่หน้าจิวซินเมื่อเดินมาจนถึงนางในระยะสามก้าว “ใช่ๆ ไปเลย ไปถอนหญ้า” บ่าวชายคนที่สองยังคงคล้อยตาม เขาเดินตามกันมาติดๆ กล่าวคำเน้นย้ำให้คนแรกอย่างหนักแน่น จิวซินถึงกับกะพริบตามองปริบๆ เอาอย่างไรดี? นางอุตส่าห์พรวนดินบำรุงให้ต้นหญ้าพวกนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วอย่างนี้ นางจะทำร้ายพวกมันได้อย่างไร อืม... หญิงสาวในชุดบุรุษนามอาซินเริ่มมุ่นคิ้วคิดหนักด้วยนิสัยใจจริงของนางช่างเป็นสตรีแสนดี นอกจากงดงามแล้วยังมีคุณธรรมยิ่งนัก นางทำท่าครุ่นคิดอย่างหนักหน่วงอยู่ครู่หนึ่งในขณะที่บ่าวชายทั้งสองยังคงยืนกดดันไม่วางตา อึดใจต่อมาจิวซินพลันเอ่ย “กลิ่นหอมทำให้ต้องรีบลงจากม้า รู้รสชาติแล้วต้องรีบหยุดเดินทาง กลิ่นหอมของสุราลอยอวลอยู่ในอากาศ นกสามัญดมกลิ่นยังกลายเป็นหงส์ กระทั่งของเสียที่กลั่นทิ้งลงไปในน้ำ หากปลากินยังแปลงร่างเป็นมังกรในฉับพลัน”[1] ประโยคยาวเหยียดของจิวซินทำเอาบ่าวชายทั้งสองถึงกับผงะจ้องมองนางนิ่งงันอย่างเผลอไผล [1] หนึ่งในสิบสุราจีน เคียงเคล้าคำคมแห่งโก้วเล้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD