แก้วตาเดินไม่นานก็ถึงยังศาลากลางหมู่บ้านเต็มไปด้วยชาวบ้านที่พร้อมใจกันมาร่วมพิธีทำบุญใส่บาตรเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและอยู่ร่มเย็นเป็นสุข ตากลมโตมองยังปะรำพิธีที่ถูกจัดตกแต่งด้วยฝีมือชาวบ้านอย่างสวยงาม
ก่อนจะเดินถือตะกร้าปิ่นโตตามยายเธอไปจัดกับข้าวใส่จาน จากนั้นก็ไปใส่บาตร พอเสร็จเรียบร้อยก็ไปนั่งรวมกับชาวบ้านคนอื่น ๆ ที่รอพระภิกษุสงฆ์มาทำพิธี
แก้วตากวาดสายตามองภายในงานเพื่อมองหาใครบางคน แต่ก็ไม่เจอจึงจะเอ่ยถามยายของเธอ ทว่าเห็นกลิ่นกำลังนั่งคุยกับยายมาอยู่ เธอจึงหันไปถามชมที่นั่งอยู่ด้านข้างแทน
“พระมากี่โมงเหรอป้าชม”
“แปดโมง”
“แล้ว...” ขณะที่ปากอวบอิ่มกำลังจะเอ่ยถามถึงใครบางคนจู่ ๆ ก็ได้ยินชาวบ้านคุยกันเสียงดังจอแจมาจากทางด้านหลัง ใบหน้าสวยหวานรับกับดวงตากลมโตจึงละจากคนที่อยู่ด้านข้างหันไปตามเสียงนั้นทำให้เห็น…
เจ้าของใบหน้าหล่อคมเข้มท่าทีน่าเกรงขาม สวมแว่นเรย์แบนสีดำใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาตัดกับกางเกงสแลคสีดำ ก้าวลงจากรถพ่วงข้างที่หลานชายชื่อ นะโม เป็นคนขับ
ก่อนจะเดินเข้ามาภายในศาลานั่งลงยังเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้ให้ภายในพิธี จากนั้นมือหนาก็ถอดแว่นเรย์แบนออก ยกมือไหว้พระพุทธรูปที่อยู่ด้านข้างด้วยท่าทีนอบน้อมแล้วหันไปทางผู้ใหญ่ ลี ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านช้างใหญ่ที่นั่งอยู่ด้านข้าง
“สวัสดีครับพ่อหมอ” แม้ผู้ใหญ่ลีจะอายุมากกว่าแต่ด้วยความเคารพและนับถือ จึงยกมือไหว้หมอธรรมด้วยท่าทีนอบน้อม พอร่างสูงเห็นเช่นนั้นก็รีบยกมือไหว้ตอบกลับไป
“สวัสดีครับผู้ใหญ่”
ทางด้านแก้วตาเอาแต่นั่งมอง เส หมอธรรมหนุ่มที่ชาวบ้านต่างพากันเคารพนับถือด้วยหัวใจที่สั่นไหว ก่อนจะหลุดพูดคำที่อยู่ภายในใจออกมาอย่างลืมตัว
“สะเบิมคลัง” (หล่อมาก) ขณะตาคู่สวยไม่ละจากใบหน้าหล่อคมคายที่ดึงดูดทุกสายตาไม่ให้ละจากเขาได้ ซึ่งต่างจากอีกคนที่ไม่ได้สนใจหรือมองใครเลย แม้อายุอานามจะเข้าเลขสามต้น ๆ ควรมีครอบครัวแล้วก็ตาม
…เพราะพ่อหมอละจากทางโลกเข้าทางธรรมตั้งแต่อายุยี่สิบปีบริบูรณ์ เนื่องจากเมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่นนั้นเกเรและดื้อมากจึงอยากเปลี่ยนแปลงตัวใหม่ ด้วยที่ชื่นชอบทางไสยเวทและมีอาจารย์ที่เคารพนับถืออยู่ท่านหนึ่งจึงอยากเดินรอยตาม ก็เลยหันหน้าเข้าไสยศาสตร์อย่างจริงจัง ปฏิบัติตนอยู่ในคุณธรรม จริยธรรม และศีลธรรม
ฝักใฝ่ในวิชาอย่างแน่วแน่จนวิชาแก่กล้า จึงออกเดินทางรักษาชาวบ้านที่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ กระทั่งได้มาช่วยเหลือชาวบ้านที่หมู่บ้านช้างใหญ่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ มีไม่กี่หลังคาเรือนเท่านั้นแถมไฟฟ้ายังพึ่งเข้าได้ไม่กี่ปี อีกทั้งยังเป็นหมู่บ้านของนะโมหลานชายของตนด้วย เนื่องจากพ่อของนะโมเป็นคนหมู่บ้านช้างใหญ่แต่แม่นั้นเป็นคนหมู่บ้านเดียวกับหมอธรรม
พอมาคราแรกตนก็ชื่นชอบมากเพราะที่นี่นั้นสงบสุขผู้คนในหมู่บ้านก็ น่ารัก แม้จะมีวัฒนธรรมและภาษาถิ่นที่ใช้แตกต่างกันออกไปก็ตาม
…แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการดำรงชีวิต เพราะใช้ภาษากลางในการสื่อสารได้ เสจึงขอแบ่งซื้อที่ดินจากพ่อนะโมจากนั้นก็มาลงหลักปักฐานเปิดสำนักที่นี่
ซึ่งมาได้เพียงไม่นานก็ทำให้ชาวบ้านต่างพากันเคารพนับถือ เพราะคอยช่วยเหลือชาวบ้านรักษาอาการเจ็บป่วยตามตำราที่ได้ร่ำเรียนมา คอยเรียกขวัญและกำลังใจจนเป็นที่รักใคร่ของชาวบ้าน
และแก้วตา…
ร่างเล็กเอาแต่นั่งมองชายหนุ่มที่ตนแอบชอบอยู่แบบนั้น กระทั่งพระภิกษุสงฆ์และสามเณรที่นิมนต์จากวัดหมู่บ้านข้าง ๆ มาฉันเช้ามาถึง กระพุ่มมือสวยจึงยกขึ้นกลางหว่างอกแล้วก้มศีรษะลงเล็กน้อยไหว้ด้วยท่าทีน้อมนอบ กระทั่งพระภิกษุสงฆ์เดินผ่านไปนั่งลงยังอาสนะครบทุกองค์
…ใบหน้าสวยหวานจึงเงยขึ้นแล้วทิ้งสายตายังร่างสูงโปร่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทางฝั่งซ้ายมืออีกครั้ง
ฤกษ์ยามพระสงฆ์ก็เริ่มทำพิธี ซึ่งชาวบ้านก็ต่างพากันตั้งใจฟังสวดด้วยจิตที่ผ่องใส กระทั่งประเคนอาหารถวายพระเสร็จสิ้นเรียบร้อย ก็นั่งรอพระภิกษุสงฆ์และสามเณรฉันข้าวอิ่มจะได้รับศีลรับพร
ขณะที่ชาวบ้านคนอื่นต่างพากันนั่งคุยกันเสียงดังจอแจ แก้วตาก็เอาแต่นั่งมองเสที่กำลังคุยกับผู้ใหญ่ลีอยู่
กระทั่งพระทองคำเจ้าอาวาสของวัดฉันข้าวเรียบร้อยก็เดินประพรมน้ำมนต์ให้แก่ชาวบ้าน ซึ่งแต่ละคนก็ประนมมือไหว้รับน้ำพระพุทธมนต์เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตด้วยใบหน้าอิ่มเอมใจ
เช่นเดียวกับแก้วตาหญิงสาวใบหน้าสดใสที่ใครเห็นเป็นต้องตา...
ทางด้านเสขณะนั่งมองพระทองคำประพรมน้ำมนต์ให้แก่ชาวบ้านด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง สายตาก็สะดุดกับร่างเล็กอรชรผิวขาวใสราวกับหยวกกล้วย อีกทั้งยังหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูเป็นไหน ๆ นั่งโดดเด่นอยู่ท่ามกลางชาวบ้านคนอื่น
จึงได้แต่มองและสงสัยว่าเธอนั้นเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ทำไมเขาถึงไม่เคยเห็นมาก่อนเลย แม้จะอยู่หมู่บ้านเดียวกันก็ตาม…
ตาคมกริบมองเจ้าของร่างเล็กอย่างพินิจพิจารณา กระทั่งเธอช้อนตาขึ้นทำให้ทั้งสองสบตากัน แต่เป็นพียงชั่วครู่เท่านั้นเจ้าของใบหน้าหล่อก็ละสายตาจากเธอแล้วหันไปทางอื่นแทน
ซึ่งต่างจากหญิงสาวที่นั่งมองเขาไม่ละสายตาไปไหน ทั้งที่หัวใจนั้นเต้นสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ มือเล็กประสานกันแน่นเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้สบตากับคนที่เธอแอบชอบ แม้จะเห็นหน้าเขาหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ทุกครั้งก็ได้เพียงแอบมองเขาอยู่ไกล ๆ เท่านั้น
แก้วตานั่งบีบมือที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เพราะทำตัวไม่ถูกมันตื่นเต้นไปหมด ตาคู่สวยจ้องร่างสูงไม่กะพริบ กระทั่งพิธีเสร็จสิ้นพระภิกษุสงฆ์และสามเณรก็เดินทางกลับวัด ส่วนชาวบ้านที่นั่งรอกินข้าวก็ช่วยกันยกสำรับอาหารมานั่งล้อมวงกัน หากใครไม่ได้อยู่กินก็เดินทางกลับบ้านของตน
…เช่นเดียวกับแก้วตาและกลิ่นที่ไม่ได้อยู่กินก็เตรียมเดินทางกลับบ้าน
ขณะร่างเล็กกำลังลุกขึ้นจากพื้น สายตาเธอก็มองไปยังร่างกำยำน่าเกรงขามกำลังลุกจากเก้าอี้เช่นกัน ก่อนที่เขาจะหันไปไหว้พระพุทธรูป จากนั้นก็เดินคุยกับผู้ใหญ่ลีไปยังรถพ่วงข้างที่นะโมสตาร์ตรออยู่
“เห็นนะโมมันบอกว่าพ่อหมอกำลังหาแม่บ้านคนใหม่อยู่เหรอ?”
“ใช่ครับ”
“แล้วหาได้หรือยัง ถ้ายังผมจะได้ถามไถ่ชาวบ้านช่วยอีกแรง”
ทางด้านแก้วตาจับแขนกลิ่นลุกขึ้นจากพื้นจากนั้นสองยายหลานก็เดินออกจากศาลา ก่อนสายตาจะพลันเห็นเสยืนคุยกับผู้ใหญ่ลีอยู่ข้างรถของเขา เธอจึงมองอีกคนด้วยหัวใจสั่นไหว ขณะกำลังจะเดินผ่านร่างสูงจู่ ๆ ยายของเธอก็หยุดคุยกับตาน้อย ทำให้ระยะของเธอกับเขาไม่ไกลกันนัก
…เธอจึงแอบชำเลืองมองใบหน้าหล่อเหลาและฟังเสียงทุ้มนุ่มลึกของเขาอย่างไร้มารยาท
“ผมยังไม่ได้ให้ไอ้โมมันไปถามชาวบ้านเลย แต่ถ้าหากไม่รบกวนผู้ใหญ่จนเกินไปผมฝากผู้ใหญ่อีกแรงด้วยนะครับ”
เสียงทุ้มเอ่ยตอบก่อนจะเบี่ยงสายตาไปทางด้านขวา เมื่อความรู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองเขาอยู่ จึงทำให้สบตากับหญิงสาวคนเดียวกับที่เขาเห็นเธอตอนพระทองคำประพรมน้ำมนต์ให้ กำลังมองเขาอยู่
ทั้งสองยืนสบตากันอยู่แบบนั้น ก่อนที่แก้วตาจะฉีกยิ้มส่งให้ชายหนุ่มที่เธอชอบ แต่เขากลับมองเธอนิ่ง ๆ แล้วเบี่ยงสายตาไปทางผู้ใหญ่ลีอีกครั้ง ปากเล็กจึงเม้มกันแน่น
“ไม่รบกวนหรอกพ่อหมอ เดี๋ยวผมจัดการให้”
“ขอบคุณผู้ใหญ่มากครับ”
สิ้นเสียงทุ้มร่างสูงโปร่งก็หยิบแว่นเรย์แบนที่เหน็บอกมาสวมใส่ จากนั้นก็ก้าวขึ้นไปนั่งบนรถพ่วงข้าง แล้วก็พยักหน้าให้หลานชายก่อนที่รถคันดังกล่าวจะเคลื่อนไปบนถนนมุ่งตรงไปยังบ้านเรือนไทยที่อยู่ท้ายสุดของหมู่บ้าน
แก้วตายืนมองรถพ่วงข้างแล่นไกลออกไปจนสุดสายตา ใบหน้าสวยก็หลุดยิ้มออกมาอย่างเปิดเผย
ทางด้านผู้ใหญ่ลีเมื่อเห็นเสนั่งรถออกไปแล้ว ก็หันไปทางด้านหลังเพื่อไปยังรถของตน ทว่าสายตาสะดุดกับใบหน้าสวยหวานที่ยืนอยู่กับยายของเธอจึงเดินเข้าไปทักทาย ซึ่งเป็นจังหวะที่กลิ่นคุยกับตาน้อยเสร็จพอดี พอเห็นผู้ใหญ่ลีเดินมาหาจึงเอ่ยทักทาย
“จะกลับบ้านแล้วเหรอผู้ใหญ่”
“ใช่”
ผู้ใหญ่ลีละสายตาจากยายกลิ่นไปยังแก้วตาลูกหลานคนในหมู่บ้าน ที่ขยันขันแข็ง งานบ้านงานเรือนทำเป็นหมด แถมยังกตัญญูต่อยายเธอมากเห็นแล้วก็นึกเอ็นดูไม่น้อยอีกทั้งในใจยังนึกสงสารที่เธอไม่ได้มีโอกาสศึกษาต่อเหมือนอย่างเด็กคนอื่น
“แก้วตาช่วงนี้ว่างไหม พอดีหมอธรรมกำลังหาแม่บ้านคนใหม่อยู่”
“ยายอรไม่ได้ทำแล้วเหรอจ๊ะ?”
“ยายอรไปอยู่กับลูกที่กรุงเทพแล้ว”
สิ้นประโยคบอกกล่าวใบหน้าสวยก็หันไปทางยายของเธอที่ยืนฟังอยู่เพื่อขอความคิดเห็น พอกลิ่นเห็นแบบนั้นก็พยักหน้าให้หลานสาวแล้วพูดบอกแก้วตาด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ไปทำสิ จะได้ไม่ต้องขับรถไปรับจ้างถึงตัวอำเภอ”
“แต่จะไม่มีใครช่วยยายนวดนะจ๊ะ”
แม้จะอยากไปทำมากแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าจะไม่มีใครช่วยยายเธอนวดเพราะถึงทุกวันนี้งานนวดจะไม่ได้มีทุกวันแต่ก็ยังพอมีอยู่บ้าง ซึ่งถ้าหากวันไหนมีแค่เจ้าเดียวและเป็นหมู่บ้านละแวกใกล้ ๆ แก้วตาก็จะขับรถไปส่งยายเธอก่อน จากนั้นก็ขับรถไปทำงานรับจ้างที่ตัวอำเภอ ส่วนยายเธอก็นั่งรถรับจ้างกลับบ้านเอง
“ไปเถอะงานนวดมันก็ไม่ค่อยมีนักหรอก แต่ถ้ามีก็ไม่ใช่ปัญหายายไปนวดคนเดียวก็ได้รถรับจ้างก็มีเยอะแยะ” เพราะเป็นห่วงหลานที่บางวันต้องขับรถกลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ คนเดียวกลิ่นจึงเอ่ยบอกไปแบบนั้น
“ก็ได้จ้ะยาย” แก้วตาที่ยืนฟังเงียบ ๆ ก็ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ทั้งที่ในใจนั้นก็ดีใจที่จะได้ไปทำงานบ้านหมอธรรม แต่ความรู้สึกเป็นห่วงยายของเธอก็มีมากกว่า
“ว่ายังไง ตกลงไหม จะได้ไปบอกพ่อหมอ”
“ถ้ายังหาใครแทนยังไม่ได้ ก็ให้หลานฉันไปทำก็ได้ผู้ใหญ่”
“ได้ เดี๋ยวฉันบอกหมอธรรมให้”
“ขอบใจมากนะผู้ใหญ่” สิ้นเสียงยายกลิ่นแก้วตาก็รีบยกมือไหว้ขอบคุณผู้ใหญ่ลี ก่อนที่ชายวัยกลางคนจะเดินออกไป แก้วตาจึงหันไปมองยายของเธออีกครั้ง
“ยาย...”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว รีบกลับบ้านกันเถอะ เดี๋ยวพายายไปบ้านตาน้อยต่อ”
“แล้วยายไม่ไปหาหมอเหรอจ๊ะ?”
“วันหลังค่อยไป วันนี้ไปนวดเอาตังก่อน”
เพราะแค่ไปวัดความดันที่ไม่เคยลดลง กลิ่นจึงมองว่าเสียเวลาและเสียดายเงินจึงเลือกไม่ไป แก้วตาได้ยินแบบนั้นก็ไม่รู้จะรบเร้ายังไงเพราะรู้ดีว่ายายเธอเป็นคนดื้อรั้นแค่ไหนจึงเลือกเลยตามเลย จากนั้นสองยายหลานก็เดินกลับบ้านทันที...