หลังจากเดินเข้ามาภายในห้องรับรอง เสก็เตรียมน้ำมนต์และวัตถุมงคลเพื่อป้องกันภยันตราย กระทั่งได้กลิ่นไอข้าวหอม ๆ ลอยฟุ้งจากด้านล่างมาตามอากาศ นะโมจึงลุกขึ้นเดินไปยังหน้าต่างเห็นแก้วตานั่งดงข้าวอยู่จึงเอ่ยชม
“เอื้อยแก้วตาเลาเก่งเนาะ คนอีหยังงามอย่างเดียวบ่พอเพียบพร้อมไปเบิ่ดสุอย่าง ผู้ได๋ได้เป็นเมียคือสิโชคดีคัก” (พี่แก้วตาเขาเก่งนะ คนอะไรสวยอย่างเดียวไม่พอ เพียบพร้อมไปหมดทุกอย่าง ใครได้เป็นเมียนะคงจะโชคดีมาก)
ใบหน้าหล่อเหลามีไรหนวดขึ้นเขียวหันมองยังหลานตนที่พูดด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้มคล้ายคนต้องมนต์จึงส่ายหน้าเบา ๆ แล้วพูดออกไปโดยไม่ได้คิดอะไร
“ซมเขาปานนั้น มึงคือบ่จีบมาเป็นเมียโลด” (ชมเขาขนาดนั้น มึงทำไมไม่จีบมาเป็นเมียซะเลย)
“บ่ ข่อยคิดกะเอื้อยแก้วตาส่ำพี่สาวซื่อ ๆ” (ไม่ ฉันคิดกับพี่แก้วตาแค่พี่น้องเฉย ๆ) เพียงได้ยินคำว่าพี่สาวคิ้วดกดำก็ขมวดมุ่นเมื่อรับรู้ว่าแก้วตานั้นอายุเยอะกว่านะโม ทั้งที่หน้าตาเธอยังดูเด็กอยู่เลยจึงเอ่ยถามในสิ่งที่ตนอยากรู้ออกไปอย่างเปิดเผย
“แก้วตาอายุท่อได๋” (แก้วตาอายุเท่าไหร่)
“ยี่สิบเอ็ด”
“เด็ก!”
“บ่เด็กแล้วเดะ แถวนี้อายุท่อนี้มีลูกมีผัวเบิ่ดแล้ว” (ไม่เด็กแล้วนะ แถวนี้อายุเท่านี้มีลูกมีผัวหมดแล้ว)
“กะเด็กกว่ากู”
“อันนั้นบ่เถียง” (อันนั้นไม่เถียง) สิ้นเสียงนะโมเสก็หันกลับไปสนใจสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าอีกครั้งแล้วเลิกสนใจกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อสักครู่...
ทางด้านแก้วตาหลังจากหุงข้าวทำกับข้าวอีกสองสามอย่างเสร็จก็เดินขึ้นไปบนเรือน เมื่อเห็นเจ้าของบ้านเดินออกมาจากห้องรับรองพร้อมกับหลานของเขาพอดี ปากเล็กจึงเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงหวานละมุน
“ให้หนูยกกับข้าวขึ้นไปข้างบนเลยไหมคะ?”
“เอาขึ้นมาเลย”
เมื่อได้ยินคำตอบแก้วตาก็เดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง ส่วนนะโมก็ลงไปเข้าห้องน้ำเนื่องจากเช้านี้ท้องเสียจึงไม่ได้อยู่ร่วมวงกินข้าวมื้อเช้ากับน้าชายตน
เมื่อยกสำรับขึ้นมาบนเรือนตาคู่สวยก็มองไปยังร่างสูงที่ชันเข่ารออยู่บนเสื่อ จึงเดินค้อมตัวเข้าไปหาเขาด้วยหัวใจเต้นสั่นระรัว ยิ่งขยับเข้าไปใกล้เจ้าของใบหน้าหล่อมาก เท่าใดมือไม้ก็ยิ่งสั่นไปหมด
แต่ก็พยายามตั้งสติหายใจเข้าลึก ๆ แล้วค่อย ๆ หยิบกับข้าวออกจากถาดวางลงบนเสื่ออย่างใจเย็น ทางด้านเสมองมือเล็กหยิบกับข้าวออกจากถาดทีละจานจึงเลื่อนมือไปหยิบต้มปลาช่วยแก้วตาทว่า…
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวหนูทำเอง”
พอแก้วตาเห็นเสหยิบต้มปลาเธอจึงรีบเข้าไปแย่งเพราะไม่อยากให้เขาทำเอง ในเมื่อเขาจ้างเธอแล้วเธอก็อยากทำเองให้เต็มที่ ปากเล็กขยับพูดขณะดวงตากลมโตจ้องมองคนด้านหน้าไม่ละไปไหนโดยไม่รู้เลยว่าเธอนั้นจับมือเขาอยู่
พอเสได้ยินแบบนั้นก็ละสายตาจากมือแก้วตาที่จับมือเขาอยู่ แล้วช้อนขึ้นมองใบหน้าขาวเนียนผ่องใสที่อยู่ในระยะใกล้ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“จับมือไว้แบบนี้ แล้วจะปล่อยจากถ้วยยังไง” สิ้นเสียงทุ้มตาคู่สวยก็มองลงเห็นเธอจับมือเขาอยู่
“หนูขอโทษ”
แก้วตาเห็นแบบนั้นก็ตกใจมากจึงดันถ้วยต้มปลาในมือไปทางด้านหน้าเพื่อให้เขาถือเองแล้วปล่อยมือออก ทำให้ไม่ระวังต้มปลาที่ล้นถ้วยจึงกระฉอกหกใส่ขาของคนที่นั่งชันเข่าเต็ม ๆ ซึ่งจุดที่หกก็ไม่ห่างจากเป้ากางเกงเขามากนัก…
“ซี้ด อ่า~”
แก้วตาเบิกตากว้างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเมื่อทำกางเกงอีกคนเลอะจึงรีบวางสำรับกับข้าวลงด้านข้าง แล้วรีบเลื่อนมือไปปัดป่ายกางเกงของเขาขณะริมฝีปากเล็กนั้นขยับพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด
“หนูขอโทษค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจ”
“ย...หยุด หยุดลูบก่อน”
ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงติดขัดเมื่อมือเล็กปัดป่ายไปมาใกล้ ๆ กึ่งกลางความเป็นชายของตนที่ขดงออยู่ภายใต้กางเกงจนขนลุกชูชันทั้งตัว
แต่...เธอก็ไม่หยุดเอาแต่เช็ดอยู่แบบนั้น เสจึงรีบวางถ้วยต้มปลาลงด้านข้างแล้วจับมือแก้วตาไว้แน่นก่อนจะกดพูดเสียงต่ำ
“หยุดเช็ดได้แล้ว”
เมื่อร่างเล็กช้อนตาขึ้นทำให้เขาเห็นนัยน์ตาเธอนั้นคลอด้วยน้ำสีใส อีกทั้งพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ เหมือนรู้สึกผิดมาก
“หนูขอโทษ หนูไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ค่ะ”
“เจ้าเป็นหยังบ่น้า?” (น้าเป็นอะไรไหม?)
ทางด้านนะโมเมื่อเดินขึ้นมาบนเรือนเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพอดี จึงรีบวิ่งเข้าไปดูน้าชายของตน พอเห็นต้มปลาหกเลอะกางเกงเสก็ได้แต่คิด
...ข้างในต้องแดงมากแน่ ๆ
ด้วยความเป็นห่วงจึงรีบวิ่งลงไปข้างล่างเพื่อหยิบยาสีฟันในห้องน้ำมาทาให้น้าของตน เพราะมีความเชื่อว่ามันรักษาอาการพองจากการโดนของร้อนลวก
ทางด้านเส มองแก้วตาโดยไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรเพราะรู้ดีว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ ไม่นานนะโมก็วิ่งหน้าตั้งกลับขึ้นมาข้างบนพร้อมกับยื่นหลอดยาสีฟันมาให้แล้วเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
“น้าเจ้าฟ้าวเอายาสีฟันทาเร็ว เดี๋ยวมันพองใช้งานบ่ได้สิยาก” (น้ารีบเอายาสีฟันทาเร็ว เดี๋ยวมันพองใช้งานไม่ได้จะยุ่ง)
“ไผบอกให้มึงเอายาสีฟันทา?” (ใครบอกให้มึงเอายาสีฟันทา?)
“เอ้า! เขากะใช้กันเบิ่ดบ้านเดะล่ะ” (อ้าว! เขาก็ใช้กันหมดทุกบ้านนะ) พอได้ยินแบบนั้นเสก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเมื่อได้ยินคำตอบ แม้หากมันได้ผลจริง ๆ เขาก็ไม่กล้าทาอยู่ดีเพราะมันคงเย็นน่าดู
“มึงไปเอายาทาแผลในห้องรับรองมา”
เมื่อนะโมเดินเข้าไปในห้องรับรองแล้วเสก็ถกกางเกงขึ้น จนแก้วตาเห็นขากำยำที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดจึงได้แต่คิดในใจ
เส้นเลือดที่ขายังขนาดนี้ แล้วเส้นเลือดตรงนั้นจะขนาดไหน...
ก่อนจะสะบัดหัวแรง ๆ เมื่อหลุดคิดอกุศล จากนั้นก็มองรอยแดงเถือกไม่ไกลจากขาหนีบของอีกคนที่เธอเป็นคนทำก็เม้มปากแน่น ก่อนใบหน้าสวยหวานจะเงยขึ้นช้อนตามองคนด้านหน้าพร้อมกับยกมือไหว้แล้วเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด
“หนูขอโทษค่ะที่มาเริ่มงานวันแรกก็หาเรื่องเลย หนูสัญญาจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก อย่าพึ่งไล่หนูออกนะคะ”
“มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไร” สิ้นเสียงทุ้มนะโมก็ถือหลอดยาเดินออกมาจากห้องรับรองพอดี เมื่อเห็นหลานชายยื่นหลอดยามาให้มือหนาจึงรีบเอื้อมไปรับเพื่อมาจัดการทาแผลที่ขาให้เรียบร้อยก่อนที่ผู้รักษาจะมาปงคาย
“ให้หนูทาให้ไหมคะ?”
“ไม่เป็นไร”
แม้รู้ดีว่าเธออยากช่วยแต่เขาคิดว่าทำเองจะดีกว่า เพราะจุดที่ทานั้นมันไม่ควรให้เธอเอามือนุ่มนิ่มมาสัมผัสโดนเด็ดขาด พอแก้วตาได้ยินแบบนั้นก็เลือกไม่รบเร้าเพราะกลัวเขาจะรำคาญจากนั้นก็เลือกขยับไปนั่งไกล ๆ
“ดีบ่โดนหม่องนั้นเนอะ จังซั่นสุกแล้ว” (ดีไม่โดนตรงนั้นนะ ถ้างั้นสุกแล้ว)
“มึงนี่ผีเจาะปากมาเว้าอีหลีเนาะ” (มึงเนี่ยผีเจาะปากมาพูดจริง ๆ นะ)
หลังจากทายาเสร็จสรรพ เสก็รีบกินข้าวเพราะไม่อยากสายไปมากกว่านี้ พออิ่มแล้วก็เดินเข้าไปในห้องรับรองกับนะโมเมื่อผู้รักษามาถึงพอดี เมื่อเจ้าของบ้านเข้าไปในห้องรับรองแล้วแก้วตาก็รีบเก็บจานไปล้างให้เรียบร้อย
จากนั้นก็ขึ้นไปปัดกวาดเช็ดถูบนเรือนต่อ...