รุ่งเช้าวันถัดมาหลังจากตื่นเสก็ลุกจากที่นอนเดินออกมานอกห้องไปหาอาบน้ำอาบท่า ให้เรียบร้อยเตรียมตัวก่อนที่ผู้รักษาจะมาปงคายในวันนี้
หลังจากอาบน้ำเสร็จก็เดินออกมานอกห้องน้ำด้วยผ้าขาวม้าพันรอบเอวสอบผืนเดียวก่อนจะเตรียมเดินขึ้นบันได
ทว่าเห็นรถพ่วงข้างของตนที่นะโมยืมขับกลับบ้านเมื่อคืนแล่นเข้ามาในบ้านเสียก่อน ตาคมกริบจึงมองไปยังรถคันนั้นเห็นหลานชายของตนขับรถเข้ามาในบ้านก่อนที่รถจักรยานคันเก่า ๆ จะปั่นตามเข้ามา…
ทางด้านแก้วตาพอตั้งขาจักรยานเรียบร้อยก็หันมองไปทางบันไดบ้าน ก่อนจะชะงักนิ่งตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างกำยำนุ่งผ้าขาวม้าเพียงผืนเดียวข้างบนเปลือยเปล่าโชว์กล้ามหน้าท้องเป็นมัด ๆ และรอยสักน่าเกรงขาม
ปากเล็กจึงกัดเม้มกันแน่น ใบหน้าเห่อร้อนเขินอายไม่น้อยเมื่อตั้งรับไม่ทันไม่คาดคิดว่าจะเห็นเขาในสภาพนี้ แต่ก็ไม่ละสายตาจากอีกคนแถมยังมองเขาด้วยสายตาแทะโลมอีกต่างหาก…
ซึ่งต่างจากอีกคนที่ไม่ได้รู้สึกเขินอายแต่อย่างใดเพราะไม่ใช่เธอคนแรกที่เห็นเขาในสภาพนี้ ยายอรแม่บ้านคนเก่าก็เคยเห็นจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ซึ่งเสมองว่าไม่แตกต่างเพราะเป็นผู้หญิงเหมือนกันเพียงแต่อายุห่างกันเท่านั้น
ทางด้านนะโมเมื่อดับเครื่องรถเรียบร้อยก็เอ่ยบอกน้าของตนให้ได้รับรู้...
“ข่อยพาแม่บ้านคนใหม่มา” (ฉันพาแม่บ้านคนใหม่มา) ด้วยความอยากรู้จึงไปถามผู้ใหญ่ลีว่าใครเป็นแม่บ้าน พอรู้ว่าเป็นแก้วตานะโมก็ไปหาเธอที่บ้านแต่เช้าแล้วชวนแก้วตามาที่นี่ด้วยกัน
เมื่อเสได้ยินแบบนั้นก็ละสายตาจากนะโมมองยังเจ้าของร่างเล็กคนเดียวกับที่เห็นอยู่ศาลากลางหมู่บ้านเมื่อวานนี้ยืนมองเขาอยู่ จึงเอ่ยบอกหลานชายออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“บอกให้ขึ้นมารอข้างเทิ่ง” (บอกให้ขึ้นมาข้างบน) สิ้นเสียงทุ้มเท้าหนัก ๆ ก็ก้าวเดินขึ้นบันไดแล้วตรงเข้าไปยังห้องนอนเพื่อแต่งตัวให้เรียบร้อย
“ปะพี่แก้วตาขึ้นไปนั่งรอข้างบนกัน” นะโมเอ่ยบอกแก้วตาด้วยท่าทีระริกระรี้เนื่องจากดีใจไม่น้อยที่แม่บ้านคนใหม่เป็นแก้วตา
หญิงสาวที่ชายในหมู่บ้านต่างพากันหมายปองเพียงแต่เธอไม่เคยมองใครเท่านั้น ส่วนนะโมนั้นไม่ได้ชอบแก้วตาเชิงชู้สาวแต่อย่างใดเห็นเป็นเพียงพี่สาวเท่านั้น แต่ที่ตื่นเต้นเพราะเธอนั้นสวยและน่ารักมาก ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ชายเห็นหญิงสาวสวยงามก็จะกระปรี้กระเปร่า
หลังจากขึ้นมาบนเรือนเรียบร้อยแก้วตาก็ไปนั่งรอเสที่พื้นเช่นเดียวกับนะโม ไม่นานนักร่างสูงกำยำสวมใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาก๊วยเดินออกมาจากห้องนอนทิ้งตัวนั่งที่โต๊ะไม้สักด้านหน้าเธอ…
ตาคมกริบมองยังใบหน้าสวยหวานที่นั่งมองเขาตาปริบ ๆ ก่อนที่กระพุ่มมือสวยจะยกขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม เขาจึงรับไหว้เธอแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกฟังดูน่าเกรงขามอยู่ในที
“ชื่ออะไร?”
“แก้วตาค่ะ”
“เป็นลูกหลานใคร?”
“หลานสาวแม่ใหญ่กลิ่นหมอนวดแหม่น้า” (หลานสาวยายกลิ่นหมอนวดไงน้า)
ขณะปากเล็กกำลังจะเอ่ยตอบทว่าหลานหมอธรรมก็พูดขึ้นก่อน เสที่นั่งอยู่บนโต๊ะไม้สักจึงเหลือบมองนะโมคล้ายตำหนิที่ตนไม่ได้ถามแต่เจ้าตัวเสือกตอบ
จากนั้นก็หันไปมองพิจารณาร่างเล็กผิวขาวเนียนด้านหน้าอีกครั้ง
“ผู้ใหญ่ลีบอกแล้วใช่ไหมว่ามาเป็นแม่บ้าน?”
เพราะดูท่าทางเหมือนกับว่าเธอนั้นจะทำอะไรไม่เป็น ดูจากอุ้งมือเล็ก ๆ ที่ดูนุ่มนิ่มเสียเหลือเกิน จะจับไม้กวาดได้ทั้งวันไหม จะหุงข้าวด้วยเตาถ่านเป็นหรือเปล่า อีกทั้งยังต้องซักผ้าให้เขาด้วยมือเพราะแม่บ้านคนเก่าทำไว้แบบนี้ร่างสูงจึงอดคิดไม่ได้
“เอ้า! เจ้ากะถามไปทั่วเนอะน้า คั่นเอื้อยแก้วตาเลาบ่มาเป็นแม่บ้านแล้วเลาสิมาเป็นอีหยัง” (อ้าว! น้าก็พูดไปเรื่อยนะ ถ้าพี่แก้วตาไม่ได้มาเป็นแม่บ้านแล้วเขาจะมาเป็นอะไร)
“แล้วกูได้ถามมึงบ่?” (แล้วกูได้ถามมึงไหม)
เสได้ยินแบบนั้นก็เปลี่ยนท่านั่งเป็นชันเข่ายกเท้าข้างที่อยู่ใกล้นะโมเหยียบยังโต๊ะไม้สัก พอนะโมเห็นเท้าใหญ่ ๆ อยู่ห่างจากหน้าไม่ไกลมากนัก จึงยิ้มแห้งกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างลำบากแล้วเอ่ยบอกน้าของตนด้วยน้ำเสียงเสียวสันหลัง
“จังซั่นข่อยไปหารดน้ำต้นไม้ก่อนเด้อ” (ถ้างั้นฉันลงไปหารดน้ำต้นไม้ก่อนนะ)
พูดจบนะโมก็วิ่งลงบันไดไปข้างล่างทันทีทิ้งแก้วตาอยู่บนเรือนกับเสสองคน เมื่อแก้วตาเห็นนะโนวิ่งลงบันไดจนพ้นสายตาแล้ว ใบหน้ารูปไข่ปากนิดจมูกหน่อยก็หันกลับไปมองคนที่นั่งชันเข่าด้านหน้าอีกครั้ง แล้วตอบคำถามที่เขาถามเธอค้างไว้เมื่อครู่
“ผู้ใหญ่ลีบอกหนูแล้วค่ะ”
“ที่นี่หุงข้าวด้วยเตาถ่าน ซักผ้าด้วยมือ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรมากนัก ทำได้ไหม?”
“ทำได้สบายมากค่ะ”
แม้ร่างเล็กจะพูดด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจทว่าเขากลับไม่เชื่อ แต่ก็เลือกไม่พูดออกไปตามตรง จะรอดูให้เห็นกับตาว่าเธอจะทำได้อย่างที่พูดไหม ถ้าหากทำไม่ได้ก็คงต้องหาแม่บ้านคนใหม่
“งานก็ไม่มีอะไรมาก ช่วงเช้าตื่นมาทำกับข้าวพอเสร็จ ก็ทำความสะอาดเช็ดถูบ้านซักเสื้อผ้า หากว่างจะกลับไปบ้านหรือไปทำธุระส่วนตัวก็ได้ ตอนเย็นก็กลับมาทำกับข้าวมีแค่นี้”
เสแจงรายละเอียดให้แก้วตาฟังด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำเพื่อที่เขาจะไม่ต้องพูดซ้ำอีกครั้ง ซึ่งแก้วตาก็นั่งฟังอย่างตั้งใจ
“ส่วนเงินค่าจ้างจะจ่ายให้เป็นเดือน อยู่ฟรีกินฟรี หากติดขัดอะไรหรืออยากได้เงินค่าจ้างก่อนก็บอก”
“ขอบคุณค่ะ หนูเริ่มงานได้เลยไหมคะ?”
“แล้วแต่สะดวก”
สิ้นคำตอบร่างสูงก็หยิบสมุดจดบันทึกตารางนัดขึ้นดูว่าภายในเดือนต้องมีเดินทางไปทำพิธีที่ไหนไหม ส่วนแก้วตานั้นก็นั่งทบทวนรายละเอียดที่อีกคนบอกเมื่อครู่ ก่อนจะช้อนตาขึ้นกวาดมองเจ้าของใบหน้าหล่อคมคายด้วยหัวใจที่สั่นไหวขณะใบหน้าตัวเองนั่นเริ่มเห่อร้อนขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
ก่อนที่เจ้าของตาคมกริบจะละจากสมุดที่อยู่ในมือช้อนตาขึ้นสบกับเธอ คนตัวเล็กเห็นแบบนั้นก็ทำอะไรไม่ถูก จึงนั่งกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่ความเขินอายเมื่อแอบมองจนเขารู้ตัว ก่อนปากเล็กจะเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงติดขัด
“ต...ตอนเช้าอยากกินอะไรคะ?”
“ลองไปดูในตู้เย็น ว่ามีอะไรพอจะทำกินได้บ้าง ถ้าไม่มีก็ขึ้นมาเอาเงินไปซื้อ”
“ได้ค่ะ”
“ทุกมื้ออย่าลืมทำกับข้าวเผื่อตัวเองเอากลับไปกินที่บ้านกับยายด้วย จะทำกี่อย่างก็ได้เรื่องของกินของใช้ไม่หวง” พูดจบเสก็เดินไปเรียกนะโมที่อยู่ข้างล่างขึ้นมาบนเรือน เพื่อไปเตรียมของไว้สำหรับผู้รักษาที่จะมาในวันนี้
เมื่อแก้วตาเห็นเสเดินเข้าไปในห้องรับรองที่เต็มไปด้วยเครื่องสักการะกับนะโมแล้ว มือเล็กที่บีบกันแน่นก็ค่อย ๆ คลายออกใบหน้ายิ้มอย่างเปิดเผย
ก่อนจะนั่งบิดเขินอายเมื่อนึกถึงอีกคนที่ใจดีกับเธอแถมยังดูอบอุ่นเป็นไหน ๆ ก่อนจะรีบดึงสติตัวเองกลับมาแล้วเดินลงไปข้างล่าง
เข้าไปในครัวเพื่อดูว่าในตู้เย็นมีอะไรทำกินบ้าง เมื่อเห็นว่ายังพอมีแก้วตาก็เอาวัตถุดิบออกมาข้างนอกแล้วไปนั่งก่อไฟเตาถ่านเพื่อหุงข้าว...