ทางด้านเสนั่งอยู่ในห้องรับรองไม่นาน นายอุทัยก็พาอุทิศลูกชายของตนที่พ่อหมอเคยถอนของออกให้ เดินค้อมตัวเข้ามาภายในห้องด้วยความนอบน้อม เพื่อถวายเครื่องบูชาครูเมื่อหายเป็นปกติแล้ว
ร่างสูงที่นั่งอยู่บนพรมสีดำมองนายอุทิศผู้ที่โดนคุณไสยมนต์ดำถือขันธ์ห้าและขันธ์แปดที่ภายในขันธ์มีเหรียญหนึ่งสลึงและผ้าแพรวาหนึ่งผืนเดินมานั่งลงด้านหน้า จากนั้นสองพ่อลูกก็ยกมือไหว้เขาด้วยความเคารพนับถือ ซึ่งหมอธรรมวัยสามสิบต้น ๆ ก็นั่งมองนิ่ง ๆ แล้วเอ่ยถามอุทิศ
“หายดีแล้วใช่ไหม?”
“ครับ”
“งั้นก็ถวายเครื่องครู”
สิ้นเสียงทุ้ม อุทิศก็ยกเครื่องบูชาครูที่ตนนำมาถวายแด่หมอธรรม ก่อนที่มือหนาจะเอื้อมไปรับเครื่องครูบูชาและเงินปงคายที่อุทิศถวายให้โดยไม่ทราบว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใด เนื่องจากไม่ได้ระบุไว้ แล้วแต่ศรัทธาที่ผู้รักษาจะให้ แต่ถ้าหากใครไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรเพราะหมอธรรมก็ไม่ได้คิดค่าครูอยู่แล้วถือว่าช่วยฟรี เมื่อรับเครื่องครูมาแล้วก็วางลงด้านข้าง
จากนั้นก็หยิบวัตถุมงคลที่ผ่านการปลุกเสกมาเป็นอย่างดีวางลงบนฝ่ามือนายอุทิศที่แบอยู่ด้านหน้า แล้วหันไปหยิบไม้พรมน้ำมนต์ชุบยังขันน้ำมนต์ที่หลานชายเป็นคนถือ ก่อนจะประพรมยังศีรษะนายอุทิศ ขณะริมฝีปากนั้นขยับท่องบทคาถาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองชายหนุ่มด้านหน้าด้วยเสียงชัดถ้อยชัดคำจนคนที่อยู่ภายในห้องรับรู้ถึงแรงกล้าของผู้มีวิชา
ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ โยจามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโธ ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง พุทธานุภาเวนะ วินาสะเมนตุฯ
ภายในห้องรับรองนั้นเงียบสงัดเช่นเดียวกับด้านนอกที่ไม่มีแม้แต่เสียงนกเสียงกาให้ได้ยินมีเพียงเสียงบทสวดที่ดังก้องกังวาน กระทั่งสิ้นเสียงทุ้มดังสายน้ำไหลรินร่างสูงก็เป่าลงยังศีรษะชายหนุ่มด้านหน้า
เมื่ออุทิศรับรู้ถึงลมเย็น ๆ เป่าลงยังศีรษะจึงก้มกราบหมอธรรมด้วยความเคารพนับถือและศรัทธาในตัวท่านที่ช่วยเขาจากการโดนของต่ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
หลังจากเสร็จสิ้นพิธี นายอุทัยและลูกชายของตนก็นั่งคุยกับพ่อหมออยู่ภายในห้องรับรองอีกสักพัก เนื่องจากตนเดินทางมาไกลจึงยังไม่อยากรีบกลับ...
ทางด้านเสขณะกำลังนั่งคุยกับอุทิศและอุทัย สายตาก็เหลือบเห็นร่างเล็กผิวขาวเนียนหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูกำลังถูพื้นด้านนอกอยู่อย่างขะมักเขม้น เห็นแล้วก็ภูมิใจแทนครอบครัวเธอ ที่เลี้ยงดูหลานให้รู้จักขยันขันแข็งเอาการเอางานแถมกับข้าวก็ยังทำอร่อยอีกต่างหากซึ่งหาได้ยากในเด็กยุคสมัยนี้...
หมอธรรมผู้ที่คนต่างพากันเคารพนับถือนั่งมองหลานสาวหมอนวดที่อยู่ด้านนอกด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเตรียมเบี่ยงสายตาไปทางอื่นทว่าเห็นแก้วตาเกือบลื่นล้มหน้าคะมำลงพื้นที่เธอถูอยู่แต่ดีที่ทรงตัวได้
เสจึงหลุดยิ้มกับความซุ่มซ่ามไม่ระวังตัวของเธอ...
ขณะตาคมกริบนั้นยังมองร่างเล็กไม่ละไปไหน กระทั่งเจ้าของใบหน้าสวยหวานมองเข้ามาภายในห้องที่เปิดประตูไว้ เห็นเขามองอยู่เธอจึงเม้มปากแน่น ใบหน้าที่เคยขาวใสแปรเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อ ก่อนจะถือถังน้ำแล้วรีบวิ่งลงไปข้างล่างทันที
พอเห็นแบบนั้นเจ้าของใบหน้าหล่อก็ได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ ...
“น่าอายขายขี้หน้าชะมัด”
“จะทำตัวสวย ๆ ให้เขาหลงเลยไม่ได้หรือไง”
ทางด้านแก้วตาเมื่อวิ่งลงมาข้างล่างด้วยใบหน้าเห่อแดงปากก็ขยับบ่นอุบอิบไม่หยุดที่ทำตัวขายขี้หน้าต่อคนที่เธอแอบชอบ ก่อนจะหันกลับขึ้นไปบนเรือนอีกครั้ง จากนั้นก็เดินเอาผ้าถูพื้นไปซักตากที่ราวไม้ข้างห้องน้ำด้วยใบหน้าหงิกงอ
พอเดินกลับมาก็เห็นชายสองคนที่มาหาหมอธรรมเดินลงบันไดบ้านมาพอดี แก้วตาจึงส่งยิ้มให้ทั้งสองตามมารยาท แล้วยืนมองสองพ่อลูกเดินไปยังรถกระทั่งขับออกไป จากนั้นก็เดินกลับขึ้นไปบนเรือนเห็นนะโมเดินคุยกับเสออกมาจากห้องรับรองพอดี
“เดี๋ยวข่อยไปเบิ่งพ่อใหญ่มีชัยก่อนเด้อ” (เดี๋ยวฉันไปดูตามีชัยก่อนนะ) เนื่องจากพ่อกับแม่ของนะโมไปนาไม่มีใครอยู่บ้าน ตนจึงจะกลับไปดูพลายมีชัยช้างของพ่อตนที่เลี้ยงไว้
“สิไปกะไป บอกกูเฮ็ดหยัง” (จะไปก็ไป บอกกูทำไม)
“เอ้า! เผื่อเจ้าคิดฮอดข่อยกะเลยบอกไว้” (อ้าว! เผื่อน้าคิดถึงฉันก็เลยบอกไว้)
พูดจบนะโมก็รีบวิ่งไปทางบันไดเพราะกลัวโดนส้นตีนของน้าชาย ขณะกำลังเดินลงบันไดก็สวนกับแก้วตาพอดีนะโมจึงส่งยิ้มให้ จากนั้นก็วิ่งลงไปข้างล่างตรงไปยังรถมอเตอร์ไซค์ของตนแล้วขับออกไปทันที ทางด้านเสเมื่อละสายตาจากแผ่นหลังหลานชายก็เห็นแก้วตายืนมองเขาโดยไม่พูดอะไร จึงเลิกคิ้วแล้วถามออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“มีอะไร?”
“เอ่อ คือหนูจะถามว่ามีผ้าให้ซักไหมคะ?”
“ลองเดินเข้าไปดูในห้องนอน”
“ให้หนูเดินเข้าไปในห้องคนเดียวเหรอคะ?” แม้รู้ว่าเขาไว้ใจเธอ แต่ให้เดินเข้าไปในห้องนอนซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขาคนเดียวก็เกรงใจไม่น้อยจึงถามออกไปเพื่อให้แน่ใจ
“ตามมา” พอเสเห็นท่าทีของร่างเล็กด้านหน้าจึงเดินนำหน้าเธอเข้าไปในห้องนอนตัวเอง ซึ่งแก้วตาก็รีบเดินตามเขาเข้าไปด้วยท่าทีประหม่าหัวใจเต้นสั่นระรัวไม่หยุด
เมื่อทั้งสองเข้ามาอยู่ภายในห้องนอน ใบหน้าหล่อคมคายก็หันไปเอ่ยบอกหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ตะกร้าใหญ่เอาไปซักได้ ส่วนตะกร้าเล็กเดี๋ยวจัดการเอง”
“ทำไมเหรอคะ หนูซักได้ไม่เป็นอะไรเลย”
“แต่มันเป็นกางเกงในที่ใส่แล้ว”
“ซักได้ค่ะ หนูเคยซักให้ยายบ่อย” พอเสได้ยินแก้วตาบอกแบบนั้นก็เลือกไม่ปฏิเสธในเมื่อเธออยากทำ
“ห้องนอนเข้ามาได้ตลอด ตอนเข้ามาทำความสะอาดจะได้ไม่ต้องขออนุญาต”
“รับทราบค่ะ”
พูดจบใบหน้าสวยหวานก็ฉีกยิ้มกว้างส่งให้คนด้านหน้าที่ยืนมองเธอด้วยใบหน้าเรียบนิ่งขณะมือหนาเลื่อนลงจับชายเสื้อยืดแล้วจัดการถอดออกต่อหน้าเธอ ทั้งที่สายตาไม่ละจากใบหน้าสวยหวานก่อนจะทิ้งเสื้อลงยังตะกร้า เผยให้เห็นเรือนร่างกำยำน่าหลงใหล
...ก่อนจะเดินออกไปข้างนอกด้วยกางเกงขาก๊วยเพียงตัวเดียว
ปล่อยให้แก้วตายืนเม้มปากแน่นหายใจติดขัดหัวใจเต้นสั่นระรัวกับการกระทำของเขาเมื่อสักครู่ ก่อนจะรีบตั้งสติทั้งที่ใบหน้าเห่อร้อน ทิ้งตัวนั่งลงยังพื้นถือตะกร้าผ้าแล้วเดินตามเจ้าของแผ่นหลังกำยำที่เต็มไปด้วยรอยสักน่าพุ่งเข้าไปสวมกอดเดินออกไปข้างนอก
เมื่อเดินออกมาข้างนอกห้องนอนแล้วแก้วตาก็รีบเอาผ้าลงไปซักตาก ด้านเสเมื่อนั่งลงยังโต๊ะไม้สักตาคมก็ช้อนขึ้นมองร่างเล็กถือตะกร้าผ้าเต็มสองมือเดินลงไปข้างล่าง ด้วยความรู้สึกถูกอกถูกใจกับความขยันของเธอ
กระทั่งร่างเล็กเดินพ้นสายตาจึงหยิบรีโมทเปิดโทรทัศน์เพื่อดูมวย...