ศัสตรา 7

2193 Words
หลังจากทำงานบ้านเสร็จแก้วตาก็ขอเสกลับไปบ้านเพราะไม่รู้จะอยู่ทำอะไร จะให้นั่งมองเขาทั้งวันก็ไม่ได้ เมื่อกินข้าวอิ่มก็ถือหนังสือออกไปนั่งอ่านที่เปลใต้ต้นมะม่วงหน้าบ้านซึ่งมียายกลิ่นนั่งตำหมากอยู่ที่แคร่ไม้ข้าง ๆ เปล “ทำงานที่บ้านพ่อหมอเสร็จแล้วเหรอ?” “ใช่จ้ะยาย แต่ตอนเย็นหนูต้องไปทำกับข้าว” “ไปบ้านหมอธรรมได้ทำอะไรของเขาพังไหม?” เพราะรู้ว่าหลานสาวเป็นคนซุ่มซ่านแม้จะขยันขันแข็งจึงเอ่ยถามออกไป พอแก้วตาได้ยินแบบนั้นก็นึกถึงเรื่องเมื่อเช้าที่เธอทำต้มปลาหกใส่ตักอีกคนเพียงเพราะตกใจที่จับมือเขาเท่านั้น ก่อนใบหน้าสวยหวานจะผุดยิ้มออกมาโดยลืมตอบคำถามของยายเมื่อครู่ไปสนิทเพราะเอาแต่นึกถึงอีกคนที่เพิ่งออกจากบ้านเขามา เมื่อกลิ่นเห็นหลานสาวเงียบไปจึงช้อนตาขึ้นมอง พอแก้วตาเห็นยายเธอหันมามองจึงรีบหุบยิ้มแล้วตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก “ไม่ได้ทำจ้ะยาย” “ดีแล้ว ระวังไว้ด้วยถ้าหากทำข้าวของเขาพังขึ้นมาเดี๋ยวไม่มีตังค์ไปชดใช้อีก” “จ้ะ” จากนั้นสองยายหลานก็นั่งคุยกันอีกสักพักแก้วตาก็นั่งอ่านหนังสือต่อ โดยกลิ่นก็เหลือบมองหลานเป็นระยะ ๆ โดยไม่พูดอะไร ทั้งที่ในใจนั้นมีหลากหลายความรู้สึกแต่ก็พูดออกมาไม่ได้ ช่วงเย็นของวันเมื่อปั่นจักรยานมาถึงบ้านหมอธรรมที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน ตาคู่สวยก็มองขึ้นยังบันไดเห็นร่างสูงเดินถือผ้าขาวม้าลงมาพอดี แก้วตาจึงรีบเดินไปหยุดยืนด้านหน้าเสแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เย็นนี้อยากกินอะไรคะ?” “ทำอะไรก็ได้ กินได้หมด” “ค่ะ” เพราะสำหรับตัวเขาเองกินได้หมดทุกอย่างยกเว้นรกโคกระบือ งู และของเหลือจากคนอื่นเพราะมันผิดครูจึงเคร่งครัดข้อนี้เป็นอย่างมากซึ่งทางแก้วตาก็รู้ดี เมื่อได้คำตอบแก้วตาก็เดินเข้าไปในครัวแล้วนำวัตถุดิบที่คิดไว้ออกมาจากตู้เย็น จากนั้นก็เดินออกไปนอกชายคาบ้านเพื่อก่อไฟหุงข้าว ขณะนั่งก่อไฟข้างห้องน้ำก็ได้ยินเสียงคนที่อยู่ข้างในตักน้ำอาบดังเป็นระยะๆ ใบหน้าสวยหวานจึงระบายยิ้มริมฝีปากกัดเม้มด้วยความเขินอาย เมื่อในหัวจินตนาการถึงคนที่ยืนอาบน้ำอยู่ พอก่อไฟเสร็จแก้วตาก็ลุกขึ้นเตรียมเดินเข้าไปในครัวทว่าสายตาเหลือบเห็นห้องน้ำที่มีช่องโหว่สามารถมองเข้าไปข้างในได้ จึงมีความคิดอยากแอบดูคนข้างในอาบน้ำ ขณะในหัวประมวลความคิดกระทั่งได้คำตอบเมื่อเห็นว่าโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อย… “ขอเห็นสักครั้งให้เป็นบุญตาหน่อยเถอะ” เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ไม่รอช้าขาเรียวเล็กรีบเดินตรงไปยังข้างห้องน้ำด้วยหัวใจเต้นสั่นระรัว ขณะกำลังจะถึงห้องน้ำทว่าเห็นรถพ่วงข้างและรถเวฟสีแดงขับเข้ามาในบ้านเสียก่อน แก้วตาจึงรีบกลับลำเดินไปนั่งทำทีก่อไฟอีกครั้ง “ก่อไฟหุงข้าวเหรอพี่แก้วตา” เมื่อก้านลงจากรถพ่วงข้างก็เอ่ยถามแก้วตาด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ ขณะในมือถือน้ำแข็งเดินตามไม้ที่ถือขวดน้ำอัดลมไปนั่งที่แคร่ไม้ใต้ต้นมะขาม “ชะ...ใช่” “น้าให้ทำเมนูอะไรอะ” นะโมเดินมานั่งลงข้างแก้วตาแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น เพราะมื้อนี้ทั้งสามคนว่าจะมาฝากท้องที่บ้านหมอธรรม “ไม่ได้บอก พี่เลยว่าจะทำพวกต้มกับแกง หรือนะโมอยากกินอะไร?” “ได้หมด ที่พี่แก้วตาเป็นคนทำ” ทางด้านเสหลังจากอาบน้ำเสร็จก็สวมใส่กางเกงขาก๊วยตัวเดียวข้างบนเปลือยเปล่ามีผ้าขาวม้าพาดบ่าก็เปิดประตูออกไป เห็นแก้วตากำลังคุยกับนะโมอยู่เขาจึงมองทั้งสองครู่หนึ่ง ก่อนเจ้าของร่างเล็กจะหันมามองแล้วเดินผ่านหน้าเขาเข้าไปในครัว เสจึงละสายตาจากเธอแล้วหันไปเอ่ยถามลูกศิษย์ “พวกมึงซื้ออะไรมากินกัน?” เห็นกระติกน้ำแข็งก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทั้งสามกินรของมึนเมาอะไรหรือเปล่า ซึ่งไม่ใช่ว่ากินไม่ได้เพียงแค่ไม่อยากให้เอามากินในบ้านตนเท่านั้น เพราะหากแขกไปใครมาเห็นลูกศิษย์นั่งกินเหล้าในเขตบริเวณบ้านจะทำให้ดูไม่ดีเอาได้ “น้ำอัดลมครับอาจารย์” ไม้ตอบพร้อมกับยกขวดน้ำอัดลมขึ้น “สบายใจได้ครับอาจารย์พวกผมไม่กินเหล้าในบ้านอาจารย์แน่นอนครับ นอกจากจะถือไปตั้งวงกินอยู่หน้าบ้านครับ” “เกือบดีแล้วไอ้ก้าน” นะโมที่ยืนฟังอยู่นานพูดพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะมองน้าชายของตนแล้วเอ่ยบอกสิ่งที่ถืออยู่ “พ่อข่อยได้ปลามา กะเลยเอามาฝากน้า” (พ่อฉันได้ปลามา ก็เลยเอามาฝากน้า) “เออ ขอบใจ เอาไปให้แก้วตาในครัวพู้นล่ะ” (เออ ขอบใจ เอาไปให้แก้วตาในครัวนู่นแหละ) เมื่อนะโมได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าตอบแล้วเดินผ่านหน้าเสเข้าไปในครัว ร่างสูงจึงละสายตาจากหลานชายมองยังลูกศิษย์สองคนที่นั่งอยู่แคร่ไม้เมื่อได้ยินทั้งสองเอ่ยเรียกพร้อมตบลงยังแคร่ “อาจารย์มานั่งนี่เร็ว” “เรียกกูเหมือนหมาเลยนะพวกมึง” “พวกผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลย” ก้านกับไม้รีบลุกจากแคร่เดินไปบีบนวดแขนให้อาจารย์ของพวกตนด้วยท่าทีเอาอกเอาใจ ก่อนจะพาร่างสูงไปนั่งที่แคร่ไม้... “หื่นไม่รู้เวล่ำเวลา เกือบโดนจับได้แล้วไหมล่ะ” ทางด้านแก้วตาเมื่อเข้ามาในครัวก็บ่นตัวเองอุบอิบไม่หยุด ที่เกือบทำรุ่มรามจนทั้งสามเกือบจับได้ว่าเธอเป็นพวกทถ้ำมอง ก่อนจะเห็นนะโมเอาปลามาเก็บไว้ในครัวแก้วตาจึงเลือกทิ้งเรื่องทั้งหมดแล้วรีบทำกับข้าวเดี๋ยวจะเย็นย่ำเสียก่อน... ทางด้านนะโมหลังจากเอาปลาที่พ่อตนหามาได้ไว้ในครัวเรียบร้อย ก็เดินออกไปข้างนอกเห็นเพื่อนทั้งสองกำลังนั่งคุยกับน้าชายของตนอยู่ใต้ต้นมะขามจึงรีบเดินเข้าไปหา “อาจารย์ได้ยินข่าวลือหมู่บ้านข้าง ๆ เราไหม?” “ข่าวอะไร?” เนื่องจากวัน ๆ อยู่แต่ในบ้านรอผู้รักษามาหาจึงไม่ค่อยได้ออกไปไหน นอกจากจะมีงานบุญใหญ่หรือถูกเชิญไปร่วมงานถึงจะออกไป เสจึงไม่ค่อยรู้เรื่องราวหรือข่าวลืออะไรมากนักหากแต่ว่าชาวบ้านไม่มาบอกกล่าว “ชาวบ้านลือกันว่ามีปอบ” ก้านพูดขยายความต่อจากไม้ด้วยท่าทีขนลุกเพราะได้ยินมาว่าหมู่บ้านข้าง ๆ ที่ห่างจากหมู่บ้านตนไปไม่กี่กิโลนั้น มีชาวบ้านล้มตายโดยไม่ทราบสาเหตุติดต่อกันหลายคน จึงกลัวว่าข่าวลือที่ได้ยินจะมายังหมู่บ้านของตน “ใครเป็น?” “ตอนนี้ยังบ่ฮู้ แต่ซาวบ้านสงสัยว่าสิเป็นแม่ใหญ่สาว” (ตอนนี้ยังไม่รู้ แต่ชาวบ้านสงสัยว่าจะเป็นยายสาว) จากคราแรกดูท่าทีเหมือนจะไม่สนใจ ทว่าพอได้ยินชื่อของคนที่นะโมเอ่ยถึงเมื่อสักครู่ ตาคมกริบจึงช้อนขึ้นมองหน้าหลานชายที่เพิ่งเดินออกจากครัว เพราะยายสาวคนที่ถูกกล่าวถึงเป็นหมอผีที่เก่งกาจเรื่องคุณไสยมนต์ดำมาก ๆ “อาจารย์ถ้าเป็นยายสาวจริง ๆ จะทำยังไง?” “มึงอย่าพึ่งตีตนไปก่อนไข้” เสเอ่ยบอกก้านลูกศิษย์ที่ขวัญอ่อนกว่าคนอื่น แม้รู้ดีว่าลูกศิษย์คงกลัวไม่น้อยเพราะเชื่อกันว่าคนที่เก่งวิชาไสยเวท หากผิดครูกลายเป็นปอบพลังมันจะแก่กล้ามาก ปราบก็แสนยากหากไม่ได้หมอผีที่เก่งจริง ๆ ก็ทำอะไรมันไม่ได้ ...แต่ทว่าเรื่องนี้ยังหาข้อสรุปไม่ได้จึงไม่อยากให้แตกตื่น พอไม้ได้ยินอาจารย์ของตนพูดแบบนั้นก็อดพูดขึ้นไม่ได้ “ผมก็ไม่อยากคิดนะอาจารย์ แต่ก็อดกลัวไม่ได้จริง ๆ” “ถ้ากลัวกลางค่ำกลางคืนพวกมึงก็อย่าออกจากบ้าน” ใบหน้าหล่อคมคายเอ่ยบอกพร้อมกวาดสายตามองหน้าลูกศิษย์และหลานก่อนจะทิ้งสายตาไปยังครัวที่มีคนตัวเล็กอยู่ข้างใน “เว้าแล้วกะกลับเฮือนดีกว่า” (พูดแล้วก็กลับบ้านดีกว่า) ไม่พูดเปล่านะโมรีบเดินไปยังรถเวฟสีแดงของตนเมื่อเห็นว่าพระอาทิตย์ใกล้ลับฟ้าแล้ว “มึงไม่นอนนี่เหรอวะไอ้โม?” “ไม่! กูจะกลับไปดูตาพุธหน่อยเผื่อออกบ้านกลางค่ำกลางคืน” เอ่ยตอบก้านจบนะโมก็สตาร์ตรถมอเตอร์ไซค์ขับออกจากบ้านเรือนไทยไปทันที เพื่อนทั้งสองได้ยินแบบนั้นก็มองหน้ากันแล้วพูดบอกอาจารย์ออกไป “ถ้างั้นคืนนี้พวกผมกลับไปนอนบ้านนะครับอาจารย์” “เออ” หลังจากมองลูกศิษย์ทั้งสองขับรถพ่วงข้างของตนออกไปจากบ้านแล้ว เสก็เดินเข้าไปในครัวเห็นแก้วตากำลังทำกับข้าวอยู่จึงเอ่ยถามเธอออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ทำกับข้าวใกล้เสร็จหรือยัง?” ด้านร่างเล็กขณะกำลังทำกับข้าวอยู่และคิดอะไรเพลิน ๆ พอได้ยินเสียงทุ้มดังขึ้นจึงสะดุ้งตกใจไม่น้อย ก่อนจะรีบหันไปทางเจ้าของบ้านที่ยืนกอดอกมองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ใกล้เสร็จแล้วค่ะ” “รีบทำ เสร็จแล้วก็รีบกลับบ้าน พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องทำกับข้าวเย็นมากจะได้กลับบ้านก่อนพระอาทิตย์ตกดิน” “ได้ค่ะ” แม้จะสงสัยไม่น้อยแต่แก้วตาก็เลือกไม่ถามอะไรออกไป พอเห็นเสเดินออกจากครัวแล้วเธอก็รีบตักกับข้าวใส่จานแล้วยกสำรับขึ้นไปข้างบน “วันนี้กลับบ้านไปก่อน เดี๋ยวล้างเอง” ขณะกำลังวางสำรับลงบนเสื่อก็ได้ยินเสียงทุ้มของคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่พูดขึ้น ใบหน้าสวยหวานจึงเงยขึ้นมองกำลังจะเอ่ยถามแต่เมื่อสีหน้าของอีกคนนั้นดูจริงจัง ร่างเล็กจึงรีบกลืนคำถามลงคอแล้วตอบออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ค่ะ” “อย่าลืมเอากับข้าวกลับไปกินด้วยล่ะ” “ค่ะ” เมื่อพูดจบแก้วตาก็เดินลงบันไดบ้านเข้าไปหยิบถุงกับข้าวที่เตรียมไว้ แล้วเดินไปยังรถจักรยานที่จอดอยู่ใต้ต้นมะขามช้อนตาขึ้นมองไปยังบนบ้านอีกครั้ง จากนั้นก็ปั่นจักรยานออกจากบ้านหมอธรรมทันที โดยมีร่างสูงนั่งกอดอกมองเธอปั่นจักรยานออกไปจากบ้านเรือนไทยกระทั่งพ้นสายตา... แก้วตาปั่นจักรยานออกจากบ้านหมอธรรมด้วยท่าทีอารมณ์ดี ใบหน้านั่นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะกวาดสายตามองรอบข้างเมื่อเห็นบ้านเรือนของชาวบ้านแต่ละหลังนั้นปิดเงียบเชียบ ไม่มีชาวบ้านออกมาเดินเพ่นพ่านหรือพูดคุยกันเหมือนเคย ทั้งที่ตอนนี้ยังเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้อยู่เลย ตลอดระยะทางได้ยินเพียงเสียงโซ่รถจักรยานเก่า ๆ ของเธอดังขึ้นเป็นระยะ ๆ เท่านั้น ส่วนบรรยากาศรอบตัวก็เย็นยะเยือกเมื่อสายลมเย็น ๆ กระทบผิวทำเอาขนลุกชูชันเสียวสันหลังไม่น้อยจึงรีบเร่งฝีเท้าปั่นจักรยานเร็วขึ้น ดีที่บ้านของเธออยู่ไม่ไกลจากบ้านหมอธรรมมาก ซึ่งใช้เวลาไม่นานหัวรถจักรยานก็เลี้ยวเข้าไปในบ้านปูนชั้นเดียว ก่อนจะเห็นยายเธอยืนรออยู่หน้าประตูบ้าน “กลับมาแล้วจ้ะ” “รีบไปหาอาบน้ำอาบท่า เดี๋ยวยายจัดกับข้าวรอ” “จ้ะ” เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาในบ้านกลิ่นก็รีบปิดบ้านก่อนจะรับถุงกับข้าวจากหลานสาวไปจัดใส่จาน ส่วนแก้วตาก็เดินไปคว้าผ้าถุงแล้วเดินไปทางประตูหลังบ้านเพื่อไปหาอาบน้ำให้เรียบร้อย หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแก้วตาก็เดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้างกลิ่น จากนั้นสองยายหลานก็นั่งกินข้าวและพูดคุยสารทุกข์สุกดิบตามประสายายหลาน กระทั่งละครก่อนข่าวภาคค่ำจะมาจึงหยุดพูดคุยกันเพื่อนั่งดูละครอย่างตั้งใจ ซึ่งมันเป็นภาพแสนธรรมดาแต่ก็ทำให้ทั้งสองมีความสุขมาก จนแก้วตาอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ไม่อยากให้ภาพด้านหน้าจางหายไปเลย อยากให้ยายของเธออยู่ด้วยกันไปนาน ๆ แม้เธอจะรู้ดีว่ายายของเธอก็ต้องแก่ลงทุกวัน...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD