บทที่3/ก็บอกแล้วว่าข้ามิใช่คนดี!

2090 Words
อี้หลานฮวามองความวุ่นวายโกลาหลด้วยสายตาเย็นยะเยือก นางพึงใจหยวนเยี่ยเจานั้นก็คือความจริง แต่นางก็รักครอบครัว รักศักดิ์ศรีของตนเองกับสกุลอี้นั้นยิ่งจริงกว่าหลายเท่า มาหยามเกียรติหมิ่นศักดิ์ศรีกันถึงเพียงนี้คิดว่านางไร้เดียงสาจนถึงขึ้นเบาปัญญาไปเลยหรือไรจึงมองสถานการณ์นับจากเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาไม่ออก นางไว้หน้าถึงเพียงนี้ก็นับว่าตนเองให้เกียรติราชวงศ์มากพอสมควรแล้ว ...หาไม่นางคงบุกขึ้นไปบนรถม้าคันหรูหราแล้วขอดูหน้าผู้อยู่ภายในให้กระจ่างตาไปแล้ว!... ถึงนางจะรักหยวนเยี่ยเจามาหลายปี แต่นางก็รักตนเองด้วยเช่นกัน รังแกนาง อี้หลานฮวาไม่คิดมากพอจะอภัยกันได้ แต่รังแกคนสกุลอี้นางหายอมไม่ ทอดทิ้งนางในราตรีเข้าหอ ก็หยามหน้าคนเช่นนางไปถึงบรรพชนสกุลอี้มากพอแล้ว ในยามเช้ามาเยือนนางยังถูกมารดาของพระสวามีกดขี่ข่มเหงรังแกและลงโทษกันโดยไร้ซึ่งความเป็นคนผู้มีเกียรติไปจนสิ้น นางยังเป็นเพียงเด็กสาวนั้นไม่เถียง ในต้าหยวนสตรีเริ่มออกเรือนในวัยสิบแปดปี เพราะหนึ่งจบการศึกษาด้านการเรือนโดยสมบูรณ์ แต่ถึงอี้หลานฮวานั้นอายุเกิดมาเพียงสิบห้าปี แต่การเป็นบุตรสาวและหลานสาวคนเดียวของสกุลอี้ นางย่อมได้รับแต่สิ่งซึ่งดีที่สุด แม่นมที่ยอดเยี่ยม ไปจนถึงสำนักศึกษาที่คนทั่วแผ่นดินอยากเข้าแต่ยากยิ่งนักจะได้เข้าไปศึกษา ต่อให้เป็นองค์หญิงบางพระองค์ยังสิ้นโอกาสจะได้เข้าไป แต่นางกลับได้เข้าไปศึกษาเล่าเรียนตั้งแต่วัยได้เพียงเก้าปี แต่นอกจากนางคือบุตรสาวและหลานสาวของคนกุลอี้ที่ร่วมก่อตั้งราชวงศ์หยวนจนรวมเป็นแผ่นดินต้าหยวนได้แล้วนั้น การที่อี้หลานฮวานั้นเข้าสำนักศึกษาหลวงได้ก็เนื่องจากนางสอบเข้าไปด้วยความสามารถและสติปัญญาของตนเองทั้งสิ้น และนางคือศิษย์หญิงคนเดียวที่เข้าศึกษาวิชาด้านการแพทย์อีกด้วย หาใช่บรรดาคุณหนู ท่านหญิง หรือองค์หญิงผู้อื่นที่ได้ศึกษาเพียงวิชาการเรือน โคลงกลอน วาดภาพ และศาสตร์ด้านการชงชาเท่านั้น หากแผ่นดินต้าหยวนยอมรับในตัวขุนนางหญิง รับรองว่าอี้หลานฮวาย่อมจะยังไม่เร่งแต่งงาน แต่นางคงเลือกรอสอบจอหงวนและเลือกเป็นขุนนางหญิงเสียก่อน ยากจะเลือกความรักมาก่อนเช่นวันนี้ แต่เพราะชาวต้าหยวนยกบุรุษเป็นใหญ่ นางซึ่งเกิดมาเป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวของตระกูล จึงมีหน้าที่ก็แค่เพียง ‘ต้องแต่งงานเข้าราชวงศ์’ ตามสัญญาแต่อดีตกาลนานมาร่วมสองร้อยปีที่เกิดเป็นแผ่นดินมาถึงทุกวันนี้ ภายนอกนั้นคือภาพที่ราชวงศ์ตอบแทนสกุลอี้ที่ช่วยเหลือสกุลหยวนจนรวมแผ่นดินสามแคว้นใหญ่ ซึ่งหากสกุลอี้เรียกร้องเป็น ‘อ๋องต่างแซ่’ แล้วแยกตนไปปกครองหนึ่งแคว้นล้วนย่อมได้ แต่สกุลอี้กลับเลือกหนทางเป็นขุนนางและเหล่าแม่ทัพปกป้องอาณาจักรต้าหยวนแทน ดังนั้นแล้วอดีตปฐมฮ่องเต้จึงทำพันธสัญญาว่าหากสกุลอี้มีบุตรีให้แต่งงานเข้าราชวงศ์ จะเป็นหนึ่งในสี่ของพระชายาในฮ่องเต้ หรือจะเป็นพระชายาในองค์ชายพระองค์ใดย่อมได้ทั้งสิ้น ส่วนหากมีบุตรชายก็ต้องได้ขึ้นเป็นขุนนางรับใช้ใกล้ชิดกับมีตำแหน่งในกองทัพจะเล็กหรือใหญ่ก็จะต้องมีคนสืบทอด หากแต่ความเป็นจริงหนึ่งก็คือต้องการควบคุมสกุลอี้ด้วยการ ‘ยึด’ บุตรีของคนสกุลอี้เอาไว้เป็น ‘ตัวประกัน’ หากเป็นสตรี กับข้อสองสายโลหิตที่เกี่ยวดองกันย่อมยากที่สกุลอี้จะทรยศราชวงศ์ไปได้เป็นแน่ กับข้อสุดท้ายหากสายโลหิตที่แท้จริงของสกุลอี้เป็นบุรุษมากไปย่อมควบคุมยาก แต่สังหารกันตรงไปตรงมาย่อมไม่ได้ แต่หากส่งพวกเขาไปตายในสนามรบราชวงศ์ก็ดูขาวสะอาด ส่วนคนของสกุลอี้ยังได้เชิดชูเกียรติว่าเป็นผู้ปกป้องแผ่นดิน มีแต่ฝ่ายดีได้ผลประโยชน์แต่ผู้ใดจะทราบความขมขื่นของคนสกุลอี้บ้าง ทว่าเมื่อตกมาถึงรุ่นของท่านปู่ทวดของนาง เขานั้นรู้เท่าทันฝ่ายราชวงศ์ แน่นอนว่าบุตรชายยากจะหลีกหนีพ้นไปจากการเป็นขุนนางและทหารได้ แต่บุตรสาวหากมีจะต้องถูกซุกซ่อนหรือไม่ก็ส่งไปชายแดน ตบแต่งไปอยู่ชนบทเงียบๆ แต่หลบหลีกได้ไม่ถึงสองรุ่น อี้หลานฮวาซึ่งเป็นรุ่นที่สามกลับยากจะหลีกพ้น ยิ่งพอนางเติบโตแล้วมีใจปฏิพัทธ์ต่อคู่หมั้นคู่หมายของตนเอง พันธสัญญาแต่อดีตจึงดำเนินขึ้นอีกครั้ง พี่ชายของอี้หลานฮวาทั้งสองคนได้เป็นแม่ทัพใหญ่ยังทิศบูรพาและประจิม ส่วนนางก็ต้องแต่งงานมาเป็นพระชายาเอกขององค์ชายใหญ่หยวนเยี่ยเจา แต่ผู้ใดจะทราบว่าภายใต้เล่ห์เหลี่ยมการเมืองเหล่านี้เด็กสาววัยเพียงหกขวบปีก็ต้องศึกษาทั้งตำราพิชัยสงครามรวมไปถึงการฝึกฝนวิชาแพทย์อันประเสริฐเลิศล้ำของสกุลของฮูหยินผู้เฒ่าอี้ที่มาไกลจากชนเผ่าลึกลับซึ่งอยู่แดนใต้ ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ห่างไกลจากชายฝั่ง แต่เพราะคราวนั้นท่านปู่ของนางต้องไปปราบโจรสลัดแล้วถูกพิษร้ายเข้าจนคิดว่าตนเองอาจจะสิ้นชีพเสียแล้ว หากกลับถูกท่านหัวหน้าเผ่ามาพบจึงช่วยเหลือแล้วนำพาท่านปู่ของนางไปจนพบกับท่านย่าที่เป็นบุตรสาว แล้วสุดท้ายตำนานรักระหว่างแม่ทัพกับบุตรสาวของหัวหน้าเผ่าแห่งนั้นก็จบลงด้วยการแต่งงานจนมีท่านพ่อ ท่านอาอีกหลายคน ซึ่งนับจากนั้นท่านปู่ของนางก็ได้ก้าวขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งของอัครมหาเสนาบดีคู่พระทัยฮ่องเต้ และแน่นอนที่สุดสาเหตุซึ่งต้องย้ายขุนนางฝ่ายบู๊ผู้เก่งฉกาจเช่นท่านปู่ของนางไปอยู่ข้างกาย ก็เพราะฮ่องเต้พระองค์นี้ล้วนไม่เคยวางพระทัยผู้ใดโดยง่าย ต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลมเสมอ ดังเช่นที่เขา ‘กำจัด’ สายโลหิตซึ่งเป็นของตนเองทิ้งจนหมด เพียงเพื่อปูทางเอาไว้ให้แค่เพียงสายโลหิตที่เขาต้องการเพียงเท่านั้น พยัคฆ์ไม่เคยกินลูกตนเอง หรือขนาดสุนัขมันก็ยังต้องปกป้องลูกของมันจนสุดชีวิต แต่ฮ่องเต้พระองค์นี้ดวงใจอำมหิตราวกับอสรพิษที่จะกินลูกตัวที่ไม่สำคัญ เหลือเอาไว้เพียงหนึ่งที่มันจะเฝ้าฟูมฟักและปกป้องอย่างดี รอให้เจ้างูพิษน้อยตัวนั้นเติบโตเต็มตัว มันจึงมอบอาณาเขตให้เจ้าไข่ลูกยอดที่มันฟูมพักต่อไป! “พระชายาอี้เพคะ แล้วเช่นนี้พวกเรา…” จื่อชิงที่เดินตามเรือนกายอรชรกลับไปยัง ‘อดีต’ เรือนหอที่บัดนี้ถูกทิ้งร้างเหลือเอาไว้เพียงนางได้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียว “อย่าได้ว้าวุ่นใจไป จดหมายของข้าคงถึงมือพี่ใหญ่แล้ว ข้าก็เพียงรอ…เท่านั้นหึ! ... ข้าก็อยากจะรู้เช่นกันว่าคนเหล่านั้นกำลังแสดงงิ้วบทใดอยู่” …รักเขานั้นมากมาย แต่รักตนเองย่อมมีมากกว่า… ถึงอี้หลานฮวานั้นยังเยาว์และไร้เดียงสา หากทว่านางมิได้เบาปัญญาเลยแม้แต่น้อย นางเติบโตมากับท่านย่าผู้เก่งกาจด้านยาต้านพิษ และเติบโตมากับท่านแม่ที่เป็นบุตรสาวจากแดนเหนือที่มากมายไปด้วยความสามารถด้านการปรุงพิษเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้นแล้วหกขวบนางปรุงยาพิษได้และปรุงยาถอนพิษเป็นจึงยังนับว่าช้าไปเสียด้วยซ้ำ เช่นนี้ที่หยวนเยี่ยเจานั้นหลบหนีค่ำคืนเข้าหอโดยแอบอ้างว่าไป ‘ตรวจราชการ’ ไกลถึงชายแดนหลายพันลี้ คนเช่นนางมีหรือจะยินดีไปยืนส่งเจ้าบ่าวด้วยความไร้เดียงสา ในรถม้าหรูหราขบวนนั้นมันธรรมดาที่ใด หลอกเด็กหญิงอาจจะพอหลอกกันได้ แต่มาหลอกเด็กสาวที่สอบได้เป็นอันดับหนึ่งของวิชาแพทย์ทุกปี เกรงว่าสกุลหยวนจะดูเบาสกุลอี้เกินไปแล้ว! “แล้วกำหนดการไปยกน้ำชาให้กับฮ่องเต้และฮองเฮาเล่าเพคะ?” เรียวปากเล็กและงดงามหยาดเยิ้มยกขึ้นเพียงข้างเดียวแล้วก็จางหายไป แต่ดวงตานั้นฉายแววมากเล่ห์ล้านเหลี่ยมออกมาอย่างที่จื่อชิงเห็นแล้วยังขนด้านหลังลำคอลุกชันทันใด “ก็…เฉิงกุ้ยเฟยทรงล้มป่วยกะทันหัน สะใภ้แสนดีเช่นข้าย่อมต้องอยู่ดูแลป้อนข้าวป้อนยาสิจึงจะนับเป็นสะใภ้ผู้กตัญญู พี่จื่อชิงว่าจริงหรือไม่?” กล่าวจบก็แย้มยิ้มซุกซนออกมาหนึ่งสายแล้วจึงเท้าคางเคาะปลายจมูก ซึ่งต่อให้ท่านอัครมหาเสนาบดีใหญ่อี้ ผู้เป็นท่านปู่ของอี้หลานฮวาพบเห็นกิริยาเช่นนี้ของหลานสาวสุดที่รักของตนเองก็อาจถึงขั้นขวัญผวา แล้วจื่อชิงเองมีหรือจะรอด เลี้ยงดูคุณหนูของตนเองมาถึงสิบห้าปีย่อมแตกฉานความร้ายกาจ ภายใต้ใบหน้าซื่อดวงตาใสแจ๋วนี่แหละทำร้ายผู้ใดจับมือคนผิดไม่เคยได้สักครา… …งานนี้จื่อชิงคิดว่าสวรรค์ส่งนรกช่างรังแกฮ่องเต้กับเฉิงกุ้ยเฟยโดยแท้ที่มอบสะใภ้เช่นอี้หลานฮวามาให้พวกเขาทั้งสอง… “คิดออกแล้ว!” แน่นอนว่าจื่อชิงหนาวสะท้านไปกับกิริยาตื่นเต้นดีใจเกินกว่าเหตุของอดีตคุณหนู แต่ปัจจุบันคือ ‘พระชายาอี้’ ตัวน้อยหน้าก็ซื่อแล้วตายังใสแจ๋วตรงหน้ายิ่งนัก แต่ความร้ายกาจเกรงว่าจะห่างไกลจากใบหน้างดงามหลายหมื่นลี้เลยก็ว่าได้ “ข้าจะไปต้มน้ำแกงบำรุงร่างกายตอบแทนท่านแม่สามี เห็นทีจะสมควรอย่างยิ่ง!” ฟังความตั้งอกตั้งใจ ‘กตัญญู’ ต่อพระมารดาของพระสวามีที่ชวนซาบซึ้งตราตรึงใจจนจื่อชิงนั้นถึงกับขวัญเตลิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่คงเพราะนางเติบโตเลี้ยงดูอี้หลานฮวามาพร้อมกับแม่นมและมารดาของเด็กสาวตรงหน้า ถึงจะเสียขวัญแต่ก็เก็บกลับมาได้โดยเร็ว ไม่ปล่อยให้ตนเองเสียสติไปได้นาน ก็ขนาดต้องตามคุณหนูไป ‘ผ่าซากศพคน’ ตั้งแต่อี้หลานฮวาวัยเพียงเจ็ดหนาวก็ล้วนเคยทำมาแล้ว “จริงเพคะ สมควรอย่างยิ่ง!” ย่อมแน่นอนอยู่แล้วว่านางเป็นผู้น้อยมีหรือจะขัดใจผู้เป็นใหญ่กว่า แล้วน้ำแกงสูตร ‘พิเศษ’ เพื่อพระมารดาของ...บุรุษนิสัยไม่ดีที่ทอดทิ้งนางก็ถูกเคี่ยวขึ้นอย่างตั้งอกตั้งใจและพิถีพิถัน! จนคนที่เสแสร้งแสดงว่าเจ็บป่วยนั้นได้ป่วยไข้จริง ยากจะกลับวังหลวงไปปรนนิบัติฮ่องเต้ได้ถึงสิบห้าวัน หมอหลวงเองยังจนปัญญาแก้ไขอาการ และแน่นอนอี้หลานฮวาเป็นสะใภ้กตัญญูย่อมต้อง ‘ดูแล’ พระมารดาของเจ้าบุรุษสารเลวที่บังอาจตบแต่งสตรีอื่นก่อนนางหนึ่งวัน พอตกมาถึงคราวนาง เขาก็ทอดทิ้งกันไป! ...รักมากย่อมแค้นได้มากกว่า!... “เขาคิดว่าสกุลอี้มีเอาไว้ล้อเล่นกระมัง” อี้หลานฮวาเผาจดหมายจากคนของพี่ชายด้วยกิริยาดวงตาแดงก่ำหากทว่าไร้หยาดน้ำตา รักได้นางก็แค้นได้เทียบเท่ากัน นางดีต่อเขาเสมอ แต่เขากลับหยามหมิ่นน้ำใจนางถึงเพียงนี้ ทอดทิ้งนางเอาไว้ในราตรีเข้าหอแล้วพาสตรีอื่นซึ่งเป็นภรรยาที่ตบแต่งก่อนนางจากไปเสวยสุขกันไกลหลายพันลี้ แต่ให้หนีไปไกลอีกแสนลี้นางก็ทราบได้ “สั่งคนเตรียมรถม้า วันนี้ข้าจะไป ‘เข้าเฝ้า’ ฝ่าบาทสักหน่อย อยากดูชมว่าเจ้าอสรพิษผู้นั้นจะเล่นงิ้วบทใดหลอกลวงข้าอีก” หากคิดว่านางเป็นคนดี เป็นสตรีหัวอ่อนเขาคิดผิดไปไกลทีเดียว หากเขาอยากเป็นอสรพิษ นางเองก็เป็นท่านหมอผู้ชมชอบรีดพิษของงูร้ายมาเก็บไว้สังหารคนชั่วได้เช่นกัน ...ก็บอกแล้วว่านางมิใช่คนดี!...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD