“ แกกลับเลยไหม ” ฉันถามน้ำหวานในขณะที่เราสองคนกำลังเดินลงมาจากอาคารเรียนที่พึ่งปั่นงาน และไปส่งมาเมื่อกี้
“ กลับเลยอ่ะ งานบ้านั้นสูบพลังฉันหมดแล้ว ” อย่าว่าแต่น้ำหวานเลยฉันก็เหมือนกัน
“ แล้วแกอ่ะผัก กลับเลยไหมหรือวันนี้ทำงาน ”
“ กลับหอเลยวันนี้ไม่มีงาน ” โชคดีมากๆที่วันนี้เป็นวันหยุดไม่งั้นฉันคงต้องพาร่างกายพังๆของตัวเองกลับห้องแน่ ๆหลังจากทำงานเสร็จ
“ ให้ฉันไปส่งไหม ” น้ำหวานเอารถมาเองนะ
“ ไม่เป็นเไรเดี๋ยวให้คนขับรถมารับ ”
“ ย๊ะ! คนขับรถแกนี้ใจดีจังเลยเนอะ รับคนมาเป็นสิบ ” ฉันหัวเราะให้กับคำพูดประชดของน้ำหวาน คนขับรถที่ว่าก็คือพี่คนขับรถเมล์
“ ไม่ให้ไปส่งจริงดิ ไปส่งได้นะ ” น้ำหวานถามย้ำอีกครั้งเมื่อเดินมาถึงทางแยก
“ จริงๆ แกขับรถกลับดีๆละ อย่าไปจูบท้ายรถใครเขานะ ”
“ เป็นการอวยพรที่ดีจริงๆ เจอกันวันจันทร์ ” ทั้งฉันและน้ำหวานก็แยกกัน น้ำหวานไปเอารถส่วนฉันก็เดินไปรอรถเมล์หน้ามหาลัยเหมือน
เดิม
ตึก ตึก ตึก
ขวับ !
ฉันตัดสินใจหันกลับไปมองด้านหลังเมื่อรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามมา แต่พอหันกลับไปมองก็ไม่มีใคร
“ หรือฉันจะจิตปรุงแต่งเหมือนที่น้ำหวานพูดจริงๆ ” เพราะฉันหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ บางครั้งก็แอบกลัวนะไม่รู้ว่าใครหรืออะไรกันแน่ที่ทำให้ฉันรู้สึกแบบนี้
“ เห้อออ ” ฉันยืนรอรถเมล์อยู่สักพักแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมาสักที ฉันเลยหยิบหูฟังขึ้นมา และเปิดเพลงในแอปพลิเคชันหนึ่งใน
โทรศัพท์แล้วนั่งรอรถเมล์ต่อ
บอกฉันดีกว่า
ว่าความรักจริงจริงไม่ต้องเลย
ที่ใช้เวลาเนิ่นและนานเรียนรู้
เพราะดูที่ตอนแยกทาง
มันไม่นาน
เมื่อเธอหายไปเหลือเพียงน้ำตา
ตกลงมากับฝนให้คนได้ขาดใจ
.
.
.
รักในครั้งนี้ยังไม่จบลงใช่ไหม
ไม่ว่าอะไร
เปียกปอนฉันภาวนา
ให้เป็นเพราะฝนอย่าให้ต้องเปียกเพราะน้ำตา
Cr. - เพลงเป็นเพราะฝน POLYCAT -
ฉันหลับตาลงและซึมซับกับบทเพลงบวกกับสายลมเบาๆที่พัดมาโดนตัวฉันยิ่งทำให้เพลงนี้ยิ่งน่าฟังไปอีก มันทำให้ฉันดำดิ่งลงไปสู่
บทเพลง เพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงโปรดของฉันถ้าให้เลือกเพลงที่ชอบก็จะมีเพลงนี้ติดอยู่ใน top 5 ของฉันแน่ ๆ
“ ป้ายหน้าค่ะ ” ฉันบอกพี่กระเป๋ารถเมล์และยื่นเงินให้พี่เค้าไป แล้วฉันก็กลับมาฟังเพลงต่อนี่คงเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันได้พักผ่อน แม้จะเป็น
ช่วงเวลาสั้นๆ
เอี๊ยดดด !!!
ฉันก้าวลงจากรถเมล์เมื่อมาถึงป้ายที่ฉันต้องการ จริงๆป้ายนี้คือป้ายที่ฉันลงประจำอยู่แล้วถ้าเวรฉันเข้าไปทำงานฉันก็จะไปทางซ้ายแต่วัน
นี้ไม่มีฉันเลยเดินไปทางขวา อธิบายง่ายๆก็คือที่ทำงานกับหอฉันมันไม่ไกลกันมาก ถ้าฉันทำงานเสร็จฉันก็จะเดินกลับหอได้เลยโดนไม่ต้องเสียค่ารถ ประหยัดไปอีก
หอที่ฉันพักอยู่เป็นหอราคาที่ไม่สูงมากห้องก็ไม่ได้ใหญ่อะไรเยอะแยะตามสภาพราคานั้นแหละ แต่ฉันอยู่ได้ไม่ได้อะไรมาก หอกับราคาก็สมเหตุสมผลดี แต่ระหว่างทางกลับก็แอบน่ากลัวนิดนึงเพราะก่อนถึง จะมีตรอกเล็กๆอยู่ ในตรอกนั้นจะมีพวกขี้เมา ถึงจะน่ากลัวแต่เท่าที่ฉันอยู่มามันก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับฉันมากขนาดนั้น เพราะคนพวกนั้นก็อยู่ส่วนเขาไม่ได้ออกมาสร้างความเดือดร้อนให้ใคร
“ ทำไมวันนี้ดูเงียบแปลกๆนะ ” และอีกหนึ่งอย่างที่ฉันไม่กลัวเพราะจะมีผู้คนเดินไปมาตลอด มันเลยดูไม่อันตรายถึงมันจะอันตรายก็เถอะ แต่วันนี้ดูคนน้อยแปลกๆ มันทำให้บรรยากาศรอบข้างดูน่ากลัวไปจากเดิม
ตึก ตึก ตึก
รู้สึก รู้สึกอีกแล้วว่ามีคนเดินตามมา ฉันเลยเหลือบไปมองประตูกระจกที่กำลังเดินผ่านดูว่ามีคนเดินตามจริงๆไหม ซึ่งมันก็มีจริงๆ เป็นผู้ชายสองคน เมื่อรู้แบบนั้นฉันก็รีบสาวเท้าให้เร็วกว่าเดิม รีบเดินออกจากตรงนี้ไปเพราะมันเริ่มไม่น่าไว้ใจ
ตึก ตึกตึก
กึก !
ฉันตัวชาไปทั้งตัวเมื่อคนที่เดินตามฉันมาเร่งฝีเท้าแล้วมาหยุดตรงหน้าฉัน มันเลยทำให้ฉันต้องหยุดไปด้วย
“ จะรีบไปไหน ” เสียงผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้น
“ ..... ” ฉันเลือกที่จะไม่ตอบคำถามแล้วหันหลังกลับไปเพื่อจะหนี แต่ดูเหมือนว่าฉันจะลืมไปว่าพวกเขามากันกี่คน ทำไงดีผักขม
“ พวกนายต้องการอะไร เงินหรอ ” ถ้าเป็นเงินฉันก็พอมีบ้างแต่ก็คงไม่มากพอที่พวกเขาต้องการมั้ง
“ หึ เงินพวกฉันไม่ต้องการ ”
“ ละ...แล้วพวกนายต้องการอะไร ” ฉันถามออกไปเสียงสั่นๆ
“ เธอ ” มันเป็นคำตอบที่สั้นนะคะแต่มันทำให้ฉันกลัวมาก
“ ฉันว่าพวกนายน่าจะเข้าใจอะไรผิดนะ ฉันไม่รู้จักพวกนายเลย แล้วจะมาต้องการตัวฉันทำไม ” ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ารู้จักพวกเขา เท่าที่
จำได้ฉันไม่ได้มีเพื่อนผู้ชายที่เรียนวิศวะและมหาลัยนี้ เอ๊ะ เสื้อช็อปสีนี้ฉันเคยเห็นมันที่ไหนนะ อ่า ใช่ บนรถเมล์วันนั้นพอนึกออกฉันก็หันกลับไปมองพวกเขาสองคนอีกรอบและก็เริ่มมั่นใจว่ามันใช่จริงๆ
“ พวกนายคือคนที่ตามฉันมาตลอดใช่ไหม ”
“ หึ รู้ด้วยหรอ ” ใครไม่รู้ก็บ้าแล้วเปล่า และที่ฉันถามเพราะรู้สึกว่าจะประติดประต่ออะไรได้บ้างนิดหน่อยแต่ที่ไม่เข้าใจก็คือ…
“ แล้วพวกนายจะต้องการตัวฉันทำไม ” นี่แหละคือสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจ
“ มึงอย่าเสียเวลาดิ๊ เดี๋ยวไอไฟแม่งก็หงุดหงิดอีก ” ไฟ ? ไฟคือใครแล้วคืออะไรยังไงต่อ
หมับ !!
“ ปล่อยฉันนะ ” ฉันมัวแต่งงอยู่ว่าใครคือไฟ แล้วไฟคือใคร มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ผู้ชายตรงหน้าจับแขนฉันแล้วพยายามจะให้ฉันเดินตามไป ถ้าเป็นปกติฉันก็คงจะยอมๆให้จบเรื่องแต่สถานะการณ์ตอนี้ฉันทำแบบนี้ไม่ได้
“ ฉันบอกให้ปล่อย ” ฉันพยายามแกะมือออกแต่มันก็ยากมากๆ และฉันก็เริ่มรู้สึกเจ็บแล้วด้วย ไอพวกบ้าเอ้ย
“ เงียบดิว่ะ น่ารำคาญ!! ”
“ รำคาญก็ปล่อยฉันซิ ” จะมาจับฉันทำไม
“ ไปดีๆไม่ชอบใช่ไหม ” ฉันหลับตาปี๋เมื่อไอคนนั้นมันง้างมือขึ้น เจ็บแน่ ๆนั้นคือความรู้สึกที่ฉันจะได้รับต่อจากนี้
หมับ !!!
แต่แล้วก็มีมือของใครสักคนมาจับมันเอาไว้ก่อนตอนแรกฉันคิดว่าเป็นเพื่อนของเขารึเปล่า แต่พอมองดูแล้วมันไม่ใช่แล้วใครกันหรือจะเป็นพลดี
“ กูพึ่งรู้ว่านอกจากพวกมึงจะเป็นหมาลอบกัดแล้วยังหน้าตัวเมียอีก ” เสียงนี้มัน !?
“ หึ โผล่หัวมาจนได้ ”