“ น้ำหวาน ” ฉันเรียกเพื่อนตัวเองเสียงเบาเอาแบบให้ได้ยินกันแค่สองคน
“ หื้มมม ”
“ แกรู้สึกไหม ” ฉันก็ถามต่อ
“ รู้สึก ? รู้สึกดิ ” น้ำหวานทวนคำถามก่อนจะตอบกลับมา
“ จริงหรอ แกก็รู้สึกเหมือนฉันใช่ไหม ” ฉันถามต่อด้วยความตื่นเต้น แสดงว่าฉันไม่ได้คิดไปเองคนเดียว
“ ใช่รู้สึก รู้สึกว่าทำไมงานมันเยอะแบบนี้ ทุกวันนี้แทบจะแต่งงานอยู่กินกับงานพวกนี้แล้ว ” น้ำหวานโยนงานที่พวกเรากำลังทำกันอยู่เบาๆ แต่นั้นมันไม่ใช่สิ่งที่ฉันรู้สึกไง
“ ไม่ใช่ ”
“ ไม่ใช่แล้วอะไร ” น้ำหวานก็ถามกลับมาติดจะงงๆและหงุดหงิดนิดหน่อย ยัยนี้ก็นิสัยแบบนี้แหละอาจจะดูติดเหวี่ยงไปหน่อยแต่จริงๆแล้วน้ำหวานเป็นเพื่อนที่น่ารักมากๆเลยนะ
“ ฉันรู้สึกเหมือนมีคนกำลังมองอยู่ตลอดเวลาเลยอ่ะ ” ตอนนี้ฉันก็ยังรู้สึกอยู่
“ ไปดูอะไรมาแล้วเก็บมาคิดรึเปล่า ” น้ำหวานเอามือท้าวคางกับโต๊ะแล้วพูดออกมา
“ ไม่นะ ฉัน.... ”
“ ฉันว่าแกคิดไปเอง จิตปรุงแต่ง ” ฉันกำลังจะเถียงกลับไปว่าฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ จิตไม่ปรุงแต่งแน่นอน
“ ฉันว่าแกเลิกคิดแล้วกลับมาสนใจงานต่อดีกว่า ดูดิจะทับตายอยู่แล้ว ” แล้วน้ำหวานก็ก้มหน้าทำงานต่อไป
ฉันก็อยากจะเลิกคิดเหมือนกันนะ แต่มันทำไม่ได้ ฉันว่าทุกคนก็น่าจะรู้สึกได้ตามสัญชาตญาณของตัวเราเองเวลามีคนมองเรา เราจะรู้สึกได้ ซึ่งฉันรับรู้ได้ถึงความรู้สึกนั้น พยายามมองหาแต่ก็ไม่เจอ และที่ฉันบอกว่าฉันไม่ได้จิตปรุงแต่งหรือคิดไปเองแน่ ๆก็เพราะว่าความรู้สึกฉันมันติดอยู่แบบนี้มาสามสี่วันแล้ว ไม่ว่าฉันจะมาที่มหาลัย ไปทำงาน หรือกลับหอ ก็รู้สึกตลอด ฉันเลยคิดว่าฉันไม่น่าจะคิดไปเองหรือจะไปดูอะไรมาแล้วเอาปรุงแต่งก็ไม่น่าจะใช่เพราะก่อนหน้านี้แค่เวลานอนฉันยังแทบไม่มีแล้วจะเอาเวลาไหนไปดูอะไรมาให้รู้สึกแบบนี้
“ ทำเร็ว มัวแต่นั่งเหม่ออยู่ได้ ” น้ำหวานสะกิดเพื่อเรียกสติให้กลับมา ฉันเลยส่ายหน้าเบาๆเพื่อไล่ความคิดพวกนั้นออกไป แต่มันก็คงทำได้ยากเพราะตอนนี้ฉันยังรู้สึกว่ามีคนมองอยู่ ฉันเลยหันไปมองรอบๆตัวแต่มันก็ดูไม่มีใครหน้าสงสัยสักคน คิดไปเองจริงๆหรอ
- อีกด้าน -
“ ช่วงนี้มันเงียบแปลกๆไหมวะ ” เสียงไอสงครามพูดขึ้น
“ มึงคิดว่าพวกมันกำลังวางแผนจะทำอะไรอยู่ไหม ”
“ ...... ”
“ กูถามให้ตอบไอสัส ไม่ใช่เงียบ ” เสียงไอสงครามคนเดิมพูดขึ้นมาอีกรอบ
“ แล้วมึงจะอยากรู้อะไรหนักหนาห้ะ ” ผมไม่ได้ตอบ แต่เป็นไอเก้าทัพต่างหาก
“ หรือมึงไม่อยากรู้ห้ะไอเก้า ส่วนมึงอย่าทำตัวเป็นไอออสสองกูขอร้อง คนเดียวกูก็จะตายละ ” มันหันไปถามไอเก้าทัพ แล้วหันกลับชี้หน้าผมก่อนจะพูดประโยคท้ายออกมา ส่วนไอออสที่มันพูดถึงก็คือไอออกศึกในบรรดาพวกผมไอนี้นิ่งสุดแล้วครับ
“ หึ ” ผมยิ้มมุมปากแล้วโยนก้นบุหรี่ที่พึ่งอัดเข้าไปจนหมดม้วนทิ้งลงบนพื้น
ส่วนผมชื่อ บัลลังก์ ใครๆก็พูดกันว่าผมนะตัวพาทุกคนบรรลัย แล้วไงว่ะ ใครมันจะบรรลัยแล้วไง ผมต้องแคร์หรอ ใครมีปัญหาก็เข้ามาได้ครับผมพร้อมเสมอ พวกผมเรียนวิศวะ อยู่ปี4 ปีสุดท้ายแล้วว่ะ ส่วนนิสัยของผมหรือเพื่อนผมก็อย่ามารู้จักเลยครับ เพราะผมก็ไม่ได้อยากรู้จักพวกคุณ
“ ก็แค่...พวกหมาลอบกัด ” ผมพูดออกมาสั้นๆ
“ แล้วมึงว่าพวกมันเงียบไปแบบนี้มันมีแผนอะไรไหมวะ ” ถามผมแล้วผมจะไปถามใครวะ ในเมื่อผมก็คือผมไม่ใช่พวกเหี้ยนั้น
“ ไม่ว่าจะมีเหี้ยอะไรกูก็ไม่กลัว ” คนที่พวกผมพูดถึงกันอยู่ก็คือพวกไอเหี้ยไฟ พวกมันเป็นคู่อริพวกผมจะเรียกว่าพวกผมก็คงไม่เต็มปากเท่าไหร่ เพราะไอไฟแม่งแค้นผมมากที่สุดแล้วมั้ง ผมกับมันมีเรื่องกันมาตั้งแต่ปี1จนมาถึงตอนนี้เรียกว่าคู่อริอาจจะฟังดูไม่ค่อยดี เรียกว่าเพื่อนรักผมดีกว่า เพื่อนรักในที่นี้คือเพื่อนเหี้ยครับ เหี้ยที่แบบถ้าเห็นมันตายต่อหน้าผมจะเข้าไปช่วยให้มันตายเร็วขึ้นโดยไม่ต้องคิดอะไรเลย แต่มันเป็นเด็กคนละมหาลัยกับพวกผม
“ มึงเก่งไอสัส! กูรู้ ” คนภายนอกจะมองว่าผมมันอันธพาลชอบใช้กำลังแก้ไขปัญหา ก็เคยใช้เหตุผลแก้แล้วมันไม่ได้ผล แต่พอมาใช้ส้นตีนมันได้ผลกว่า
“ ไม่ไหวก็เรียกพวกกู ” ที่ไอเก้าพูดก็คงจะเผื่อไอไฟมันจัดหนักมั้งครับ
“ เออ ” มันไม่บ่อยหรอกครับที่จะต้องเรียกให้พวกมันมาช่วย ผมชอบตัวต่อตัวมากกว่า แต่พวกไอไฟนอกจะเป็นหมาลอบกัดแล้วยังเป็นหมาหมู่อีก แต่ไม่ว่ามันจะมาในรูปแบบไหนก็ไม่เคยเห็นมันเอาชนะผมได้สักครั้ง กระจอกฉิบหาย
“ แล้วเกียร์มึง ? ” ไอออส หรือไอออกศึกพูดขึ้นมาหลังจากที่นั่งเงียบมานาน ที่เรียกมันว่าออสก็เพราะย่อจากออกศึกจะออส หรือออกศึกก็คนเดียวกันนั้นแหละ แต่ออสก็จะมีแค่คนที่สนิทเท่านั้นแหละที่ได้เรียกคนอื่นไม่มีสิทธิ อ่า เปื่อยปากฉิบหาย
“ ยังหาไม่เจอ ” ผมก็ตอบมันกลับไปสั้นๆ ไม่รู้ไปทำหายที่ไหนแม่ง!
“ แล้วมึงทำหายที่ไหน ”
ตุบ !
“ ไอเหี้ยเก้ามึงตบกูหาพ่อมึงหรอ ” ไอสงแม่งโวยวายน่าเอาอีกทีฉิบหาย
“ ก็มึงถามแปลก ถ้ามันรู้ว่าหายที่ไหนมันจะเรียกว่าหายไหมไอสัส สมองอ่ะหัดคิดบ้าง วันๆเอาแต่ม่อสาวสมองฝ่อหมดแล้ว ”
“ สมองกูจะฝ่อก็เพราะมีเพื่อนเหี้ยแบบมึงตบหัวเนี่ยแหละไอสัส ” ไอสงมันลูบหัวผมแต่ปากก็ด่าไอเก้าไม่หยุด
“ พวกมึง ” เงียบได้ไม่นานไอสงครามก็พูดขึ้นมาอีก พูดมาก
“ อะไรอีก ”
“ นั้นมันใช่เด็กมอเราหรอวะ ? ” ไอสงชี้ไปที่นักศึกษาสองคนที่ห่างออกไปพอสมควรแต่ก็พอมองเห็นอยู่ ที่มันถามก็คงเห็นว่าใส่ช็อปแต่มันดูเหมือนไม่ใช่มหาลัยผม
“ มอเราไม่มีช็อปสีนี้ ” เสียงไอออสตอบมา ทำให้ผมมองดูพวกมันต่อ
“ หึ ”
“ หึ ? หึอะไรของมึงไอบรรลัย ให้กูรู้ด้วย ” บรรลัยมันก็ใช้ไว้เรียกชื่อผมเวลามันจะกวนตีน น่าเอาตีนยัดปาก
“ พวกไอไฟ ? ” ไอออสเป็นคนถามผม ผมก็พยักหน้ากลับไป ไอออสมันนิ่งก็จริง แต่มันฉลาด
“ แล้วมามหาลัยเราทำไมวะ ”
“ มึงก็ลองเดินไปถามดูไอสง ”
“ เออ เดี๋ยวกูเดินไปถามให้ ” พูดจบไอสงมันก็เดินออกไป
“ .... ”
“ กลับมาทำไม ” ผมถามมัน
“ นี่พวกมึงไม่คิดจะห้ามกูบ้างหรอว่ะ ” ปล่อยมัน อยากเล่นอะไรก็แล้วแต่มันเลย
“ ไอพวกเพื่อนเหี้ย ” มันบ่นออกมาเบาๆ ผมก็ไม่ได้อะไรกับมันหรอกครับ และมันก็ไม่ได้อะไรกับพวกผมด้วยถึงปากมันจะด่าว่าพวกผมเหี้ย แต่นั้นมันเป็นการแสดงความรักของพวกเรา ผมเลิกสนใจไอสงครามแล้วหันกลับไปมองไอสองตัวนั้น ถ้ากล้าที่จะส่งคนมาถึงที่นี้แสดงว่ามันต้องมีเรื่องอะไรสักอย่าง