“ นี่ห้องนายหรอ ” ฉันค่อยๆก้าวเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ คิดก่อนถามแล้วใช่ไหม ” เขาจะด่าฉันว่าโง่อีกแล้วใช่ไหม
“ นายอยู่คนเดียวหรอ ”
“ แล้วเห็นว่ามีกี่คน ” โอเคฉันจะไม่ถามอะไรเขาอีกแล้ว
“ ..... ” แล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบส่วนฉันก็ได้แต่ยืนอยู่กลางห้องโดยที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี จะเดินไปนั่งที่โซฟาก็กลัวว่ามันจะเสีย
มารยาทไปไหมเจ้าของห้องยังไม่ได้บอกให้นั่งเลย จะถามก็กลัวว่าเขาจะว่าฉันถามอะไรโง่ๆอีก เดาใจผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลยจริงๆ
“ จะยืนถึงเช้าเลยไหม ” นั้นไง ฉันโดนอีกแล้ว
ฟุบ
ในเมื่อเขาพูดแบบนั้นฉันก็เดินไปนั่งที่โซฟาทันที เหอะ ผู้ชายบ้าอะไร
“ ..... ” แล้วความเงียบก็กลับมาอีกครั้ง มันน่าอึดอัดชะมัด
“ นายรู้จักคนพวกนั้นหรอ ”
“ เออ ” ตอบคำถามให้ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วรึไง
“ ไม่ถูกกันหรอ ” จริงๆฉันไม่ต้องถามก็พอจะเดาได้อยู่
“ หึ เสือกเก่งเหมือนกันนิ ” นี่คือคำพูดที่ผู้ชายเขาพูดกับผู้หญิงหรอ ให้ตายเหอะ
“ เธอไปทำอะไรพวกมัน ”
“ เสือกเก่งเหมือนกันนิ ” ด่ามาด่ากลับไม่โกงค่ะ
“ คิดดีแล้วที่พูดออกมา ? ” เขาเลิกคิ้วถามฉัน ชิ๊ ฉันมันเลือกอะไรไม่ได้อยู่แล้วนิ
“ ฉันไม่ได้ทำอะไร ” จะบอกว่ารู้จักไหมก็ไม่ เจอกันนับครั้งได้มั้ง จะเอาเวลาไหนไปรู้จักหรือทำอะไรคนพวกนั้นได้ อีกอย่างฉันมันก็ ิผู้หญิงตัวเล็กๆจะทำอะไรใครได้
“ ไม่น่าใช่ ” ไม่น่าใช่อะไรของเขา ช่วยคุยอะไรให้ฉันเข้าใจด้วยได้ไหมเนี่ย
“ เออจริงซิ ” อยู่ ๆฉันก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เลยค้นกระเป๋าตัวเอง ฉันเก็บมันเอาไว้ในกระเป๋านี้แหละ อยู่ตรงไหนนะ ? เจอแล้ว
“ นี่ใช่ของนายรึเปล่า ” ฉันหยิบมันออกมาแล้วยื่นให้เขาดู มันคือเกียร์ที่ฉันเก็บได้ตอนนั้น จริงๆจะเอาไปแจ้งที่คณะวิศวะนั้นแหละแต่ไม่มีเวลาไป สองสามวันมานี้ฉันมีงานที่ต้องรีบปั่นส่งอาจารย์
“ !!! ” เขาทำหน้าตกใจใส่ฉันเมื่อเห็นเกียร์ แล้วคือยังไง ? ตกใจคือใช่หรือไม่ใช่
“ อ่ะ ” คืออะไร จะหยิบออกไปแบบกระชากแบบนี้หรอ ขอพูดเป็นครั้งที่ร้อยว่าผู้ชายคนนี้มันนิสัยไม่ดี ไม่เลยสักนิด
“ เธอไปเอามันมาจากไหน ”
“ ก็ตอนที่เดินชนกันเมื่อสี่วันก่อน ” ชนกันโดยที่เขาไม่สนใจแม้แต่คำขอโทษฉันด้วยซ้ำ
“ สรุปเป็นของนายหรอ ” ก็เขายังไม่ตอบฉันเลย แต่เชื่อไหมถามอีกครั้งเขาก็ยังไม่ตอบแต่กลับใส่มัน งั้นฉันสรุปเองก็ได้ว่ามันคือของเขาก็เล่นเอาไปใส่แบบนั้น แล้วไงต่อจะขอบคุณฉันไหม
“ มองหน้าทำไม ” คงจะเป็นเพราะมองหน้าเขานานไปมั้ง ก็นานแหละฉันจ้องขนาดนั้น
“ ขอบคุณไง ”
“ ขอบคุณ ? ”
“ ก็ขอบคุณฉันไง ฉันเก็บมันเอาไว้ให้นะ ” แต่ก็เกือบทำมันหายตอนขึ้นรถเมล์ดีนะที่ตอนนั้นนักศึกษากลุ่มนั้น เดี๋ยวนะ!
“ ฉันเจอพวกนั้นตอนอยู่บนรถเมล์ ” อยู่ ๆฉันก็พูดขึ้นโดยไม่มีปี่ไม่ขลุ่ย
“ อะไรของเธอ ”
“ ก็คนพวกนั้นไง ฉันเจอตอนอยู่บนรถเมล์ หรือพวกนั้นจะไม่พอใจที่ฉันชนพวกเขา ”
“ แต่มันก็อุบัติเหตุ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ” ก็รถเมล์มันเบรกกระทันหันใครมันจะไปทันตั้งตัว
“ หรือว่าจะไม่พอใจที่ฉันขอเกียร์คืน ” อาจจะใช่ก็ได้มั้งเพราะหลังจากที่ขอเกียร์คืนพวกเขาก็เริ่มมองฉันแปลกๆ
“ หมายถึงอะไร!? ” อยู่ ๆ เขาก็พุ่งตัวเข้ามาหาฉัน เป็นอะไรของเขาไปอีกเนี่ย
“ ก็เกียร์ของนายไง ฉันทำมันตกแล้วใครสักคนในพวกนั้นแหละเก็บได้ ฉันเลยขอคืน ” แล้วทำไมฉันต้องมาอธิบายให้เขาฟังด้วย
หมับ !
“ แล้วไงต่อ ”
“ อะไรของนายเนี่ย ฉันเจ็บนะ ” ก็ดูเขาดิอยู่ ๆก็เป็นอะไรไป แล้วทำไมต้องมาจับแขนฉันด้วย ฉันเจ็บนะฉันบอกเลยแรงเขาก็ไม่ใช่น้อยๆ
“ ถามก็ตอบ ! ” เขาเพิ่มแรงที่จับแขนฉันไปอีก
“ กะ .... ก็ขอคืน แล้วพวกนั้น อึก ก็ถามว่าของใคร ” ฉันตอบออกไปเสียงสั่นเพราะตอนนี้ฉันเจ็บจนอยากจะร้องแล้ว
“ เธอตอบพวกมันไปว่าอะไร ” เขากระชากฉันเข้าหาตัวและมันก็แรงพอที่ทำให้ฉันลอยไปหาเขาง่ายๆเลย
“ ของฉัน ” ฉันพยายามตอบออกไปให้นิ่งที่สุดทั้งที่ตอนนี้น้ำตาฉันจะไหลออกมาแล้วก็ตาม
“ เธอแม่งหาเรื่องใส่ตัว ยัยโง่ !! ” แล้วเขาก็ผลักตัวฉันลงโซฟาอย่างแรงจนฉันรู้สึกเจ็บและจุกไปหมด
“ ฉันในสายตานายมันโง่ขนาดนั้นเลยรึไง ” ฉันตะโกนออกไปอย่างสุดจะทน เขาจะอะไรกับฉันนักหนาตั้งแต่เจอกันเขาก็เอาแต่ว่าฉันโง่ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันทำอะไรให้มันดูโง่ขนาดนั้น ฉันไม่รู้เลยว่าการเจอคนพวกนั้นกับเจอเขาในตอนนี้อะไรที่มันแย่กว่ากัน
“ ใช่เธอมันโง่!! ตอบไปแบบนั้นได้ไงวะ ” เขายังคงตะโกนใส่ฉันไม่หยุด
“ แล้วนายจะให้ฉันตอบยังไงละ ในเมื่อตอนนั้นฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นของใคร ”
“ ฉันแค่เก็บมันได้ และฉันก็แค่อยากคืนให้เจ้าของ ฉันผิดตรงไหน ทำไมนายต้องเอาแต่ว่าฉันแบบนี้ด้วย !! อึก ” ฉันก็คนเหมือนกับเขานะ มีหัวใจ มีความรู้สึก
“ อย่ามาร้องไห้ต่อหน้าฉัน มันน่ารำคาญ ” ขนาดฉันร้องไห้ฉันยังผิดเลย ทั้งๆที่ต้นเหตุมันก็มาจากเขา
“ ฉันก็ไม่ได้อยากจะร้องเหมือนกัน แต่ดูสิ่งที่นายทำกับฉัน มันน่าร้องไหมละ ” พูดจบฉันก็เดินกระแทกเท้าเดินเข้าไปในห้อง ห้องหนึ่ง มันเป็นห้องน้ำ ฉันเข้าไปเพื่อปรับอารมณ์ตัวเอง ฉันไม่อยากจะมาอ่อนแอต่อหน้าใคร แต่เมื่อกี้มันแค่อดทนไม่ไหว ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเหมือนกัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยจะอ่อนแอแบบนี้
.
.
.
ผ่านไปสักพักเมื่อปรับอารมณ์ได้แล้วฉันเลยเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็ยังเจอเขานั่งอยู่ที่โซฟาตัวเดิม ฉันเลยเดินไปที่โซฟาช้าๆ
“ เมื่อกี้ฉันขอโทษนะ ” ยังไงเมื่อกี้ฉันก็ผิดที่ไปตะคอกใส่เขา อีกอย่างคืนนี้ฉันก็ต้องพึ่งเขาสู้ขอโทษไปมันก็ไม่มีอะไรเสียหาย
“ พรุ่งนี้เธอไปเก็บเสื้อผ้าแล้วย้ายมาอยู่นี้ ”
“ ห้ะ !? ” ฉันปรับอารมณ์แทบไม่ทัน หมายความว่าไง
“ ตอนนี้พวกมันคงคิดว่าเธอเป็นแฟนฉัน ” แฟน ?
“ แต่ว่าฉัน ..... ”
“ พวกมันคิดไปแล้ว ” จะคิดแบบนั้นได้ยังในเมื่อเขากับฉันไม่ใช่แฟนกัน อย่าว่าอย่างนู้นอย่างนี้เลย ชื่อเขาฉันยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
“ งั้นฉันจะไปอธิบายให้พวกเขาเข้าใจเอง ” มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ถ้าฉันไปอธิบายพวกเขาฟังคงจะเข้าใจและก็เลิกยุ่งกับฉันไปเอง
“ เธอคิดว่าพวกมันจะเชื่อ ? แค่มันเห็นเกียร์มันก็คิดขนาดนี้แล้ว ไหนจะวันนี้อีก ”
“ แต่ว่าฉันกับนายเราไม่ได้เป็น....”
“ ถ้าเธอพอจะมีสมองอยู่บ้างก็น่าจะคิดได้นะว่าตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอะไรเลย ” แล้วชีวิตหลังจากนี้ฉันต้องเจออะไรบ้าง ฮืออออ ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย