กลับมาจากต่างประเทศ

1216 Words
ตอนที่ 2 กับแขกเหรื่อหรือคนแปลกหน้าที่มาเยือนอีกทั้งยังถือว่า ช่างอบอวลไปด้วยมวลหมู่ดอกไม้เมืองหนาวที่กำลังผลิบานสะพรั่งไปหมดโน่นข้างหน้า ทิศเหนือและใต้รายล้อมรอบตัวไปหมด นั่นคือถิ่นที่เขาเพิ่งจากมา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีดงทิวลิปสวยงามและสถานที่น่าเที่ยวหลากหลายจนจาระไนไม่ไหวหวาดเลย เพราะจะว่าไปนั้นสิบสองปีเลยทีเดียวกับการที่ทิญจน์พัก อาศัยอยู่ที่โน่นและต่อมานั้นเขาก็ได้รับการบอกกล่าวจากนายแพทย์อีริคซึ่งเป็นนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขาผู้รักษาโรคร้ายประจำตัวเขาที่ทิญจน์ติดต่อปรึกษา ท่านอยู่ตลอดเวลา นั่นอีก เพราะความสนิทสนมกันนี่เอง ในครอบครัว ที่ ทำให้ทิญจน์มีเพื่อนรักชื่อเอรอน เขาเป็นลูกชายของนายแพทย์ อีริคกับมิสซิสเมลิซทำงานเป็นนางพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลเดียวกันกับสามี ครั้นต่อมาเมื่อนายแพทย์ได้บอกว่าณขณะนี้อาการของเขาเลยพ้นจากขีดอันตรายมาแล้วและมีแนวโน้มจะกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่มีระยะนานแค่เจ็ดปีเท่านั้นเขานั้นจะต้องรีบกลับมาเพื่อเช็คตรวจดูอาการที่โรงพยาบาลเมืองสวิสอีกครั้ง เพราะเขาเป็นโรคร้าย ที่คนทั่วไป หากได้ยินชื่อนี้ นั้น พากันหวาดกลัวนัก ถือว่า มันเป็นเกี่ยวกับด้านพันธุกรรม ซึ่งฝ่ายมารดาของเขาบอกว่าสำหรับคนในครอบครัวนั้น เมื่อก่อนคุณตาท่านเป็น และ ท่านได้เสียชีวิต ลงไปแล้ว ตัวเขาอาจจะเป็นทายาท ที่สืบทอดจากสิ่งเหล่านี้ก็ได้ ทิญจน์คิดอย่างไม่ซีเรียส ยิ้มให้กับความขมขื่นของโรคที่ตามรุมเร้าชีวิตของเขา “ลูคีเมีย” หรือมะเร็งในเม็ดเลือดขาวน่าสะพรึงกลัว เสียเมื่อไหร่ เพราะความตายอยู่ใกล้กับชีวิตมนุษย์ตลอด ทิญจน์วีรกานนพยายามคิดเช่นนี้ ให้เห็นเป็นเรื่องขำๆ กลับมาถึงเมืองไทย ที่บ้านในกรุงเทพฯ พื้นที่สี่ไร่เศษ ทรุดนั่งที่เก้าอี้ที่เขาชอบนั่งประจำรับลมเย็น บริเวณเทอเรชหน้าบ้าน ยิ่งในประเทศไทย เข้าหน้าร้อน แอร์ก็ช่วยได้ไม่มากหรอก ยิ่งอบอ้าวมากกว่าเดิม เย็นอยู่ข้างใน แต่พอออกข้างนอก ก็อ้าวอบยิ่งกว่าเตาผิงเสียอีก และคนที่มีอาการห่วง และเกิดความห่วงใย คือคนที่ผลักบานประตูของลวดลายไม้แกะสลักทำจากไม้สักเนื้อดี คือคุณผกายมาศ ผู้เป็นมารดาบังเกิดเกล้า เขาเดินทางมาอยู่เมืองไทยยังไม่ครบเดือน เพราะทิญจน์ชินและคุ้นเคยกับอากาศเมืองหนาวทางโชนยุโรป กรุงโลซานซ์ เมืองหลวงของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ลูกชายกลายเป็นลูกชายคนโปรดของพ่อแม่ทางโน้นไปแล้ว ผกายทิพย์ น้องสาวแท้ๆของเธอรับผิดชอบชีวิตของทิญจน์มาเกือบสิบกว่าปี ผกายทิพย์อาลัยอาวรณ์เหมือนกันกับสามี ที่เป็นน้าเขย และเป็นพ่อ ไม่อยากให้ลูกอย่างโทนี่ หรือทิญจน์ จากไป แต่ทิญจน์ต้องกลับมาเมืองไทยมาบริหารธุรกิจของครอบครัวเพราะธันว์กับผกายมาศคือพ่อแม่บังเกิดเกล้าที่แท้จริง เมื่อเขาแข็งแรงแล้ว ทิญจน์ต้องกลับมาสืบทอดกิจการของครอบครัว ที่ต่อไปในอนาคตต้องตกเป็นของเขา เพราะทั้งธันว์และภรรยามีบุตรชายเพียงคนเดียว ดังนั้นไม่ต้องพูดว่า ทิญจน์นั้นจะเป็นแก้วตาดวงใจของผกายมาศกับธันว์แค่ไหน แค่จากพรากไปไหน ผกายมาศยังไม่อยากให้ไป แม้แต่ต่างประเทศก็ตาม ด้วยเหตุผล ที่ว่า เพราะลูกชายคนนี้ ต้องไปพักรักษาตัว ที่ต่างประเทศถึงยินยอม และเขาอยู่ในเขตอากาศที่หนาวและอุณหภูมิพอเหมาะรวมทั้งแพทย์ที่นั่นเก่ง สามารถรักษาอาการของบุตรชายได้ ตอนที่ปล่อยเขาไปครั้งแรก ผกายมาศร้องไห้เป็นวักเป็นเวรเหมือนกัน ที่ลูกชายในอ้อมอกต้องจากไปไกลตั้งแต่เด็กจบชั้นมัธยม เขาไปต่อไฮสคูลที่โน่นแต่เพื่อชีวิตของลูกชาย ที่ต้องมีหนทางรอด และรักษาชีวิตไว้ได้ เพื่อกลับมาหาเธอและสามี ที่เป็นพ่อของเขา ผกายมาศจึงเข้าใจ และตัดละทิ้งในเรื่องนี้เสีย แต่นี่เขากลับมาแล้วแม่อย่างผกายมาศต้องประคบประงมดูแลเขาเหมือนไข่ในหินแม้ทิญจน์จะเข้าไปทำงานแล้ว ในฐานะผู้บริหารคนหนึ่งของบริษัท ที่เขาจะต้องเรียนรู้งาน เพื่อเติบโต มากขึ้นกว่านี้ ในฐานะที่จะเป็นประธานบริษัทใหญ่ แทน คุณธันว์บิดา ที่จะต้องเกษียณอายุอีกไม่กี่ปี เพราะอยากจะให้ลูกชายรับช่วงแทน และเขาต้องเก่งเหมือนคุณธันว์เขาคิดและรับปากหมายมั่นในตัวเองว่า จะปั้นลูกชายคนนี้ให้สมดังใจ “ลูกจ๋าไปตากลมบ่อยเข้าเดี๋ยวก็ไม่สบายขึ้นมาเสียหรอก” ความห่วงใยทำให้ผกายมาศหลุดเสียงออกไป หนุ่มใบหน้าคมคายและสง่าหันเบือนกลับมา “คงไม่หรอกครับแม่ อากาศที่นี่เย็นสบาย ผมนั่งอยู่ตรงนี้แล้วมีความสุข” ทิญจน์ตอบมารดาซึ่งเขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ผกายมาศตรงเข้ามาแตะบ่าของบุตรชาย แล้วทรุดนั่งลงข้างๆ ทิญจน์อยู่กับมารดาเพียงลำพัง ในการเอาใจใส่ต่อบุตรชายคนนี้ของคุณผกายมาศมีมากที่สุด เพราะหล่อนยังเชื่อว่า ทิญจน์ผู้เป็นลูกชาย เขามีสุภาพที่ไม่ดีนักอย่างที่บอกลูกชายป่วยเป็นโรคร้ายมาตั้งแต่เด็ก เป็นโรคที่ไม่อาจบอกใครได้ แม้เขาจะรักษาอาการโรคนี้จนหาย แต่ว่า มันมีทางที่จะกลับมาอีกหากลูกชายของทิญจน์ ผู้เป็นบุตรสุดที่รัก อ่อนแอ และถูกกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง จึงเป็นเหตุผลที่เพียงพอที่คุณผกายมาศจะต้องประคบประงมบุตรชายคนนี้ต่อไปให้เป็นไข่ในหิน ที่หล่อนอยากจะเก็บเอาไว้ ดูแลปกป้องสมกับที่ทิญจน์เป็นสายเลือดเชื้อไขของนาง “ทานยาแล้วหรือยังล่ะลูก” ถามด้วยความเป็นห่วง เพราะก่อนอาหารเย็น ลูกชายจะต้องรับประทานยาตามที่หมอสั่ง ทิญจน์ที่ใบหน้ารื่นเริงแจ่มใส ตอบมารดา “ทานแล้วครับคุณแม่” “อืมส์ดีมากจ้ะลูกจ๋ายังไงลูกต้องทานยาเพื่อสุขภาพจะได้ดีวันดีคืน ตามที่เหมาะแนะนำ” คุณผกายมาศยิ้มให้กับบุตรชาย “วันเสาร์นี้หมอปสุตจะมาตรวจอาการของลูกอีกครั้ง เตรียมตัวไว้ด้วยนะจ้ะ” พูดถึงหมอที่รักษาอาการของเขาตั้งแต่ครั้งแรกในเมืองไทย เป็นหมอประจำตัวมาตั้งแต่เด็ก ที่เป็นคนบอกบิดามารดาของทิญจน์ ว่าเขาป่วยเป็นโรคร้าย และทางที่ดีต้องให้รีบรักษาอาการโรคนี้อย่างเร่งด่วน ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ชีวิตของทิญจน์ต้องบินเหิรลัดฟ้าไปสู่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ที่มีหมอเก่งที่สุด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD