ก็เหมือนทุก ๆ ปีที่พี่อินทัชไม่สนใจฉัน วันนี้ไม่มางานรับรางวัลที่ฉันคว้ามันมาได้ แค่คิดก็รู้สึกน้อยใจแล้วล่ะค่ะ
ฉันควรจะดูมีค่ากว่านี้พี่เขาควรจะแสดงความรักกับฉัน ไม่ใช่ปล่อยให้ฉันรู้สึกเคว้งคว้างอยู่แบบนี้
“วันนี้น้องขนมชั้นของพี่น้ำหวานเก่งมากเลยค่ะ” พี่น้ำหวานจีบปากจีบคอพูดขณะที่ฉันเดินถือถ้วยรางวัลลงมาจากเวที
“ค่ะ” ฉันยิ้มเศร้าๆ ให้พี่น้ำหวานแล้วเดินไปนั่งเก้าอี้ และคนที่ได้นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเป็นใครไปไม่ได้ค่ะนอกจากภาคภูมิ นักเเสดงหนุ่มไฟแรง
เขาเล่นละครกับฉันมาหลายเรื่อง จนคนทั่วไปมองฉันกับเขาเป็นคู่จิ้นไปแล้ว
“น้องขนมชั้นคะ ดูคุณภาคภูมิสิเขาเก่งและเหมาะสมกับขนมชั้นมากเลยนะคะ”
“พูดอะไรแบบนั้นคะ หนมชั้นมีแฟนแล้วนะคะ” ฉันเอ่ย ฉันมีแฟนแล้วถึงแม้ว่าแฟนของฉันจะไม่เคยสนใจก็ตาม
“แล้วในความรู้สึกของเขาล่ะ คุณขนมชั้นเป็นแฟนเขาหรือเปล่า?” ภาคภูมิเอ่ย มือถือรางวัลเดินมาหาฉัน นั่นสินะ ในความรู้สึกพี่เขาตอนนี้ฉันเป็นแฟนเขาหรือเปล่า พี่เขาถึงเอาแต่หมางเมินกับฉันได้ขนาดนี้
“พี่เขาแค่ไม่แสดงออกก็ได้ค่ะ” ปลอบใจตัวเองไว้ก่อนแหละ ใครจะยอมรับความจริงล่ะ ยอมรับความจริงก็เจ็บน่ะสิ
“บางทีการไม่แสดงออกของเขา มันคือสิ่งที่ต้องการบอกหนมชั้นเป็นนัย ๆ ก็ได้นะ ถ้าน้องขนมชั้นมีความสำคัญจริง ๆ พี่อินทัชของขนมชั้นก็คงมางานรับรางวัลแล้วสิ แต่นี่ไม่เห็นมาหนำซ้ำทุก ๆ ปีที่น้องขนมชั้นมางานประกาศผลรางวัล คนที่ขนมชั้นคิดว่าเป็นแฟนเขาก็ไม่เคยมาเลย” คำพูดของพี่น้ำหวานทำฉันคิดตาม ฉันมั่นคงกับความรักมาตลอด แต่ความรักของฉันในตอนนี้มันกลับไม่มีความสุข
หรือมันมาถึงจุดอิ่มตัวที่ฉันรู้สึกคิดตามและไขว่เขว่ไปกับพูดของคนอื่น ความรักที่ฉันมั่นคงทำหัวใจเริ่มสั่นไหว
“แล้วคุณขนมชั้นมีแฟนแล้วเหรอครับ” ภาคภูมิเอ่ย พร้อมกับจ้องหน้าฉัน
“มีแล้วค่ะ”
“แบบนั้นเรียกว่าแฟนเหรอ? น้องขนมชั้นคิดไปเองหรือเปล่า” พี่น้ำหวานว่าพลางทำท่าทางหงุดหงิด
“มีอะไรก็เล่าให้ผมฟังได้นะ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
“มีสิ ทำไมไม่ตอบคุณภาคภูมิไปเลยล่ะน้องขนมชั้น”
“แต่มันเรื่องส่วนตัว หนมชั้นขอตัวกลับก่อนนะ” ฉันเอ่ยใบหน้าบูดบึ้ง
“ถ้ามันไม่ไหวน้องขนมชั้นควรให้ค่าคนที่เห็นค่าเรานะ” พี่น้ำหวานเอ่ย
“มันไม่มีอะไรหรอกค่ะ” ฉันเอ่ย
“น้องขนมชั้นควรดูคนอื่นบ้างนะ อย่าจมปลักกับคนที่เขาไม่เห็นค่าเรา น้องทั้งสาวทั้งสวยควรมองใครเอาไว้บ้าง” ฉันไม่ได้ฟังพี่เขาพูดต่อหรอกค่ะ ฉันรู้แต่ว่าความรู้สึกของฉันมันแย่ แย่อย่างที่ไม่มีอะไรกั้น เฮ้อ
เท้าเล็ก ๆ เดินย่ำพื้นฝ่ากลุ่มนักข่าวออกมา บางทีฉันก็อยากจะเดินโง่ ๆ เดินแบบไม่ต้องคิดอะไร ความรู้สึกน้อยใจทุกอย่างถาโถมเข้ามา
กึก!
“อุ้ย! เชี่ยนี่” ร้องเท้าราคาแพงหูดับส้นแหลมปี๊ดหัก ฉันถอดมันออกก่อนจะเหวี่ยงมันทิ้งอย่างไม่ไยดี ฉันเดินไปจนกระสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง
แสงสปอร์ตไลน์ส่องสว่างไปทั่วบริเวณ ฉันนั่งมองแสงไฟระยิบระยับของตึกที่ตั้งตระหง่านที่ตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักพลางคิดอะไรไปเรื่อย ทำไมฉันถึงรู้สึกเคว้งคว้างได้ขนาดนี้
Rrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์แผดเสียงร้องดังลั่น มือเล็กของฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดู เป็นเบอร์ของพี่ปั้น พี่เขาคงจะโทรมาถามนั่นแหละ เหมือนทุกปีที่ได้เห็นการถ่ายทอดสดแล้วคุณในครอบครัวเห็นฉันได้รับรางวัล
“มีอะไรหรือเปล่าพี่ปั้น”
“พี่จะโทรมาบอกว่า...”
“พี่อินทัชไม่ว่างเลย งานเยอะติดลูกค้า หรือไม่ก็เหนื่อยเลยรีบไปบ้านไปนอน” ฉันรีบพูดแทรกอย่างประชดประชัน
“หนมชั้นช่วงนี้งานมันเยอะ” พี่ปั้นสิบเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ
“พี่เขาควรจะสนใจหนมชั้นกว่านี้ ฮึก! หนมชั้นรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีค่าอะไรเลย ฮือ ๆ” น้ำตาของฉันเอ่อคลอก่อนจะไหลรินอาบแก้ม ความรู้สึกมันบอกไม่ถูกไม่รู้ว่าจะเดินหน้าอย่างไรดี
“ตอนแรกพวกพี่ก็ว่าจะไป แต่น้ำหวานผู้จัดการส่วนตัวน้องบอกคนเยอะเกินไป ไปก็จะอึดอัดเปล่า ๆ ช่วงนี้งานก็เยอะ”
“ฮึก!”
“ให้พี่ไปรับไหม หรือน้ำหวานจะมาส่งเอง”
“หนมชั้นจะกลับเองค่ะ” ว่าพลางปาดน้ำตา
“อย่าน้อยใจเลย พี่เขาไม่ค่อยมีเวลาไม่ใช่ว่าเขาไม่รัก ทุกคนต่างก็มีหน้าที่ของตัวเอง”
“เขาควรเจียดเวลาน้อยนิดให้หนมชั้นบ้าง”
“อีกไม่นานพี่เขาก็มีเวลาให้หนมชั้น”
“แค่นี้นะคะ หนมชั้นอยากอยู่คนเดียว” ฉันว่าจบก็รีบกดวางสายปิดเครื่องทันที ตอนนี้ฉันอยากจะทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่าง ฉันอยากมีค่าในสายตาของคนที่ฉันรักบ้าง
ใครจะว่าฉันงี่เง่าฉันก็ยอมรับ ตอนนี้ฉันงี่เง่าฉันอยากมีใครที่อยู่ข้างฉันในวันที่ฉันต้องการ
“ฮือ ๆ” ฉันปิดหน้าของตัวเองร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ตอนนี้ฉันรู้สึกไม่เป็นตัวเองเลย ฉันรู้สึกอ่อนแอจนหัวใจสั่นไหว มันเจ็บปวดกับสิ่งที่เรียกร้องไม่ได้
ฉันไม่ใช่คนอ่อนแอทุกคนก็รู้จักนิสัยของฉันดี แต่ตอนนี้หัวใจของฉันมันกลับเจ็บปวด
“มาทำอะไรที่นี่ครับ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นจากทางด้านหลัง ฉันหันไปมองเจ้าของนั้นเป็นภาคภูมิที่เดินเข้ามาหาฉัน
“เปล่า ไม่มีอะไรสักหน่อย” ฉันปาดน้ำตาของตนเอง
“ไม่มีแล้วทำไมถึงร้องไห้อยู่แบบนี้ล่ะ”
“เปล่าสักหน่อย หนมชั้นแค่มานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ว่าแต่คุณอะมาอะไรที่นี่”
“เป็นห่วง” ภาคภูมิเอ่ยแล้วหย่อยกายนั่งลงข้างฉัน
“เป็นห่วงเหรอ?”
“ใช่ เป็นห่วง” เขายิ้มแล้วเอนกายพิงพนักพิง “ห่วงว่าคุณจะเป็นอะไรไป ผมเห็นคุณเดินออกมาใบหน้าไม่ค่อยสู้ดี ผมเลยรีบเดินตามมาเพราะเป็นห่วงคุณ มีอะไรเล่าให้ผมฟังไหม?”
“ไม่มี” ฉันเอ่ย
“ไม่บอกให้ผมฟังก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคุณอยากจะเล่าหรือถ้าคุณอยากไปเที่ยวไหนผมพาคุณไปได้นะ”
“ไม่ค่ะ หนมชั้นมีแฟนแล้วมันคงไม่เหมาะ”
“เราก็ไปในฐานะเพื่อนสิครับ”
“เพื่อนเหรอ?”
“อื้มเพื่อน ผมพร้อมที่จะพาคุณไปเที่ยวทุกที่เลยนะครับ”
“คนพาไปเที่ยวหนมชั้นมีค่ะ ที่บ้านหนมชั้นมีคนเยอะ”
“แต่เที่ยวกับคนที่บ้านมันก็ไม่สนุกเหมือนกับเที่ยวกับคนอื่นนะ ถ้าคุณไม่สบายใจพรุ่งนี้หลังจากถ่ายละครเสร็จ เราไปเที่ยวกัน”
“...เอ่อ...คงไม่ได้ค่ะ”
“อย่าเพิ่งปฏิเสธเลยครับ เผื่อพรุ่งนี้คุณอยากไปเที่ยวกับผม”
ฉันไม่ตอบแต่ก็พูดเรื่องอื่น ๆ ไปเรื่อย เอาจริง! ภาคภูมิก็ไม่ได้แย่เหมือนที่คิดตอนแรก เราพูดคุยกันได้แทบทุกเรื่อง แม้กระทั่งเรื่องงานถ่ายละครพรุ่งนี้เราก็พูดคุยกันได้
ภาคภูมิหัวเราะเบา ๆ เมื่อพูดเรื่องโก๊ะช่วงเข้าวงการฉันถึงกับหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ผู้ชายที่ฉันไม่เคยอยากพูดคุยด้วยกลับทำให้ฉันหัวเราะได้ เขานั่งคุยกับฉันจนกระทั่งดึกดื่นแล้วเราก็แยกย้ายกันไป
บางทีเพื่อนใหม่ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด