อารัมภบท

598 Words
อารัมภบท “ลี่หยาง ปีนี้เจ้าก็อายุเข้ายี่สิบสามหนาวแล้ว เหตุใดถึงยังมิคิดเรื่อง แต่งงานเสียที หรือเจ้าจะรอให้แม่แก่ตายเสียก่อนถึงจะได้อุ้มหลาน” หวังฮองเฮาเอ่ยกับบุตรชายด้วยสีหน้าอ่อนอกอ่อนใจ เพราะบุตรชายของนางแม้จะเป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเหลียง แต่ก็ยังไม่ยอมตบแต่งสตรีนางใดเข้าวังเสียที การที่เขามีนิสัยอันสุขุมเยือกเย็น ฉลาดและเก่งกาจทุกเรื่องมันก็ดีอยู่หรอก แต่การที่เขาไม่สนใจสตรีเลย นี่สิที่ทำให้นางจำต้องคิดหนักมาจนถึงทุกวันนี้ นางเองก็แก่ลงทุกวัน อย่างน้อยก็อยากจะมีหลานกับเขาบ้าง “เสด็จแม่ แต่ลูกยังไม่คิดมี ลูกเห็นสตรีเหล่านั้นแล้วรู้สึกปวดหัว” เขาเอ่ยแก้ตัว “แต่แม่ก็เห็นเจ้าอยู่กับเหมยเอ๋อร์ทุกวัน ไยไม่เห็นปวดหัว” “ก็นางเป็นสหายของลูกพ่ะย่ะค่ะ ลูกไม่เคยคิดว่านางเป็นสตรีเสียด้วยซ้ำ” “เจ้าแน่ใจรึ ว่านางเป็นเพียงแค่สหายของเจ้า?” เมื่อได้ยินคำถามของพระมารดา เขาก็ได้แต่นิ่งเงียบก่อนจะกล่าวแบบไม่เต็มเสียงนัก “ลูกมั่นใจพ่ะย่ะค่ะ” “ถ้าเช่นนั้นก็ดี พวกเจ้าสองคนเอาแต่ตัวติดกันอยู่แบบนี้ เกรงว่าหากคนอื่นมาเห็นเข้า นางจะเสียหายเอาได้ มิสู้ให้เสด็จพ่อของเจ้า หาคู่สมรสที่เหมาะสมให้กับนาง เจ้าว่าดีหรือไม่?” “ไม่ดีพ่ะย่ะค่ะ นางเป็นสหายเพียงคนเดียวของลูก อีกอย่างนางเป็นสตรีที่รักอิสระยิ่ง ย่อมไม่ชมชอบการถูกจับคลุมถุงชนเป็นแน่” เขาปฏิเสธเสียงแข็ง เพราะในความคิดของลี่หยาง นางเป็นสหายคนสนิทที่เขารักและไว้ใจมากที่สุด ด้วยความที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ทำให้นางและเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันไปเสียแล้ว ถึงแม้ลี่หยางจะเป็นองค์รัชทายาทผู้น่าเกรงขาม อีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าสตรี แต่เขาก็หาได้สนใจสตรีเหล่านั้นเลยสักนิด ไม่ว่านางจะอยากไปไหน เขามักจะเป็นคนพานางไปเสมอ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาดันไปตกหลุมรักสตรีนางหนึ่ง และหมายจะให้หญิงสาวช่วยเป็นแม่สื่อ แต่ครั้งนั้นก็ส่งผลให้นางตีตัวออกหากจากเขาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ครานั้นเขาทั้งร้อนใจและเป็นกังวล สุดท้ายนางกลับให้คำตอบเพียงแค่ว่า “ข้าเพียงอยากปล่อยให้เจ้าได้มีโอกาสสานสัมพันธ์กับสตรีคนอื่นบ้างก็เท่านั้น” ในตอนนั้นมันก็ทำให้เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าเมื่อใดก็ตามที่เขาเกิดพึงพอใจใครขึ้นมา เมื่อนั้นทุกอย่างก็คงจะเปลี่ยนไปและความสัมพันธ์ ระหว่างเขากับนางก็คงจะไม่เหมือนเดิม ซึ่งลี่หยางไม่มีวันยอมให้เป็นเช่นนั้น นับตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่คิดที่จะสนใจสตรีคนไหนอีกเลย แต่ดูเอาเถิด!! มาบัดนี้พระมารดากลับอยากให้เขาแต่งงานเพียงเพราะอยากอุ้มหลานเนี่ยนะ… ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย! “เอาเถอะ!! แม่จะไม่บังคับใจเจ้า แต่ได้ข่าวว่าท่านเสนาบดีกรมขุนนางผู้นั้นกำลังจะขอเข้าเฝ้าเสด็จพ่อเพื่อกราบทูลขอสมรสพระราชทานให้กับบุตรสาวของเขา หากเจ้าขืนชักช้าไปมากกว่านี้ แม่เกรงว่าเจ้าจะไม่มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่อยากจะทำ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD