“คอยไปเถอะเอ็ดเวิร์ด คอยไปอีกทั้งชาติ นายก็ไม่ได้เห็นเราแต่งงานกับสาวแก่นแก้วหรอก”
เรนย์ต่อว่าพ่อบ้านเอ็ดเวิร์ด โดยไม่ได้สนใจหันไปมองอีกฝ่าย เขายังคงมองดูการ์ดแต่งงานที่ทำขึ้นอย่างวิจิตรหรูหราที่ถูกส่งมาหาตนเอง จวบจนกระทั่งเห็นการ์ดใบสุดท้าย ที่ถูกทำขึ้นอย่างเรียบๆ ทว่าดูหรู สะกิดใจเข้าเป็นที่สุด ด้วยมันถูกทำขึ้นจากกระดาษมัน มีสีเดียวกันกับท้องทะเลสีคราม ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตรจากคฤหาสน์ของเขา
ชายหนุ่มรีบเปิดการ์ดใบดังกล่าวออกดูทันที พอได้เห็นตัวอักษรสีทองที่พิมพ์ไว้อย่างสวยงาม แถมยังมีภาพของเรือ The Royal Adamas (เดอะรอยัล อาดามัส) ของผู้เป็นเจ้าบ่าวประกอบอยู่ด้วย ก็ถึงกับเบิกตาโต ต้องกวาดสายตามองซ้ำราวกับไม่เชื่อสายตา ก่อนจะเอ่ยบอกพ่อบ้านวัยดึกด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นยิ่งนัก
“เอ็ดเวิร์ด บารอนกำลังจะแต่งงาน”
พ่อบ้านเฒ่ามีสีหน้าตื่นเต้นไม่ต่างจากผู้เป็นนาย หากแม้เจ้านายของตนนั้นรู้จักและสนิทสนมกับกัปตันบารอน ดี ทีสต์ มากเพียงใด เขาเองก็รู้จักกัปตันบารอน เป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน และเมื่อได้ยินผู้เป็นนายบอกว่ากัปตันหนุ่มผู้อาจหาญกำลังจะแต่งงาน ก็พลอยตื่นเต้นและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าสาวของกัปตันบารอน จะเป็นหญิงสาวคนเดียวกันที่เขาได้ไปส่งขึ้นเครื่องบินกลับประเทศไทยเมื่อสองปีก่อน
“จริงหรือครับ ผมขอดูการ์ดแต่งงานหน่อยครับ ผมอยากรู้ว่ากัปตันบารอนแต่งงานกับใคร”
“คุณนันท์นลิน บารอนกำลังจะแต่งงานกับคุณนันท์นลิน”
เรนย์ยื่นการ์ดแต่งงานให้กับพ่อบ้าน ขณะได้เอ่ยตอบออกไป เขารู้สึกมึนงงระคนแปลกใจว่าจู่ๆ ทำไมกัปตันบารอนเพื่อนรัก ถึงได้แต่งงานกับนันท์นลิน หลังจากที่กัปตันบารอนได้ไล่นันท์นลินลงจากเรือเดอะ รอยัล อาดามัส และยังให้เขาเป็นธุระเรื่องส่งหญิงสาวกลับประเทศไทยด้วย
พ่อบ้านเอ็ดเวิร์ดรับการ์ดแต่งงานมาจากเจ้านาย ก่อนจะกวาดสายตามองชื่อของเจ้าสาวเป็นอันดับแรก พอได้เห็นตัวอักษรสีทองบอกชื่อของเจ้าสาว ซึ่งเป็นเช่นดั่งที่เจ้านายได้เอ่ยบอกเมื่อสักครู่ ก็ถึงกับแย้มยิ้มกว้างด้วยความดีใจไม่แพ้กัน
“กัปตันบารอนกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับคุณนันท์นลินจริงๆ ด้วยครับ”
“เรางงไปหมดแล้วเอ็ดเวิร์ด ทำไมจู่ๆ สองคนนั้นถึงได้โคจรมาพบกัน หลังจากที่พรากจากกันถึงสองปีเต็ม”
เรนย์พึมพำเอ่ยถาม พร้อมกันหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เตรียมจะกดโทรหาเพื่อนรัก แต่ปลายนิ้วยาวแข็งแกร่ง ที่กำลังจิ้มลงไปบนตัวเลข มีอันต้องชะงักไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินคำพูดของพ่อบ้านเอ็ดเวิร์ดได้ลอยมากระทบโสตประสาท
“กัปตันอารอน ดี ทีสต์ ขอเชิญร่วมเป็นสักขีพยาน ในพิธีมงคงสมรสระหว่างกัปตันบารอน ดี ทีสต์ และนันท์นลิน ดี ทีสต์” พ่อบ้านเอ็ดเวิร์ดเงยหน้าขึ้นจากการ์ดสวยหรู จากนั้นก็เอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัยเหลือกำลัง
“คุณเรนย์ครับ กัปตันอารอน ดี ทีสต์นี่คือใคร แล้วทำไมคุณนันท์นลินถึงได้ใช้นามสกุลของกัปตันบารอน ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แต่งงานกันล่ะครับ”
“เราก็ไม่รู้เหมือนกันเอ็ดเวิร์ด ตอนนี้เรางงไปหมดแล้ว คนที่จะตอบคำถามของนายและเราได้ดีที่สุด คงเป็น
บารอนเพียงคนเดียวเท่านั้น”
ว่าแล้วก็เตรียมกดโทรศัพท์ข้ามทวีปไปหาเพื่อนรัก เพื่อนตายของตนเอง แต่ไม่ทันได้จิ้มนิ้วลงไปบนโทรศัพท์ ผู้ที่ถูกพาดพิงถึงราวกับเป็นนกรู้ว่ามีคนกำลังพูดถึงตนเอง เพราะเสียงโทรศัพท์ในมือของเจ้าของคฤหาสน์เดอะ บลู เฮ้าส์ ได้กรีดเสียงดังขึ้น และแน่นอนว่าผู้ที่โทรมาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากกัปตันบารอน ดี ทีสต์...
++++++++++++++++++++
“ตายยากชะมัดเลยนะบารอน”
เป็นประโยคแรกที่เรนย์ได้ทักทายเพื่อนรัก หลังจากที่ได้กดรับสายแล้ว ซึ่งพอสิ้นคำพูดของเขา ก็ได้ยินเสียงของกัปตันหนุ่มหัวเราะร่วนพร้อมกับเอ่ยแซวมาตามสาย
“เป็นคำทักทายที่ใช้ได้เลยนะเรนย์ เจรามี่ ว่าแต่นายเห็นการ์ดแต่งงานของเราหรือยัง”
เรนย์ดึงการ์ดแต่งงานที่สร้างความงุนงงให้กับเขาได้เป็นอย่างมาก มาจากมือของพ่อบ้านเอ็ดเวิร์ด ก่อนจะยิงคำถามใส่กัปตันบารอนเสียชุดใหญ่
“เห็นแล้ว และตอนนี้เรากับเอ็ดเวิร์ดกำลังต้องการคำตอบว่าใครคือกัปตันอารอน ดี ทีสต์ และทำไมคุณนันท์นลินถึงได้ใช้นามสกุลของนาย ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน แล้วนายกลับประเทศไทยตั้งแต่เมื่อไร ทำไมไม่ส่งข่าวบอกเราด้วย และสุดท้ายคือ นายไปเจอคุณนันท์นลินได้ยังไงกัน ถ้ายังไงรบกวนคุณกัปตันบารอนตอบมาให้กระจ่างชัดทุกคำถามเลยนะครับ”
ปลายทางที่ได้โทรข้ามทวีปมาหาเจ้าของคฤหาสน์เดอะ บลู เฮ้าส์ ได้หัวเราะร่วนเสียงดังกว่ารอบแรก และแทนที่จะไขข้อสงสัย ทำให้เครื่องหมายคำถามได้จางหายไปจากใบหน้าของเพื่อนรักรวมทั้งพ่อบ้านเอ็ดเวิร์ด ที่ต่างก็ตั้งใจรอฟังคำตอบ กัปตันบารอนกลับเล่นลิ้นไม่ยอมตอบง่ายๆ
“ถ้าอยากได้คำตอบในทุกคำถามที่นายได้ถามมา นายจะต้องเดินทางมาฟังคำตอบที่ประเทศไทย”
“ไปแน่คุณกัปตัน” เรนย์สัพยอกกลับ ก่อนจะเอ่ยบอกเพื่อนรักต่อตามประสาคนใจร้อน
“เราจะตีตั๋วไปประเทศไทยในวันพรุ่งนี้เลย ถ้าไงก็เตรียมคำตอบไว้ตอบเราด้วย”
“ดีมากเรนย์ เพราะเราอยากให้นายมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้เราด้วย”
น้ำเสียงของปลายทางที่ได้เอ่ยมาตามสายบ่งบอกถึงความยินดียิ่งนัก เมื่อได้ยินเจ้าของคฤหาสน์เดอะ บลู เฮ้าส์ บอกว่าจะเดินทางมาประเทศไทยในทันที
“ด้วยความยินดีเลยบารอน เราอยากพบนายมาก และอยากรู้ใจจะขาดแล้วว่าใครคือกัปตันอารอน ดี ทีสต์”
ขณะได้สนทนากับเพื่อนรัก เรนย์ก็ได้เดินลงจากระเบียงหน้าบ้าน ลงไปตามบันไดหินอ่อนที่ทอดยาวไปถึงหาดทรายขาวสะอาดอันเป็นอาณาจักรส่วนตัวของเขา ที่คนนอกไม่สามารถย่างกรายเข้ามาได้ หากไม่ได้รับอนุญาตเสียก่อน
“รีบมาเร็วๆ แล้วกันเรนย์ เพราะเรามีเซอร์ไพรส์หลายๆ เซอร์ไพรส์ จะมอบให้กับนายด้วย”
กัปตันบารอนช่างขยันสร้างเครื่องหมายคำถาม ให้เกิดบนใบหน้าของเรนย์ยิ่งนัก เพราะพอได้ยินกัปตันหนุ่มผู้เป็นเพื่อนรัก เพื่อนตาย ได้เอ่ยพูดมาเช่นนี้ เรนย์ก็ยิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่
“บารอน! นายอย่ากระตุ้นต่อมความอยากรู้ของเราให้พลุกพล่านสิวะ แค่นี้เราก็อยากรู้จวนจะคลั่งอยู่แล้ว”
“อืม...ถ้างั้นอีกสองวันค่อยเจอกัน แล้วเราจะส่งเพื่อนเจ้าสาวไปรอรับนายที่สนามบินด้วย”
กัปตันเรือผู้อาจหาญ เน้นหนักตรงคำว่าเพื่อนเจ้าสาวให้เรนย์ได้เอะใจเล่น
ทว่า...คนที่กำลังอยากรู้อยากฟังเกี่ยวกับชีวิตรักอันแสนวุ่นวายของกัปตันบารอน ดี ทีสต์ กลับไม่ได้สนใจฟังหรือรู้สึกเอะใจแม้แต่นิดเดียว
“เฮ้ย! ไม่ต้องส่งคนมารับ เดี๋ยวเราจะไปหานายเอง”
พอได้ยินเพื่อนรักบอกว่าจะส่งคนมารับ เรนย์ก็ได้ตะโกนคัดค้านเสียงหลง แต่ก็ไม่ทันการณ์แล้ว เพราะฝ่ายที่โทรมากได้กดตัดสายไปเสียแล้ว
“อ้าว! ไอ้กัปตัน! นึกจะวางสายก็กดวางเสียดื้อๆ เลยหรือว่ะ”
เรนย์บ่นอุบ เมื่อปลายทางได้กดวางสายหนีตนเองไปแล้ว เขาหันไปมองพ่อบ้านเอ็ดเวิร์ดที่กำลังก้าวเท้ามาหยุดยืนอยู่ข้างหลัง จากนั้นก็เอ่ยสั่งพ่อบ้านรัวเร็ว ตามประสาคนใจร้อน
“เอ็ดเวิร์ดเราจะเดินทางไปประเทศไทย นายจัดกระเป๋าเดินทางให้เราด้วย และก็จองตั๋วเครื่องบินเอาเที่ยวแรกของวันพรุ่งนี้เลย”
“ได้ครับคุณเรนย์”
พ่อบ้านเอ็ดเวิร์ดโค้งคำนับรับคำสั่ง แล้วหมุนตัวกลับทำท่าจะเดินออกไปจากบริเวณดังกล่าว แต่แล้วก็เปลี่ยนใจหมุนตัวกลับมามองเจ้านายหนุ่มอีกครั้ง ก่อนจะทำใจกล้าเอ่ยขออนุญาตออกมา
“คุณเรนย์ครับ เอ่อ...ผมขอไปเมืองไทยด้วยได้ไหมครับ”