แม้จะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่ว่าการต้องยืนรอนานๆ ทำเอาหวางสู่ผิงอดกัดฟันไม่ได้ ทว่าเมื่อคุณหนูไม่เอ่ยปากตนผู้เป็นคนดูแลก็ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง วางท่าทีคล้ายไม่ธรรมดาสามัญออกมา สองนายบ่าวยืนอยู่เช่นนี้เกือบหนึ่งชั่วยาม ประตูบานเล็กจึงเปิดออก คนที่ก้าวออกมาเชื้อเชิญทั้งสองคล้ายจะเป็นพ่อบ้านใหญ่ของจวนโหว เดินมาหยุดตรงหน้าเมิ่งถิงเซ่อได้ก็ค้อมกายกล่าว “ข้าน้อยมีนามว่ากุ่ยอี้ เป็นพ่อบ้านของจวนโหว ไม่ทราบว่าแม่นางเป็นเจ้าของหยกชิ้นนี้หรือ” เสียงพ่อบ้านน่าฟังนัก เมิ่งถิงเซ่อยอบกายลง แม้อีกฝ่ายจะเป็นเพียงพ่อบ้าน แต่เป็นพ่อบ้านของจวนโหวย่อมไม่ธรรมดา “ตอบพ่อบ้าน นั่นคือหยกของข้าเอง” “ไม่ทราบว่าแม่นางมีนามว่าอะไร และแม่นางมีหยกชิ้นนี้ได้อย่างไร” ดวงตาของเมิ่งถิงเซ่อราบเรียบยิ่ง “ข้าน้อยแซ่เมิ่งนาม ถิงเซ่อ หยกชิ้นนี้เป็นบิดาแท้ๆ มอบให้” คิ้วตาของพ่อบ้านจวนเจิ้นนามกุ่ยอี้ในวัยสี่สิบห้า