ตอนที่สาม คนเจ้าเล่ห์ 2.2

2818 Words
“ทำไม? โกรธ หรือไม่พอใจ?” พี่บิ๊กไบค์ยื่นหน้าเข้ามาถามอย่างยียวน ฉันจ้องหน้าเขากลับพร้อมกับเม้มปากเป็นเส้นตรง นึกโมโหตัวเองที่ทำอะไรเขาไม่ได้เลย “แก้มไม่ใช่ผู้หญิงในสต๊อกของพี่นะคะ จะได้ยิ้มรับหน้าระรื่นเวลาพี่ปนเปอรสสวาทให้!” “เหรอครับ” พี่บิ๊กไบค์ยกยิ้มอย่างพอใจที่ฉันเถียงเขา “พอใจแล้วก็ปล่อยแก้มสิ” ฉันพยายามลุกออกจากตัวเขา แต่แขนหนาก็รัดเอวฉันไว้แน่นจนขยับตัวไม่ได้ “ปล่อยได้ไง พี่ยังไม่ได้...ทำอะไรเลย” ฉันกัดริมฝีปากล่างแน่นพร้อมกับจ้องหน้าพี่บิ๊กไบค์อย่างโกรธเคือง และเหมือนเขาจงใจจะแกล้งฉัน พี่บิ๊กไบค์เริ่มโยกเอวขยับเข้าออกอย่างช้าๆ เนิบๆ ทำให้ฉันต้องเบือนหน้าหนีไปอีกทางพร้อมกับนิ่วหน้าด้วยความเสียวซ่าน มือหนาจับสะโพกฉันให้เคลื่อนไหวตามจังหวะจากเอวหนา ฉันพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้ลุ่มหลงไปกับการกระทำของเขา “อ่า...รู้สึกดีจัง...” พี่บิ๊กไบค์จงใจครางเบาๆ กรอกหูฉัน มันทำให้ขนในกายของฉันรุกชันไปทั้งตัวด้วยความสยิว ฉันเริ่มหายใจติดขัดก่อนจะฟุบหน้าซบอกแกร่งอย่างยอมแพ้ ฉันต้านเขาไม่อยู่จริงๆ ฉันหอบหายใจแรงรดต้นคอหนาพร้อมกับยกมือขึ้นโอบรอบคอพี่บิ๊กไบค์แน่น “แก้มยอมแล้ว... อื้ออออ” ฉันยอมปล่อยตัวปล่อยใจไปกับพี่บิ๊กไบค์ ปล่อยให้เอวหนาขยับได้ตามใจชอบ ฉันไม่อาจทนอดต่อความรู้สึกอันวาบหวามนี้ได้ สมองมองเริ่มพร่าเรือน ความรู้สึกต่อต้านการก่อนหน้านี้หายไป มันถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกบางอย่าง ฉันเริ่มขยับสะโพกขึ้นลงเองโดยที่พี่บิ๊กไบค์ไม่ต้องนำพา และกลายเป็นพี่บิ๊กไบค์เองที่ต้องหลับตาลงพร้อมกับนิ่วหน้าด้วยความสยิว ยิ่งได้เห็นสีหน้าทรมานของพี่บิ๊กไบค์แล้ว มันยิ่งทำให้ฉันได้ใจ อยากจะทรมานเขาให้มากกว่านี้ ฉันจึงโยกสะโพกให้เร็วขึ้นและแรงขึ้น พี่บิ๊กไบค์ถึงกลับต้องกัดริมฝีปากล่างแน่น “อือออ แก้ม...” พี่บิ๊กไบค์ครางเสียงแผ่ว การที่ได้เห็นสีหน้าทรมานของคนที่อยู่ได้ร่างตัวเอง มันรู้สึกดีแบบนี้นี่เอง เราต่างโถมกำลังใส่กันอย่างหนักหน่วง จนไม่สนอะไรแล้วในตอนนี้ ไม่สนว่าด้านนอกรถจะมีใครเห็นหรือได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นภายในรถหรือเปล่า ไม่สนว่าฉันหรือเขาที่โดนทำโทษซึ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำโทษเรื่องอะไร ฉันรู้เพียงแต่ว่า ฉันต้องการเขาและรีบทะยานไปให้ถึงฝั่งฝัน “แก้ม...อืออ พี่จะไม่ไหวแล้วนะ” พี่บิ๊กไบค์รั้งตัวฉันเข้าไปกอดพร้อมกับโฉบริมฝีปากเข้ามาดูดดึงเม็ดทับทิมอย่างเร่าร้อน ฉันจึงแอ่นอกให้เขาได้ชิมอย่างสมใจ “อื้อออ พี่ไบค์ แก้ม...อือออ” สะโพกหนาขยับสวนขึ้นมาอย่างรัวเร็ว เหมือนเขารู้ว่าฉันต้องการอะไร ฉันเองก็เร่งจังหวะให้เร็วขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ ร่างกายของฉันเริ่มเกร็งไปทุกสัดส่วนและในจังหวะสุดท้ายฉันก็ทะยานขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดพร้อมกับที่ร่างหนากระตุกเกร็งอยู่สองสามครั้ง ฉันรู้สึกร้อนวาบอยู่ในท้องน้อย ก่อนจะหมดแรงแล้วซบหน้าลงกับอกแกร่ง “ตัวเล็กๆ แค่นี้ แรงดีเหมือนกันนะเรา” ฉันยกกำปั้นทุบอกพี่บิ๊กไบค์หนึ่งทีโดยที่ยังไม่เอาหน้าออกจากอกแกร่ง เพราะฉันรู้ว่าจะต้องโดนเขาแซวแบบนี้ ฉันจึงไม่กล้ามองหน้าเขาได้แต่ซุกหน้ากับอกแกร่งไว้ “อีกสักรอบไหม” พี่บิ๊กไบค์เอ่ยถาม “ไม่ค่ะ!” ฉันรีบเงยหน้าขึ้นมาตอบทันที เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พี่บิ๊กไบค์หันมามองหน้าฉันพอดี แล้วความรู้สึกเขินอายก็พุ่งเข้าใส่ฉันเต็มเปาเมื่อได้เห็นสายตากรุ้มกริ่มพร้อมรอยยิ้มกระชากใจ “แก้มอยากกลับหอ” ฉันหลบตาพี่บิ๊กไบค์ทันทีก่อนจะเอ่ยบอกโดยที่ไม่มองหน้าเขา “แก้มใส” พี่บิ๊กไบค์จับไหล่ฉันให้ออกห่างตัวเล็กน้อย เขาเอียงหน้ามามองเพราะฉันก้มหน้าอยู่ “ค่ะ” ฉันพยายามหลบตาพี่บิ๊กไบค์ทุกวิถีทาง เขาจึงเลื่อนมือหนาขึ้นมาจับใบหน้าฉันให้หันมามองที่เขา “มองตาพี่” ฉันค่อยๆ เลื่อนสายตามองหน้าพี่บิ๊กไบค์อย่างช้าๆ เมื่อสายตาเราสานกันก็เกิดความเงียบไปชั่วขณะ ทำให้ฉันได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองที่มันเต้นโครมครามอยู่ภายในอย่างชัดเจน ไม่รู้ว่าพี่บิ๊กไบค์จะได้ยินหรือเปล่า “เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเรา พี่ตั้งใจ พี่ยินดีทำทุกอย่างเพื่อแก้ม ขอเพียงแค่แก้มเอ่ยออกมา เพราะพี่ชอบแก้มจริงๆ” ทุกคำพูดที่ถูกเอ่ยออกมา น้ำเสียงที่พูดและแววตา บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ามันออกมาจากใจของพี่บิ๊กไบค์จริงๆ ฉันยอมรับ ว่าลึกๆ แล้วก็แอบโอนเอียงมาทางพี่บิ๊กไบค์อยู่ไม่น้อย แต่ฉันก็ยังไม่มั่นใจตัวเอง ว่าสิ่งที่ฉันรู้สึกกับพี่บิ๊กไบค์ มันคือความชอบหรือแค่รู้สึกดี... เพราะที่ผ่านมา ฉันก็มองเพียงแต่พี่โต้งคนเดียวไม่เคยเหลียวมองใคร เวลาฉันเจอปัญหาหรือลำบาก พี่โต้งมักจะยื่นมือมาช่วยฉันเสมอ จนมันเกิดเป็นความผูกพันทำให้ฉันเฝ้ามองหาแต่พี่โต้งตลอดมา “แก้ม...” ฉันไม่อยากตอบอะไรไปส่งๆ ถ้าหากตัวเองยังไม่มั่นใจ “พี่รอได้แก้ม” พี่บิ๊กไบค์ยกยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกับสบตาฉันอย่างแน่วแน่ “ขอเวลาแก้มหน่อยนะคะ แก้มอยากมั่นใจตัวเองกว่านี้ก่อน” “ครับผม” เราต่างส่งยิ้มให้กันอย่างเข้าใจ มันทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นไปอีกที่พี่บิ๊กไบค์ไม่เซ้าซี้และไม่เร่งรัดอะไร พี่บิ๊กไบค์เอื้อมมือไปหยิบบราของฉันขึ้นมาจากพื้นพรมของรถ เขานำมันมาใส่ให้ฉัน ฉันจึงยื่นมือไปแย่งมาใส่เอง แต่มีเหรอที่คนอย่างพี่บิ๊กไบค์จะยอม เขาส่งสายตาดุมาให้ ทำให้ฉันต้องจำใจนั่งนิ่งและยอมให้เขาใส่ให้แต่โดยดี “เสื้อ?” พี่บิ๊กไบค์เอ่ยถาม เหมือนเขาจะลืมไปว่า เสื้อของฉันมันถูกเขาฉีกขาดไปแล้ว ฉันเหล่ตาไปมองซากเสื้อยืดที่ขาดออกเป็นสองชิ้นอยู่บนเบาะฝั่งคนขับ “โทษที” พี่บิ๊กไบค์ยิ้มเขิน พร้อมกับยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองอย่างแก้เก้อ ฉันจึงยกมือขึ้นมาลูบแขนตัวเองปอยๆ เริ่มรู้สึกหนาวอยู่หน่อยๆ แล้วพี่บิ๊กไบค์ก็ถอดเสื้อยืดของตัวเองออก แล้วนำมาสวมใส่ให้ฉัน “แล้วพี่จะใส่อะไรล่ะคะ” “พี่ไม่ใส่นะ ไม่เป็นไร แต่ถ้าแก้มไม่ใส่อ่ะ เป็นแน่ ๆ” แล้วฉันก็โดนสายตาแทะโลมจากพี่บิ๊กไบค์อย่างไม่ปิดบัง เพียงแค่เขาจ้องมองมันก็สร้างความร้อนรุ่มอยู่ในอกฉันเต็มเปา สายตาที่มองมาเหมือนกับว่าเขาสามารถมองทะลุผ่านเสื้อยืดได้อย่างนั้นแหละ “แก้ม...” “คะ” “พี่ไม่ได้หนักหรอกนะ แต่ว่า...ถ้าแก้มยังนั่งอยู่แบบนี้ พี่จะไม่ทนแล้วนะ” ฉันแทบจะกระโดดลงจากตักพี่บิ๊กไบค์ในทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังนั่งคร่อมตักพี่บิ๊กไบค์อยู่ “ขอโทษค่ะ” ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงจึงเอ่ยขอโทษออกไปเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย “ขอโทษ?” พี่บิ๊กไบค์เลิกคิ้วขึ้นสูงพร้อมกับแสดงสีหน้าสงสัย “ขอโทษพี่เรื่องอะไรครับ? เรื่องที่นั่งตักพี่นาน หรือเรื่องที่ทำพี่ทรมานเกินไป” “พี่ไบค์” ฉันหันขวับไปมองหน้าพี่บิ๊กไบค์อย่างตกใจ แล้วความร้อนรุ่มก็ขึ้นมาสุ่มอยู่บนใบหน้าและตามมาด้วยความเขินอายสุดๆ ทำไมชอบพูดจาอะไรแบบนี้อยู่เรื่อยเลยนะ คนบ้า! “พี่ชอบให้แก้มทรมานพี่นะ” พี่บิ๊กไบค์โน้มหน้ามาบอกในระยะประชิด พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำให้ฉันต้องเบือนหน้าหนีไปอีกทางเพราะไม่อาจทนกับสายตาอันร้อนแรงของพี่บิ๊กไบค์ได้ ผ่านไปยี่สิบนาที เราต่างก็กลับไปนั่งที่ของตัวเองหลังจากแต่งตัวเรียบแล้ว มั้ง? ฉันนะเรียบร้อยดีแต่ว่าพี่บิ๊กไบค์นี่สิ ไม่ได้ใส่เสื้อ แต่เขาก็ดูแฮปปี้ดีเพราะได้นั่งโชว์ซิกแพคแสนสวยของตัวเอง ติ๊ด ๆ ๆ ติ๊ด ๆ ๆ ฉันนั่งหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาโทรศัพท์ของตัวเอง เพราะฉันได้ตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้แจ้งเตือนเวลาทำงานพิเศษของฉัน และเสียงมันก็ดังมาจากบริเวณเท้าของพี่บิ๊กไบค์ ด้วยความที่ฉันไม่ได้คิดอะไร จึงโน้มตัวลงไประหว่างขาของพี่บิ๊กไบค์ พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และในจังหวะที่ฉันจะยันตัวเองขึ้น ข้อศอกก็ดันไปโดนกล่องดวงใจของพี่บิ๊กไบค์เต็มแรง “โอ๊ย!” พี่บิ๊กไบค์ร้องลั่นพร้อมกับนั่งตัวง้อเอามือกุมกล่องดวงใจตัวเองไว้ด้วย “ขะ ขอโทษค่ะ!” ฉันไม่รู้จะช่วยเขายังไง คงจะเจ็บน่าดู “แก้มไม่ได้ตั้งใจ เจ็บมากไหม” ฉันทำอะไรไม่ถูกเลยได้แต่นั่งหันรีหันขวางเพื่อมองหาสิ่งที่พอจะช่วยเขาได้ “แค่จุกนะครับ ไม่เป็นไรมากหรอก” พี่บิ๊กไบค์ตอบพร้อมกับพยายามที่จะยกยิ้มให้ดูเหมือนว่าเขาโอเครจริงๆ “เดี๋ยวแก้มไปซื้อยาให้นะคะ” ฉันกำลังจะหันตัวไปเปิดประตูรถ ก็โดนมือหนาคว้าหมับพร้อมกับที่ตัวของฉันลอยขึ้นจากเบาะที่นั่งอยู่ย้ายไปยังตักของคนเจ้าเล่ห์ทันที “ไม่ต้องหรอก แค่แก้มจุ๊บพี่หนึ่งทีก็หายแล้วล่ะ” เมื่อรู้ตัวว่าหลงกลเข้าให้แล้ว ฉันก็ประเคนกำปั้นหนักๆ ทุบอกแกร่งไปหลายต่อหลายทีด้วยความหมั่นไส้ “คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วง ยังจะมาแกล้งอีก” พี่บิ๊กไบค์จ้องหน้าฉันนิ่งเหมือนตกใจอะไรสักอย่าง และนั่นเองที่ทำให้ฉันรู้สึกตัวว่าได้พูดอะไรออกไป “คือ...” “เป็นห่วงพี่เหรอ...” พี่บิ๊กไบค์จ้องหน้าฉันพร้อมกับแววตาแห่งความดีใจ ยิ่งได้เห็นความตื่นเต้นป่นความดีใจเขาพี่บิ๊กไบค์แล้วมันทำให้ฉันใจร้ายกับเขาไม่ลงจริงๆ “อย่างเล่นแบบนี้อีกนะ” ฉันหลุบตาลงต่ำด้วยความรู้สึกประหม่าเล็กน้อย “ครับ” แขนหนากระชับกอดเอวฉันแน่นขึ้นพร้อมกับใบหน้าคมเลื่อนขึ้นมาเกยคางบนไหล่เล็กของฉัน ความอุ่นร้อนจากร่างหนาแผ่ซ่านไปทั่วหลังแผ่นหลังบาง มันทำให้รู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ติ๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ เสียงโทรศัพท์ของฉันดังอีกครั้ง ฉันจึงยกมันขึ้นมาปิด “ได้เวลาที่แก้มต้องไปทำงานแล้วค่ะ” “หื้อ... งานอะไร?” “แก้มทำงานพิเศษอยู่ที่ร้าน M M Shopping นะคะ” “ร้านพี่มิรินนะเหรอ” “ใช่ค่ะ พี่ไบค์รู้จักด้วยเหรอคะ” “รู้จักสิ ก็ร้านแฟนไอ้โต้งนิ” แล้วความเงียบก็บังเกิดอีกครั้ง ถึงแม้ว่าฉันจะแอบสงสัยอยู่ก็เถอะ ว่าพี่มิรินกับพี่โต้งเป็นแฟนกันหรือเปล่า ฉันเห็นสายตาของพี่โต้งเวลาที่มองพี่มิรินมันเป็นสายตาแห่งความห่วงหาที่ฉันเองไม่เคยได้สัมผัสมันเลยสักครั้ง “พี่ขอโทษ” “ขอโทษทำไมค่ะ พี่ไบค์ไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อย” ฉันส่งยิ้มหวานไปให้พี่บิ๊กไบค์เพื่อไม่ให้เขาคิดมาก ฉันน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่ายังไงซะ พี่โต้งก็ไม่วันหันมามองฉันหรอก เพราะในหัวใจของพี่โต้งมีให้แค่พี่มิรินคนเดียว สำหรับพี่โต้ง ฉันก็เป็นได้เพียงแค่น้องสาวเท่านั้นแหละ “รบกวนพี่ไบค์ไปส่งแก้มได้ไหมคะ” “ได้สิครับ” ผมเผลอพูดอะไรออกไปเนี่ย ไม่น่าพลั้งปากเลย ถึงแม้ว่าแก้มใสจะทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่ผมรู้ว่าลึกๆ แล้ว แก้มใสยังคงมีใจให้ไอ้โต้งอยู่ ในระหว่างทางผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าควรต้องแวะร้านยาก่อน เพราะผมไม่ได้ป้องกัน ผมจึงหันไปมองแก้มใสที่กำลังนั่งเหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่าง ผมจึงเลี้ยวรถจอดหน้าร้านยาทันที “พี่ไบค์จะซื้อยาเหรอคะ เดี๋ยวแก้มไปซื้อให้” ดูเอาเถอะครับ ว่าใจลอยแค่ไหน คิดว่าผมจะซื้อยาให้ตัวเองซะงั้น ทั้งที่ตัวเองจำเป็นกว่าผมแท้ๆ เอ๊ะ! หรือว่าผมจะไม่ซื้อให้กินดี เผื่อว่าถ้าท้องขึ้นมาแล้วแก้มใสอาจจะลืมไอ้โต้งแล้วหันมาสนใจลูกแทน เป็นความคิดที่เข้าท่าดีเฮะ “งั้นไม่ซื้อแหละ” “เดี๋ยวค่ะ!” ผมกำลังจะขับรถออกจากร้านยา แก้มใสก็ร้องขึ้นมาเสียงดังลั่น ทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย ผมหันไปมองแก้มใสพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นสูงเชิงตั้งคำถาม “แก้มว่า... แก้มควรไปซื้อยาค่ะ” ความซื่อของแก้มใสทำให้ผมหลุดยิ้มขำ อะไรจะโก๊ะขนาดนั้น พึ่งจะมารู้ตัวก็ตอนที่ผมกำลังจะขับรถออกมาจากร้านยาอยู่แล้ว “เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้ดีกว่า” พูดจบ ผมก็เปิดประตูลงจากรถแล้วเดินตรงไปที่ร้านยาทันที ผมเป็นคนทำ ผมก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบ อีกอย่าง ถ้าหากแก้มใสไปซื้อเอง ต้องโดนคนในร้านยามองด้วยสายตาแปลกๆ แน่ เขาอาจจะคิดว่าแก้มใสโดนข่มขืนมาก็ได้ “ระ รับอะไรดีคะ” เภสัชกรหญิงหันมาถามผมด้วยสายตาตะลึง ก่อนจะพยายามปั้นยิ้มให้ดูปกติ ก็ไม่แปลกหรอกที่เธอจะตกใจ เพราะตอนนี้คนที่เข้ามาซื้อยาต่างก็มองผมเช่นนั้นเหมือนกัน มองอะไรนะเหรอ? ก็มองดูผู้ชายหุ่นดีไม่ใส่เสื้อไง “ยาคุมฉุกเฉินครับ” เภสัชกรมองหน้าผมก่อนจะเดินไปหยิบยามาใส่ถุงกระดาษให้ “รับอะไรเพิ่มไหมคะ” เภสัชกรเอ่ยถามอีกครั้ง เธอมองสำรวจตามตัวผมก่อนจะหยุดและจ้องอยู่ที่ต้นคอ สงสัยจะเห็นรอยยัยตัวเล็กกัดแน่ ๆ “ไม่ล่ะครับ” ผมรีบจ่ายเงินแล้วเดินออกมาจากร้านยาอย่างรวดเร็วเพราะไม่ชอบให้ใครมาจ้องร่างกายผมนานๆ ก่อนกลับมาที่รถผมก็ไม่ลืมที่จะซื้อน้ำเปล่าติดมือมาด้วย เมื่อกลับเข้ามาในรถ แก้มใสก็หันหน้ามามองผมด้วยสายตาขำขัน “มีอะไรน่าขำเหรอ” “เปล่าค่ะ” แก้มใสยื่นมือมารับขวดน้ำและยาไปจากมือผม แต่ผมชักมือกลับไม่ยอมให้แก้มใสง่ายๆ “ทำไมล่ะ” แก้มใสมองหน้าผมด้วยความสงสัย “ขอค่ายาก่อน” ผมยกยิ้มอย่างมีเลศนัย ทำให้แก้มใสถึงกลับส่งสายตาหวาดระแวงมาให้ “เดี๋ยวแก้มจ่ายให้ค่ะ” “ไม่เอาเป็นเงิน” ผมรีบพูดขัดขึ้นทันทีที่แก้มใสทำท่าจะหยิบเงินออกมาให้ “แล้ว...” แก้มใสเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ผมจึงอมลมเข้าปากทำแก้มพองๆ แล้วยื่นไปให้แก้มใส “มีสักครั้งไหม ที่จะยอมแก้มโดยไม่มีเงื่อนไขอ่ะ” “น่านะ ถือว่าเป็นรางวัลให้พี่ ที่อุตส่าห์เปลือยท่อนบนไปซื้อยาให้เนี่ย” “ใครใช้ให้ทำแบบนั้นกันล่ะ” “ถ้ายังลีลาอยู่เดี๋ยวพี่หอมแก้มเองนะ” ผมแอบขู่นิดๆ เมื่อแก้มใสพูดจาบ่ายเบี่ยงไปเรื่อย “ก็ได้” แก้มใสค่อยๆ ยืดตัวมาหา ผมจึงยื่นหน้าไปใกล้เพื่อให้คนตัวเล็กกว่าหอมแก้มผมได้ถนัด จมูกเชิดๆ กับริมฝีปากนิ่มๆ กดลงบนผิวแก้มผมอย่างแผ่วเบา เพียงแค่นั้นก็ทำให้ผมสั่นระรัวไปทั่วหัวใจแล้ว “ปะ ไปได้แล้ว” แก้มใสรีบผละตัวออกแล้วกลับไปนั่งตัวตรงตามเดิมทันทีที่หอมแก้มผมเสร็จ ดูก็รู้ว่าเธอเขินแค่ไหน เพราะแก้มเนียนกำลังแปร่งสีแดงอมชมพูออกมา ชั่งน่ารักอะไรอย่างนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD