พ่อของณิชากลับมาบ้านแล้ว หลังจากที่ต้องไปคุมงานต่างอำเภอหลายวัน เขาเองก็ออกจะแปลกใจที่เห็นบ้านของเพื่อนบ้านมีคนมาอยู่เพิ่มขึ้น ระหว่างการรับประทานอาหารเย็นจึงอดเอ่ยถามภรรยาไม่ได้ คนเป็นแม่ที่อยู่เย้าเฝ้าเรือนจึงเล่าให้ฟังคราวๆ
“คนป่วยมาพักฟื้นเหรอ ก็ดีนะแถวบ้านเราเงียบสงบ อากาศก็ดี”
“เขาป่วยเป็นอะไรคะแม่” ณิชาก็อยากรู้ แต่เธอก็ไม่ได้บอกใครเรื่องที่เธอมุดรั้วไปเจอเจ้าของบ้านหลังนั้นมาแล้ว
“ป่วยเป็นอะไรก็ไม่รู้ซิ แม่ก็จำไม่ได้แล้วชื่อมันเรียกยากจัง” แม่ทำหน้าเหมือนมีอะไรติดที่ปาก แต่ก็นึกไม่ออก “เห็นว่าไปรักษาตัวที่เมืองนอกมาครึ่งปีแล้วล่ะ นี่กลับมาพักฟื้นนะ”
“คงรวยมากเลยนะ ไปรักษาถึงเมืองนอกเมืองนา” พ่อบ่นงึมงำพลางตักข้าวกินไปด้วย
“พ่อไม่ต้องห่วงนะ ถ้าพ่อป่วยหรือไม่สบาย เตยจะดูแลพ่ออย่างดีเลยล่ะ” หญิงสาวออดอ้อนอย่างน่ารัก เอาใจพ่อด้วยการแกะเนื้อปลาทูให้พ่อ
“พูดดีไปเถอะ อีกหน่อยมีแฟนก็ลืมพ่อลืมแม่”
“อะไรกัน พ่อกับแม่พูดเหมือนกันเลย”
พ่อหันไปมองหน้าแม่ที่หัวเราะคิกคัก แล้วพ่อก็หัวเราะตาม
“เตยไม่ทิ้งพ่อกับแม่เด็ดขาด”
“จ้าๆ พ่อกับแม่เชื่อจ๊ะ” แม่พูดห้ามไว้ก่อนที่ลูกสาวคนเดียวจะงอนแก้มป่องมากไปกว่านี้
“เตยก็ดูหมาดีๆล่ะ อย่าให้มันไปวุ่นวายบ้านโน้น”
ลูกสาวหน้างิกขึ้นมาอีกที “แม่บอกเตยแล้วล่ะพ่อ”
“อ้าว เหรอ” พ่อกันมาทางแม่ แม่ก็หัวเราะคิกคักอีกรอบ
“พ่อก็หัดอยู่บ้านนานๆ ซิ จะได้รู้ว่าแม่บ่นอะไรเตยไปบ้าง”
“ก็เรานี่น๊า” พ่อหัวเราะออกมาบ้าง
ณิชาชินที่บ้านมีเสียงหัวเราะของพ่อกับแม่ ไม่รู้ว่าวันที่เธอต้องไปทำงานไกลบ้านจะเป็นอย่างไร คนเราก็เติบโตไปตามทางของตัวเอง แต่ถึงอย่างไร เธอก็รักที่นี่ ถ้าเลือกได้เธออยากจะอยู่ที่แห่งนี้ตลอดไป
หญิงสาวใช้ชีวิตปกติ ที่เพิ่มเติมคือมองไปทางบ้านรั้วติดกัน ทั้งครอบครัวติดเรียกเพื่อนบ้านว่า “บ้านโน้น” ถึงจะรั้วติดกันแต่บ้านห่างจากรั้วพอสมควร แต่ถ้าณิชาอยู่ทางระเบียงบ้าน เธอจะมองเห็นบ้านโน้นไกลๆ ว่าทำอะไรบ้าง
เธอนั่งทำงานอยู่ที่ระเบียงบ้าน มองไปก็เห็นชายบนรถเข็นพยายามจะลุกขึ้นจากรถเข็น เดินได้ไม่กี่ก้าวก็ล้มลง ณิชาตกใจถึงกับเผลอทิ้งกระเป๋าใบน้อยในมือลงพื้น แล้วถลาไปเกาะราวระเบียง เพราะอยู่ไกลจึงไม่เห็นสีหน้าของเขา เห็นเพียงมีผู้ชายในชุดสีเขียวช่วยพยุงเขาขึ้นยืน
ณิชาถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วเดินกลับมานั่งที่เดิม รู้สึกเป็นห่วงแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง หรือจะแกล้งปล่อยหมาไปข้างบ้านดีนะ หมา...หมา? หมาตัวนั้น..
ณิชาสะดุ้งเฮือก วิ่งกลับไปยืนเกาะราวระเบียง เจ้าตัวสี่ขาที่กำลังขุดๆ ดินจนก้นโด่งนั้น! เอาอีกแล้ว! เจ้าไข่ดาว มุดรั้วไปบ้านโน้นอีกแล้ว หญิงสาวแทบกรีดร้องรีบวิ่งลงบันไดตึงตังจนพ่อกับแม่ที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่
“เบาๆหน่อยซิยัยเตย”
“ไม่ทันแล้วแม่”
“ใครเป็นอะไร” พ่อถามไม่ได้สนใจอะไรนัก
“เตยไปตามไข่ดาวก่อนนะ”
พ่อกับแม่แม่มองหน้ากันแล้วก็ถอนหายใจ นี่ลูกสาวอายุยี่สิบแล้วจริงๆ หรือเนี้ย ทำไมเหมือนมีลูกอายุสิบขวบยังไงไม่รู้ ทั้งสองได้แต่ถอนหายใจเบาๆ แล้วก็ดูรายการโทรทัศน์ต่อไป เพราะลูกสาวก็เป็นแบบนี้ประจำ
ณิชาคว้าจักรยานได้ก็รีบปั่นไป ‘บ้านโน้น’ ทันที จำได้ว่าคราวที่แล้วเจ้าของบ้านบอกให้เข้าทางประตู นึกแล้วก็อยากเขกหัวตัวเอง ไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะผัดแป้งหวีผมให้มันดูกว่าคราวที่แล้ว เขาจะได้ไม่ต้องหัวเราะเธออีก แต่มันคงไม่ทันแล้ว
“ไข่ดาว! ไข่ดาว”
ชานนท์ที่นั่งบนรถเข็นเรียบร้อยแล้ว ได้ยินเสียงโวยวายหน้าบ้าน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเมื่อครู่จางไปเป็นรอยยิ้มขึ้นมาแทน ปกรณ์ถึงกับแปลกใจที่เห็นคนป่วยมีสีหน้าดีขึ้น สองหนุ่มมองเห็นหมาพันธุ์ทางสีน้ำตาลวิ่งหน้าตื่นพร้อมมีกระดูกในปากวิ่งมาทางคนทั้งสอง และไม่กี่นาทีต่อมาร่างเพรียวของหญิงสาวก็วิ่งหน้าตาตื่นตามมา
“หยุดนะ เจ้าหมาบ้า!”
เจ้าหมาไม่หยุด วิ่งไปที่เดิมก้มหน้าก้มตาขุดดินตรงต้นกุหลาบแล้วหย่นกระดูกลงไปฝั่งเป็นอันเรียบร้อย ณิชาหอบหายใจแรงจนต้องนั่งแหมะบนพื้นอย่างยอมแพ้เจ้าหมาแสนดื้อ
“บ้านตัวเองก็มีที่เป็นสิบไร่ ทำไมไม่เอากระดูกไปฝังที่บ้านเล่า”
“คงกลัวเจ้าของจะแย่งกระดูกไปนะซิ” ชานนท์พูดแทรกขึ้นมา
“ฉันไม่แย่งของหมาหรอกนะ” หญิงสาวหันมาทำตาเขียวใส่ แล้วหันไปดุเจ้าหมา “ไข่ดาว กลับบ้านเดี๋ยวนี้นะ วันนี้นอนกรงไม่ให้เข้าบ้าน”
เจ้าหมาทำเป็นตกใจ วิ่งมาหลบด้านหลังของชานนท์ แต่ยังโผล่หน้าออกมามองเจ้าของ
“ไข่ดาว! ไอ้หมาบ้า!”
“นี่ๆ หมามันกลัวออกขนาดนี้ แล้วแฟนจะกลัวขนาดไหน” ชานนท์หัวเราะเสียงดัง ปกรณ์เลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ แต่คนถูกหัวเราะชี้หน้าเขามือไม้สั่นด้วยความโกรธ
“นี่! พูดจาแบบนี้ ลุกขึ้นมาต่อยกันเลยไหมล่ะ!”
ประโยคของณิชาเล่นเอาปกรณ์ถึงกับซูดปาก เขาเป็นคนดูแลชานนท์มาหลายเดือน รู้ดีว่าชายหนุ่มหงุดหงิดง่ายอารมณ์เสียและไม่ชอบให้ใครขัดใจ โดยเฉพาะถ้าพูดเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับการเดิน เขาจะยิ่งหัวเสียไปกันใหญ่ แต่ครั้งนี้...
“ถึงผมลุกได้ก็ไม่ต่อยกับผู้หญิงหรอกนะ” ชานนท์หัวเราะ ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร