ตอนที่2. ชานนท์

1219 Words
ณิชาเดินขึ้นชั้นบน เธอเดินไปที่ระเบียงบ้านซึ่งทำให้มองเห็นเพื่อนบ้านได้ถนัดชัดเจน  เธอมักจะอิจฉาบ้านหลังนั้นเสมอ เพราะมันดูสวยงามที่สุด เธอเคยไปบ่อยๆ เพราะต้องไปตามหมาที่มุดรั้วไปบ้านฝั่งโน้น  ลุงกับป้าก็ใจดี เธอคิดไปเองว่าทั้งสองเป็นเจ้าของบ้านหลังงาม เพิ่งรู้ว่าเป็นบ้านคนอื่น คงจะเป็นคนรวยปลูกบ้านพักตากอากาศอีกละซิ แถวนี้มีตั้งหลายหลัง แต่เธอก็ไม่เคยเห็นหน้าเจ้าของบ้านเสียที เธอมองเห็นความวุ่นวายของเพื่อนบ้านจากที่สูง คงอยู่ไม่นาน ฤดูหนาวที่นี่มีคนมาเที่ยวมากแต่หมู่บ้านของเธอเป็นทางผ่านไม่ใช่จุดที่นักท่องเที่ยวจะแวะเที่ยว ด้านหลังเป็นภูเขาสูงตระหง่าน   เจ้าของใบหน้าสวยถอนหายใจเบาๆ ถ้าเรียนจบเธอคงจะได้ทำงานในเมือง ถ้าเป็นแบบนั้นจริง เธอก็คงไม่ได้กลับมานอนบ้านแม่ทุกวันอย่างนี้แน่   เธออยากอยู่บ้านนี้ อยากอยู่ใกล้ๆแม่กับพ่อ แต่ถ้าถึงเวลาก็ต้องจากไป นกเมื่อถึงเวลาก็ต้องกางบินขึ้นไปบนท้องฟ้า “สักวัน เตยจะหาเงินมาปลูกบ้านสวยๆ เหมือนบ้านหลังนั้นให้ได้” หญิงสาวบอกกับตัวเองแล้วเดินกลับเข้าห้องนอนของตน เพื่อทำรายงานที่ต้องส่งอาจารย์ บ้านหลังงามสไตล์รีสอร์ทท่ามกลางบรรยกาศสงบเงียบ เหมาะกับการพักผ่อนแบบส่วนตัว เครื่องใช้ในบ้านหรูหราและทันสมัยสะดวกสบายครบครัน  ทว่าดูเหมือนจะไม่อาจตอบสนองเจ้าของบ้านที่ท่าทางเกรียวโกรธตลอดเวลา …………. “ออกไปให้หมด!” “แต่คุณชานนท์ค่ะ” “ออกไป! ผมอยากอยู่คนเดียว” คนรับใช้และผู้ช่วยพยาบาลต่างมองหน้ากันเลิกลั่กก่อนพยักหน้าให้กันค่อยๆ เดินออกจากห้องไป เหลือเพียงชานนท์ชายหนุ่มวัยสามสิบที่นั่งอยู่บนรถเข็น รอบตัวมีข้าวของที่ถูกขวางปาเกลือนไปทั่วห้อง  โครงหน้าได้สัดส่วนเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมจนแทบไม่เห็นเค้าความหล่อเหลา   ชานนท์ระเบิดเสียงหัวเราะราวคนบ้า ก่อนหน้านี้เขาเป็นชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ทาญาติมหาเศรษฐีร้อยล้านอย่างชานนท์เป็นที่รู้จักทั่วไป ทั้งเป็นข่าวในหน้าสังคม ทั้งยังได้ลงนิตยสารหลายฉบับ เพียงชั่วพริบตากลายเป็นชายที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ นั่งบนรถเข็นราวกับคนพิการทั้งที่สองขาก็ยังมีอยู่ แต่มันไร้ซึ่งเรี่ยวแรง เมื่อครึ่งปีก่อน หลังกลับจากไปเที่ยวยุโรป เขาเป็นไข้และรู้สึกอ่อนเพลีย ทีแรกเข้าใจว่าเกิดจากการเดินทางท่องเที่ยวยาวนานนับเดือน พักผ่อนไม่กี่วันน่าจะดีขึ้น แต่มันกลับตรงข้าม ปัสสาวะลำบาก อุจจาระลำบาก ขาสองข้างเริ่มอ่อนแรงชาขาสองข้าง ผู้ป่วยก็จะมีอาการชาตั้งแต่ระดับสะดือลงมา อาการปวด และความผิดปกติด้านความรู้สึกต่างๆ เช่น ร้อน-เย็น เจ็บปวด มีอาการมากกว่าปกติ ในตำแหน่งระดับเดียวกับที่เกิดอาการอ่อนแรง สุดท้ายเขาต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเอกชนและรู้ว่าตัวเองป่วยด้วยโรคประสาทไขสันหลังอักเสบเฉียบพลัน    อิจฉา วันหนึ่งจะเจ็บป่วยถึงขนาดต้องนั่งรถเข็น พ่อส่งตัวเขาไปรักษาที่ต่างประเทศ การแพทย์เฉพาะทางและการรักษาแต่เนิ่นๆที่ตรวจพบทำให้เขามีโอกาสหายเป็นปกติ ชนิดของโรคที่เขาเป็นไม่หนักหนานัก สามารถรักษาด้วยยาคือการรักษาด้วยยาสเตียรอยด์ขนาดสูง นานประมาณ 2 สัปดาห์ ร่วมกับการทำกายภาพบำบัด ที่รวมถึงการฝึกระ บบขับถ่าย, การใช้ยาลดอาการเจ็บปวด, และใช้ยาลดการเกร็งของกล้ามเนื้อ ทั้งนี้การรักษาไม่ต้องผ่าตัด ชานนท์รักษาตัวอยู่นานจนหมอมั่นใจว่าเขาจะกลับมาหายดี เพียงแค่ไม่ใช่คนหนุ่มเรี่ยวแรงเต็มร้อยเช่นเดิม และระหว่างนี้เขาต้องทำกายภาพบำบัดให้สองขากลับมาใช้งานได้อย่างปกติ ทว่าเมื่อกลับมากรุงเทพฯ เพื่อนฝูงที่คบหา ไม่ซิ! จะเรียกว่าเพื่อนก็คงไม่ได้อีกต่อไป คนที่แทงข้างหลังคนอื่นได้ไม่ควรใช้คำว่าเพื่อนอีกต่อไป  คนที่มาบอกว่ามาเยี่ยมนั้น แท้จริงมาดูว่าสภาพเขาน่าสมเพชแค่ไหน เขาไม่อยากจะอยู่เมืองไทยด้วยซ้ำ แต่พ่อกับแม่ขอร้องแกมบังคับ เพราะถ้าเขาไปอยู่อเมริกาก็ไกลหูไกลตา ท่านไม่อาจจะได้ดูแลลูกชายคนเดียวได้ “เอาอย่างนี้ พ่อกับแม่มีบ้านที่จังหวัด มันอยู่ไกลสักหน่อย แต่ไม่มีใครรู้จักหรอก ลูกไปอยู่ที่นั้นสงบๆ ไม่เจอผู้คนแล้วพักฟื้นตัวเองดีกว่า” “ที่ไหนครับ” พ่อกับแม่บอกสถานที่ไป เขาทำหน้างุนงง ไม่นึกว่าแม่จะปลูกบ้านไว้ในที่ไกลกันดารไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวอีกต่างหาก ก็เขามีคอนโดริมทะเล มีบ้านพักตากอากาศหลายแห่ง แต่บ้านติดทุ่งนานี่นะ! เขาเพิ่งจะเคยรู้ ชานนท์ไม่อยากขัดใจแม่กับพ่ออีก ระหว่างที่รับการรักษาตัว มีหลายความคิดประดังประเดเข้ามา เขาเอาแต่เที่ยวเล่นสนุกไปวันๆ จนอายุ 30 แล้ว ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน งานการที่บริษัทมีตำแหน่งเป็นถึงรองประธานแต่ก็เหมือนเป็นตุ๊กตาเพราะตัวเองไม่ได้ทำอะไรมากนัก ช่วงที่ป่วยสำนึกได้ว่าตัวเองไม่ได้ทำตัวเป็นลูกที่ดีนัก หากเป็นอะไรไปโดยไม่ได้ตอบแทนพระคุณพ่อแม่เลยก็ช่างน่าละอายนัก เขายอมอดทนต่อความเจ็บปวดในการรักษา เพียงเพื่อจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ เป็นคนใหม่อีกครั้ง และเมื่อพ่อกับแม่ขอร้องให้เขามาที่นี่ เขาก็จำใจต้องมาอย่างไม่เต็มใจ เพียงเพราะไม่อยากขัดใจพ่อกับแม่อีกแล้ว แต่การที่สองขายังไม่ค่อยมีแรงนั้นทำให้เขาหงุดหงิด การใช้ชีวิตติดรถเข็นมานานก็ไม่ได้ช่วยให้เขาเข้ากับมันได้ แม้จะพยายามฝึกเดินมากเท่าไหร่ ก็เหมือนจะยิ่งเดินได้ช้าลง  ทุกอย่างดูขวางหูขวางตาไปหมด เมื่ออยู่คนเดียว ชานนท์เริ่มสงบสติอารมณ์ได้ เห็นข้าวของที่พังเพราะน้ำมือเขาก็ได้แค่ถอนหายใจ  คนรอบข้างคงลำบากใจเพราะเขาอีกแล้ว  ชายหนุ่มขยับรถเข็นแล้วมองไปนอกหน้าต่าง แถวนี้เงียบสงบจริงๆ แค่สองทุ่มก็เหมือนทุกอย่างตกอยู่ในความมืด แม้จะอยู่ในหมู่บ้าน แต่บ้านแต่ละหลังก็ห่างกันพอสมควร เขาเห็นเพียงแสงสว่างจากบ้านหลังที่ใกล้ที่สุด การที่เขามาพักฟื้นที่นี่ ไม่มีใครรู้ มันอาจจะดีกว่าต้องเจอคนมาแสดงความห่วงใยแบบจอมปลอบ เอาเถอะ พรุ่งนี้เขาจะเริ่มฝึกเดินอย่างจริงจังอีกครั้ง ชายหนุ่มถอนหายใจหนักๆ แล้วก้มมองขาตัวเอง มันคงเป็นช่วงเวลาที่เขาต้องชดใช้กรรม แต่เขาก็จะพยายามที่จะผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปให้ได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD