BE INDIGNANT 06
************************************
วันต่อมา
“พี่กาวเพิ่งเดินไปเมื่อกี้นี้เอง”
เป้ยที่เห็นว่าฉันเดินมานั่งตรงข้ามกับมันก็พูดขึ้นว่าเมื่อกี้พี่กาวมานั่งรอฉันแต่ก็กลับไปแล้วเพราะเขาเองก็มีเรียนเหมือนกัน
ดีแล้วล่ะที่เราไม่ได้เจอกันเพราะฉันไม่ได้อยากจะเจอเขาไง ฉันพยักหน้าอย่างไม่สนใจ
อย่างที่บอกไงว่าพี่กาวไม่ได้มีผลอะไรกับใจฉันแล้วล่ะ เรื่องระหว่างเรามันกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว
เพราะสิ่งที่เขาทำเอาไว้กับฉันมันมากจนฉันไม่อยากจะกลับไปหาเขาอีกแล้ว
ไม่ว่าเขาจะตามง้อฉันยังไง คำตอบของฉันก็ยังคงเหมือนเดิมก็คือไม่กลับไปเป็นของตายให้เขาอีกแล้ว
ฉันหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าก่อนจะกดเล่นแต่แล้วสายตาของเป้ยมันก็ยังจ้องมองฉันอยู่ทำให้ฉันละสายตาจากหน้าจอมือถือไปมองหน้ามัน
“มองอะไรของแก?”
“แกไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่กาวจริงๆ เหรอแจง?”
“อืม ก็บอกแล้วไงว่าเรื่องของฉันกับพี่กาวมันจบไปตั้งแต่สามเดือนที่แล้วแล้วนะ”
“แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาจะต้องการแกมากๆ เลยนะ เขาอาจจะสำนึกผิดจริงๆ ก็ได้”
“มอร์แกนยังไม่มาเหรอ?”
ฉันไม่ได้ตอบอะไรเป้ยทั้งนั้น ฉันไม่อยากจะพูดถึงเรื่องพี่กาวอีกแล้วล่ะ ก็เลยถามถึงมอร์แกนเพื่อนสนิทของฉันอีกคนที่ยังไม่เห็นมา
เป้ยมันบอกว่าน่าจะมาช้า มอร์แกนมันก็มาช้าแทบจะทุกวันอยู่แล้วล่ะ อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้คลั่งรักแฟนอย่างพี่มังกรมากก็ได้มั้ง
“เปลี่ยนเรื่องเร็วจังเลยนะแกน่ะ”
“ก็ไม่มีอะไรให้ต้องคุยนี่”
ฉันยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจเพราะเรื่องของพี่กาวน่ะมันเป็นเรื่องที่ฉันไม่อยากยุ่งอยู่แล้วไง
ฉันก้มหน้าเล่นมือถือของตัวเองต่อจนกระทั่งมีคนมานั่งอยู่ข้างๆ ฉันทำให้เงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นว่าเป็นเป้นั่นเอง
เขายิ้มให้ฉันก่อนจะยื่นน้ำส้มมาให้เพราะเขารู้ว่าฉันชอบกินน้ำส้ม และเขาก็ซื้อมาให้ทุกวันที่เรามีเรียนคลาสเดียวกันด้วยนะ
“น้ำส้มของโปรดแจงอ่ะเราซื้อมาฝาก ซื้อขนมมาฝากเป้ยด้วยนะ”
“อุ๊ยผู้งานดีซื้อขนมมาฝากด้วย น่ารักที่สุดเลย”
“ขอบใจนะ ที่จริงซื้อมาให้เราคนเดียวก็ได้”
“อ้าว ฉันก็เพื่อนแกมั้ยล่ะชะนีแจง”
ฉันหัวเราะออกมาก่อนจะหันไปมองเป้ที่หัวเราะกับฉันด้วยเหมือนกัน เวลาที่เขาซื้อของมาฝากฉันน่ะเขาไม่เคยซื้อมาฝากฉันคนเดียวหรอกนะแต่เขาจะซื้อมาฝากเพื่อนๆ ของฉันด้วย
ทั้งที่เขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้ แต่ที่เขาทำเพราะเขาเองก็ไม่อยากให้เพื่อนฉันมองเขาไม่ดีไง
แต่เพื่อนฉันไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกนะและการที่เขาซื้อมาให้ฉันคนเดียวมันก็ไม่แปลกด้วย เขากำลังจีบฉันนี่ไม่ได้จีบเพื่อนของฉัน
“ไม่เป็นไรหรอก เราก็ซื้อมาให้ทุกคนกินนั่นแหละ”
“ทำคะแนนเยอะๆ แบบนี้อีกไม่นานแจงมันก็คงเปิดใจเร็วๆ นี้แล้วล่ะ”
อ้าว ทีเมื่อกี้ยังบอกฉันอยู่เลยว่าพี่กาวอาจจะรู้สึกผิดและต้องการฉันคนเดียวก็ได้ แต่นี่อะไรกลับเข้าข้างเป้เฉยเลย เพื่อนฉันนี่น่า
“เที่ยงนี้ไปกินข้าวที่โรงอาหารด้วยกันนะ เราอยากไปกินข้าวกับแจงอ่ะ”
“ได้ดิ เราเองก็ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ว”ฉันตอบรับทันทีที่เป้ชวนฉันไปกินข้าวตอนเที่ยง
อย่างที่เป้ยพูดนั่นแหละว่าฉันอาจจะเปิดใจให้เป้เร็วๆ นี้ก็ได้ ก็เขาเล่นทำคะแนนพุ่งขึ้นสูงขนาดนี้อ่ะก็คงต้องยอมให้เขาแล้วมั้ยล่ะ
แต่ที่ฉันยังไม่ได้ตอบรับความรู้สึกของเขาน่ะมันเป็นเพราะว่าฉันยังไม่แน่ใจตัวเองไงว่ามันต้องการเขาจริงๆ หรือเปล่า ไม่อยากทำร้ายเขาทางอ้อมด้วย
ฉันอยากให้มั่นใจไปเลยว่าในใจของฉันมันพร้อมที่จะเปิดใจให้เขาถึงตอนนั้นฉันถึงจะยอมคบกับเขาแล้วใช้สถานะแฟนด้วยกัน
ฉันก็บอกเขาแล้วนะว่าถ้าเกิดว่าเขารอไม่ได้เขาสามารถไปหาผู้หญิงคนอื่นได้เลยและฉันก็จะไม่โกรธเขาด้วย
ฉันเข้าใจว่าคนเรามันไม่มีใครอยากรออะไรนานๆ หรอก ก็คงจะมีแต่เพื่อนฉันอย่างมอร์แกนนั่นแหละที่ตามจีบพี่มังกรมาสี่ปีกว่าจะได้คบกับเขา
แต่สำหรับฉันแล้วฉันไม่ใช่คนที่มีความอดทนสูงมากขนาดนั้น
“ตอบตกลงแล้วนะห้ามเปลี่ยนใจล่ะ เพราะเราไม่ยอมแน่”
“ก็ไม่ได้จะเปลี่ยนใจนี่ ก็บอกแล้วว่าเราไม่ได้มีไปไหนอยู่แล้ว”
“แล้วไม่ชวนฉันไปบ้างอ่ะ ฉันเองก็อยากไปกินข้าวที่โรงอาหารเหมือนกันนะ”
“เรื่องนี้เราขอไปกับแจงสองคนนะ อยากทำคะแนนเยอะๆ น่ะ”
“จ้าๆ ฉันคงไม่ไปเป็นก้างขวางคอหรอกจ้า”
ฉันมองค้อนเพื่อนตัวเองที่มันทำหน้าโคตรน่าหมั้นไส้มากเลย แต่ฉันก็รู้ว่ามันก็แค่พูดแซวเท่านั้นไม่ได้คิดที่จะตามไปด้วยจริงๆ หรอก
เป้หันมายิ้มให้ฉันก่อนที่เขาจะขอตัวไปหาเพื่อนๆ ของเขาแล้วบอกว่าถ้าเรียนเสร็จแล้วจะมารอฉันที่หน้าคณะ
ดูเขาจะดีใจมากเลยนะที่ฉันตอบตกลงที่จะไปกินข้าวกับเขาแบบนี้น่ะ เพราะฉันเองก็ไม่ค่อยได้ไปกินข้าวกับเขาด้วยไง
พอเป้ไปแล้วเป้ยมันก็จ้องหน้าฉันพร้อมกับหรี่ตาลงเหมือนกำลังจะจับผิดอะไรฉันไม่รู้
ฉันไม่มีอะไรให้มันจับผิดได้หรอก เพราะฉันไม่ได้ทำอะไรผิดไง ฉันเองก็มองหน้ามันกลับไปเหมือนกัน
“อะไรของแกมาจ้องหน้าฉันทำไมอีก?”
“ถามจริงที่แกไม่อยากกลับไปหาพี่กาวเพราะแกเองก็รู้สึกดีให้เป้แล้วใช่มั้ย?”
“...”
พอเป้ยถามแบบนั้นฉันก็เงียบไปทันที เอาตรงๆ เลยป่ะ ตอนนี้ฉันยังไม่ได้รู้สึกอะไรกับเป้หรอก
แต่ที่ไปไหนมาไหนกับเขาน่ะเพราะฉันอยากรู้ไงว่าตัวเองจะรักเขาได้หรือเปล่า หรือว่ามันยังรู้สึกเฉยๆ กับเขา และเขาเองก็บอกฉันด้วยว่าถ้าตอนนี้ฉันยังไม่ได้รักเขา
เขาเองก็จะไม่เร่งรัดฉันและไม่บังคับให้ฉันรักเขาด้วย ถ้าเกิดว่าเขาไม่ใช่สำหรับฉันเราก็กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมก็ได้ เพราะเขารู้ว่าเรื่องความรักมันห้ามกันไม่ได้
รู้นะว่าการที่ทำแบบนี้มันอาจเป็นการให้ความหวังเป้ทางอ้อมก็ได้ แต่ฉันก็แค่อยากรู้ใจตัวเองด้วยไงว่ามันรู้สึกยังไงกับเขา
ถ้าเกิดว่าการที่ฉันอยู่กับเป้แล้วมันทำให้ฉันรู้สึกดี นั่นก็หมายความว่าฉันชอบเขาแล้วก็ได้ไง
พอฉันไม่ตอบเป้ยมันก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้หน้าฉัน ทำให้ฉันต้องใช้มือดันหน้าผากมันเอาไว้แล้วผลักออก มันจะมาจ้องอะไรฉันขนาดนั้นฉันไม่ได้ทำผิดหรือเปล่า
อีกอย่างนะเรื่องของฉันกับพี่กาวน่ะฉันคิดว่ามันจบไปนานแล้วนะ ฉันไม่อยากให้มันพูดถึงเขาแล้ว
จริงอยู่ที่เขากลับมาตามง้อขอคืนดีกับฉันแต่นั่นมันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องกลับไปหาเขานี่
อย่าลืมสิว่าเขาทำร้ายฉันยังไง ทุกเรื่องที่เขาทำให้ฉันเสียใจและเจ็บปวดน่ะฉันไม่เคยลืมหรอกนะ ต่อให้ตอนนี้ฉันยังรักเขาอยู่ ฉันคิดว่าตัวเองก็คงไม่อยากจะเดินไปเจ็บอีกแล้วล่ะ
“ที่ไม่ตอบแบบนี้เพราะแกชอบเป้ไปแล้วเหรอ?”
“ไม่ต้องยุ่งเรื่องของฉันได้มั้ย”
“ไม่ได้ ก็ฉันอยากรู้ไงว่าแกลืมพี่กาวผู้ชายที่แกคบกับเขาถึงสองปีได้จริงๆ น่ะเหรอ?”
“...” อีกครั้งที่ทำให้ฉันตอบคำถามของเป้ยไม่ได้ รู้อะไรมั้ยว่าสองปีที่ผ่านมาน่ะไม่ใช่ว่าพี่กาวทำเลวเอาไว้อย่างเดียวหรอกนะ
เขาก็เคยใจดีและอ่อนโยนกับฉันอยู่บ้างเหมือนกัน แต่นั่นก็เป็นช่วงแรกๆ ที่เราคบกันแหละ เพราะเวลาผ่านไปไม่นานความใจร้ายเขาก็เริ่มออกลายทันที
เขาใจร้ายกับฉันได้ทุกเมื่อถ้าเขาคิดจะทำ แม้กระทั่งฉันจับได้ว่าเขานอกใจฉันเขาก็แค่พูดคำว่าขอโทษออกมาแค่นั้นเลย ไม่ได้พูดอะไรที่มันมากกว่านั้น
แต่ถ้าถามว่าสามเดือนที่ผ่านมามันทำให้ฉันลืมเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาได้หมดเลยหรือเปล่า
ฉันตอบตามความจริงเลยนะว่าไม่ได้หรอก ฉันถึงยังไม่เปิดใจให้ใครตอนนี้ไง เพราะไม่อยากทำร้ายคนอื่นทางอ้อม
แต่ที่ฉันบอกว่ายังลืมไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าฉันต้องการให้เขากลับมาหรอกนะ ฉันไม่ได้ต้องการให้เขากลับมาแล้วล่ะ
แต่เรื่องการลืมมันก็ต้องใช้เวลา เพียงแต่เราไม่รู้ว่ามันจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนเท่านั้นเอง