"ฉันไม่ไปกับคุณนะ คุณจะบ้าเหรอ!" ช่อเอื้องเบิกตาโพลงเมื่อถูกพาตัวออกมาด้านนอกตัวตึกของโรงแรม จากนั้นเขาก็ปล่อยร่างของหล่อนให้นั่งสะพายข้างบนรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่หรือที่เรียกกันว่าบิ๊กไบค์สีดำสนิท ส่วนตัวเขาหันมองหน้าหล่อนเล็กน้อยก่อนจะเดินผ่านหน้าไปขึ้นคร่อมเสียบกุญแจพร้อมสตาร์ทเครื่องทันที
"คุณปั้น! นี่!"
"ฉันจะรีบพาเธอกลับมาทันทีที่ฉันแน่ใจว่าสิ่งที่ฉันคิดอยู่มันไม่จริง..." ศิขราเอ่ยบอก ความสูงของรถทำให้หญิงสาวลังเลหากคิดจะกระโดดลงเพื่อเอาตัวรอด เนื่องจากหล่อนยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ด้วยนั่นเอง อีกทั้งรถเริ่มเคลื่อนตัวออกวิ่งสู่ท้องถนน มันยิ่งทำให้ช่อเอื้องมีตัวเลือกน้อยลงทุกที หล่อนจำต้องเกาะกอดสะเอวสอบของเขาเอาไว้แน่น จำนนต่อความบ้าบิ่นและเอาแต่ใจของลูกชายว่าที่สามี
ชุดเจ้าสาวปลิวใสวเมื่อต้องแรงลม คนตัวเล็กจำต้องก้มหลบซบไปบนแผ่นหลังกว้างภายใต้ชุดสูทตามสมัยนิยมของศิขรา ท้องถนนทอดยาวสุดสายตา
ความเร็วของรถพอประมาณแต่มันก็ทำให้คนไม่เคยขี่ไม่เคยข้องแวะกับมอเตอร์ไซค์มาก่อนอย่างหล่อนอดที่จะหวาดเสียวเสียไม่ได้ ชายหนุ่มสวมหมวกกันน๊อคแบบเต็มใบ แต่หล่อนไม่มี นั่นอาจเป็นสาเหตุที่เขาไม่เร่งความเร็วจนสุดกำลัง
ช่อเอื้องไม่รู้ว่าหล่อนคิดผิดหรือคิดถูกที่ไม่ยอมต่อต้านให้ถึงที่สุด หากหล่อนร้องขอความช่วยเหลือเชื่อได้ว่าต้องมีคนรู้เห็นและหล่อนจะต้องรอดจากเรื่องราวบ้าๆ นี้ได้โดยปริยาย หากจนแล้วจนรอด...หล่อนกลับหัวอ่อนยอมและคล้อยตามในคำขู่ของเขาอย่างง่ายดาย
หญิงสาวลอบสังเกตเส้นทางทั้งสองฝั่งเป็นระยะ เขาและหล่อนเริ่มออกมาไกลจากโรงแรมพอสมควรแล้ว แต่ไม่มีวี่แววว่าจุดมุ่งหมายของศิขราอยู่ใกล้ๆ นี้เลย
เริ่มหวั่นใจ...เพราะหล่อนไม่ได้อยู่ในสภาวะปกติสุข หล่อนเป็นเจ้าสาวในค่ำคืนนี้...ที่สำคัญเจ้าบ่าวของหล่อนก็คือบิดาของเขาไม่ใช่ใครอื่นเลย หากกลับไปไม่ทันเวลา ไม่อยากคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ศิขราจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่...เขาไม่ได้สนใจถึงความสำคัญของค่ำคืนสำหรับหล่อนและบิดาของตัวเองเลย การได้พบเจอ การได้เห็นหล่อนต่างหากที่เป็นความแปลกประหลาดใจอย่างที่สุด และเขาไม่มีวันปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปได้อย่างแน่นอน
รถเลี้ยวลัดเลาะไปตามการบังคับของคนขับ...จนมาหยุดจอดยังสถานที่หนึ่ง ช่อเอื้องผละออกห่างจากแผ่นหลังของเขาเล็กน้อย กวาดสายตามองไปรอบๆ พร้อมทั้งเอามือสำรวจผมเผ้าของตัวเองที่บัดนี้คงกระเซอะกระเซิงไม่เหลือชิ้นดีไปแล้ว
"คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม...มันไม่ใช่เวลาเลยนะคุณปั้น"
"..." ร่างใหญ่ไม่ตอบคำถาม ไม่เอ่ยต่อปากต่อคำ เขาจอดรถแล้วลุกจากเบาะยกขาดึงกลับมายืนบนพื้นสนามหญ้าถอดหมวกกันน๊อควางไว้บนตัวถัง...แต่ยังปล่อยให้หล่อนนั่งสะพายข้างอยู่อย่างนั้น ร่างใหญ่เอนหลังพิงรถบิ๊กไบค์คันโปรดของตัวเองสอดมือกอดอก เอียงหน้ามองหญิงสาวในชุดวิวาห์
"พเยีย...ฉันขอโทษในเรื่องที่เคยทำกับเธอเอาไว้ ฉันรู้ว่าฉันผิดและก็ไม่เคยลืมทุกสิ่งทุกอย่างระว่างเราเลย" ชายหนุ่มถอนหายใจชั่วขณะ สายตาหันกลับมาเหม่อมองท้องฟ้าเบื้องบนซึ่งประดับไว้ด้วยดวงดาวพราวระยับ
"ฉันไม่รู้ว่าเธอกลับมาเพราะอะไร...และทำไมถึงเลือกที่จะแต่งงานกับพ่อ แต่ถ้าอยากแก้แค้นก็มาลงที่ฉันคนเดียวเถอะ อย่าลากคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องเลย" ชายหนุ่มยังคงพูดไปเรื่อยๆ น้ำเสียงราบเรียบโดยไม่ได้มองหน้าหล่อนอีก
ช่อเอื้องส่ายศีรษะด้วยความระอาในความเชื่อของว่าที่ลูกเลี้ยง หล่อนจะต้องทำขนาดไหน ต้องใช้ความสามารถยังไงถึงจะบอกให้เขาเชื่อในสิ่งที่หล่อนเป็นได้
"ฉันไม่รู้เรื่องที่คุณพูด และขอยืนยันคำเดิมว่าฉันไม่ใช่พเยียอะไรนั่นของคุณ ที่สำคัญหยุดบ้าซะทีเถอะคุณปั้น ฉันต้องรีบกลับไปที่โรงแรม ไม่อย่างนั้นเกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ"
"พเยีย..."
"ฉันชื่อช่อเอื้อง...ช่อเอื้อง พลพัฒนะ ฉันมีพ่อมีแม่ มีพื้นเพไม่ใช่คนไร้ญาติขาดมิตร คุณข้องใจอะไรก็สืบเสาะเอาได้ ไม่ใช่ใช้อารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวทำเรื่องร้ายแรงแบบนี้ เพียงเพราะฉันหน้าตาเหมือนกับคนที่คุณรู้จัก" หญิงสาวสวนกลับทันควัน หล่อนเองรู้สึกหงุดหงิดและร้อนใจจนอยู่ไม่ติดเมื่อเวลาล่วงเลยไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าศิขราจะเข้าใจอะไรๆ ได้ง่ายๆ
"ที่นี่เป็นบ้านพัก...ที่ฉันและเธอเคยใช้ชีวิตร่วมกันอยู่หลายเดือน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะไม่มีความรู้สึกอะไรเลยเมื่อมาถึงที่นี่" ศิขรายังคงดื้อรั้นไม่สนใจอาการกระวนกระวายของหญิงสาว เขาเชื่อในสิ่งที่เขาคิด โดยไม่สนใจพื้นฐานของความเป็นจริงเลยแม้แต่น้อย
"คุณมันบ้า! ฉันจะหาทางกลับไปโรงแรมเองก็ได้" ด้วยเห็นว่าหมดหนทางจะเปลี่ยนใจของศิขราได้แน่แล้ว อีกทั้งระยะเวลายังดำเนินไปเรื่อยๆ ย่อมหมายถึงปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า และคิดว่าป่านนี้กฤษณะคงรู้แล้วถึงการหายตัวไปของหล่อน
ร่างเล็กพยายามปีนลงจากบิ๊กไบค์คันใหญ่ด้วยความทุลักทุเล อาการเจ็บเท้ากำเริบขึ้นมาอีกแล้วคงเพราะหมดฤทธิ์ยาที่หล่อนทานเข้าไปแล้วนั่นเอง
หล่อนรับรู้ได้ถึงความไม่ปลอดภัยตั้งแต่แรกที่เขาเข้าไปในห้องหอ หากจนปัญญาจะหาทางออก แม้ในตอนนี้ก็เช่นกัน ศิขราอาจบ้าบิ่นฆ่าหั่นศพหล่อนไปเลยก็เป็นได้ ภายในใจของหญิงสาวคิดวนไปต่างๆ นานา อย่างอดเสียไม่ได้
"ตลอดเวลาฉันต้องทุกข์ทรมานใจแค่ไหนเธอรู้ไหมพเยีย...อย่ามาเอาคืนด้วยวิธีนี้แบบนี้เลย ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอไม่ใช่พเยีย ส่วนเรื่องประวัติ...ไม่ต้องท้าฉันสืบแน่ จะได้รู้กันไปเลยว่าทำไมเธอถึงมาเป็นช่อเอื้องได้ในวันนี้!" ชายหนุ่มฉุดดึงเรียวแขนเล็กเอาไว้ในทันทีที่หล่อนก้าวเท้าลงถึงพื้น
ช่อเอื้องสะบัดมือออกสุดแรงแต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นจากพันธนาการของเขา
"คุณปั้นปล่อยนะ!"
"ไม่! จนกว่าเธอจะยอมรับความจริงแล้วเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฉันฟังทั้งหมด!"
"ฉันไม่มีอะไรจะเล่า! คุณมันบ้า ประสาท! ฉันไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน สิ่งที่ฉันต้องทำคือกลับไปโรงแรมเพื่อรอพบพ่อของคุณที่เป็นสามีของฉัน และถ้าคุณยังขืนทำอะไรไม่มีสมองแบบนี้อีก ก็ลองคิดดูก็แล้วกันว่าใครที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด!"
"เธอ..." ดวงตาคมกล้าวาวโรจน์ขึ้นทันควันเมื่ออีกฝ่ายยื่นข้อต่อรองขู่กลับมา
"ฉันรู้นะว่าคุณกฤษป่วยยังไง ฉันถึงยอมแต่งงานเพื่อจะได้ดูแลท่าน ตอบแทนบุญคุณที่ท่านมีให้ฉันกับครอบครัวมาตลอดหลายปี เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย และมีความสำคัญกับพ่อของคุณมาก...ถ้าฉันหายตัวไป ถ้าท่านหาไม่เจอคุณก็คิดเอาเองก็แล้วกันว่าอะไร!...ที่อาจจะเกิดขึ้น"
"..." ศิขราชะงักงัน เขากัดกรามกรอดเป็นสันนูนเป็นสันตามโครงแก้มสาก เหลือบมันไปมองบ้านพักหลังน้อยหลังนี้ที่เขาเคยพำนักอาศัยช่วงเรียนหนังสือ ด้วยอยากใช้ชีวิตอิสระ...ที่นี่มีความทรงจำมากมายที่เขาไม่อาจลบลืมไปได้ ทั้งกับพวกพ้อง เพื่อนฝูงและผู้หญิง...มากหน้าหลายตา รวมถึงพิณพเยีย หญิงสาวซึ่งมีหน้าตาเหมือนช่อเอื้องคนนี้ราวกับพิมพ์เดียวกันไม่มีเพี้ยน
แต่บ้านหลังนี้...กลับไม่ส่งผลใดๆ ต่อเจ้าสาวตรงหน้าของเขาเลย จนวูบหนึ่งในความคิดเขาเกือบจะเชื่อว่าหล่อนไม่มีความเกี่ยวข้องกับพิณพเยียจริงๆ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วคงแสดงออกมาบ้าง ไม่ทางสีหน้าก็อารมณ์ความรู้สึกที่จะสื่อให้เห็นว่าหล่อนเคยเกี่ยวข้องกับสถานที่นี้มาก่อน
แต่ไม่เลย...ช่อเอื้องคงง่วนอยู่กับความต้องการจะกลับไปยังโรงแรม กลับกัน...เหตุผลของหล่อนเมื่อครู่กลับสะกดให้เขาไร้ทางเลือกในการจะเดินหน้าพิสูจน์ความเชื่อในใจ
"ได้...ฉันจะพาเธอกลับ แต่อย่าคิดนะว่าฉันจะเลิกล้มอะไรง่ายๆ" ศิขรามองหน้าของหล่อนด้วยสายตาเคร่งขรึม บอกให้รู้ถึงความตั้งใจจริงในคำพูดของเขา อยากจะคาดคั้นเอาความกับหล่อนให้รู้เรื่องก็อยาก แต่อีกใจก็นึกห่วงทางด้านบิดาอยู่ไม่น้อย ยิ่งมาฉุกคิดได้ถึงอาการป่วยของท่านก็ยิ่งทำให้ความบ้าบิ่นมุทะลุก่อนหน้าสร่างซาลงไปพอสมควร
"ขอบคุณ...และคิดว่าคุณคงไม่ทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้อีกนะ..."
ศิขราไม่ตอบ...เขาหันมองบ้านพักหลังเล็กซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองกรุงเทพฯ พอสมควร ปลูกสร้างเอาไว้ในตอนที่เขาอยากใช้ชีวิตส่วนตัวในวัยเรียน ซึ่งบิดาและมารดาซึ่งในขณะนั้นยังมีชีวิตอยู่ยอมตามใจเขาทุกอย่าง...ภาพเก่าๆ ในวันวานที่เกี่ยวข้องกับบ้านหลังนี้ จึงไม่ได้มีความหมายกับเขาในช่วงเวลาที่เกิดขึ้น กลับวนเวียนและตอกย้ำจนฝังใจไม่อาจลบเลือนออกไปจากความทรงจำได้
ร่างใหญ่เดินเข้ามาหาช่อเอื้องหวังอุ้มหล่อนขึ้นนั่งบนเบาะรถ แต่หญิงสาวก้าวถอยหลังเป็นการบอกปฏิเสธ แล้วหันกลับไปพยายามปีนป่ายขึ้นนั่งบนรถคันใหญ่ด้วยตัวเองด้วยความทุลักทุเล ศิขราจึงเดินไปด้านหน้าแล้วขึ้นคร่อมพลางหยิบหมวกกันน๊อกมาสวมใส่ จากนั้นก็เปิดกุญแจสตาร์ทเครื่อง เร่งความเร็วออกไปจากบริเวณบ้านหลังนั้นทันที
หญิงสาวจับชายเสื้อตรงข้างลำตัวของเขาเอาไว้ รู้สึกโล่งใจไม่น้อยที่ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แม้จะเสียเวลาพอสมควรกับเรื่องไม่คาดฝันก็ตาม แต่ในใจของหล่อนก็อดที่จะเป็นกังวลกับอนาคตอันใกล้นี้ไม่ได้...