"ขอบคุณมากนะคุณมณี นี่ช่อเอื้องเจ้าสาวของพี่ เอื้องครับ...นี่คุณมณีเพื่อนรุ่นน้อง เป็นเพื่อนที่แสนดีที่สุดของฉัน" เจ้าบ่าวเอ่ยแนะนำให้หญิงสาวต่างวัยได้รู้จักกัน ช่อเอื้องยกมือไหว้ตามมารยาทของผู้น้อย อีกฝ่ายก็รับไหว้ยินดี
"เอ...ว่าแต่ตาปั้นล่ะคะ เดินเข้ามานี่ก็ยังไม่เห็นเลย"
"มานั่งทางนี้เถอะ...จะได้คุยกันสะดวกตาปั้นยังมาไม่ถึง แต่ก็คงมาทันเมื่อกี้โทร.มาบอกว่ากำลังเดินทาง" กฤษณะเจ้าบ่าวเอ่ยบอกกับแขกคนสำคัญพร้อมผายมือเชื้อเชิญให้หล่อนเดินตามเขาไปยังโต๊ะรับรอง
"มีอะไรกันหรือเปล่าคุณพี่...น้องเป็นห่วงตาปั้นเหลือเกิน" เนตรมณีถามด้วยตนเองค่อนข้างสนิทกับครอบครัวนี้พอสมควร แม้ว่าหล่อนจะมีความรู้สึกพิเศษกับกฤษณะแต่ก็ไม่เคยคิดก้าวล่วงเข้าไปในชีวิตเขาหากเจ้าตัวไม่มีใจให้ การไปมาหาสู่จึงดำเนินอยู่ภายใต้ขอบเขตคำว่าเพื่อนเสมอ
"ไม่มีอะไรหรอก ตาปั้นเข้าใจดีเราคุยกันแล้ว คงมีเหตุจำเป็นแหละถึงมาสาย ก็รู้ๆ กันอยู่ลูกชายพี่คนนี้มันเอาแน่เอานอนได้ที่ไหน"
"อ๋อค่ะ...ถ้าอย่างนั้นน้องก็วางใจ" คุณเนตรมณียิ้มพร้อมกับพยักหน้าในขณะที่ก้าวเท้าไปข้างหน้าตามคำเชิญ
"คุณกฤษคะ...เอื้องขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ" เจ้าสาวชุดขาวเอ่ยขึ้นในขณะที่กฤษณะกำลังจูงหล่อนเดินตามคุณเนตรมณีไปยังโต๊ะรับรองเพื่อดูแลแขกคนพิเศษ หล่อนรู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศและสายตาในงานนี้เหลือเกิน แม้เจ้าบ่าวผู้แสนดีจะปลอบใจอย่างไร แต่ความรู้สึก...มันบีบบังคับกันไม่ได้
หล่อนรู้ที่มาของตัวเอง...รับรู้ความคิดความอ่านจากการถูกจ้องมองเป็นอย่างดีว่าคนในงานนี้คิดอย่างไร กับการที่หล่อนยอมมาเป็นเจ้าสาวของผู้ชายซึ่งมีอายุรุ่นพ่อ แต่ก็นั่นแหละในเมื่อได้ตัดสินใจไปแล้วหล่อนก็ไม่คิดจะถอยหลังหรอก
เป้าหมาย...และความอยู่รอดของคนในครอบครัวรวมถึงตัวหล่อนขึ้นอยู่กับหล่อนเพียงคนเดียวเท่านั้น
"ให้ฉันไปเป็นเพื่อนหรือเปล่า..."
"ไม่ต้องหรอกค่ะคุณท่าน เอ่อ...คุณกฤษเอื้องไปเองได้ คุณกฤษอยู่ดูแลแขกในงานดีกว่าค่ะ" ช่อเอื้องกล่าวพร้อมยิ้มให้กับเจ้าบ่าวของหล่อนและเพื่อนสาวคนสนิทของเขา จากนั้นก็ขอตัวเดินออกไปจากห้องจัดงานเลี้ยง
หญิงสาวถอนหายใจด้วยความปลอดโปร่งเมื่อสามารถพาตัวเองออกมาจากความบรรยากาศชวนอึดอัดนั้นได้ หล่อนไม่ได้ไปห้องน้ำอย่างที่บอกกับกฤษณะหรอก เพียงแต่อยากหลุดพ้นจากวงโคจรสังคมชั้นสูงของฝั่งเจ้าบ่าวสักพักสักครู่ เพื่อให้ตัวเองได้ผ่อนคลาย
การลอบออกมาจากงานแล้วเดินมายังด้านหลังซึ่งมีสวนหย่อมเล็กๆ จึงเป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกโล่งใจได้ไม่น้อย หล่อนทอดกายนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ประดับด้วยเถากุหลาบด้วยความเหนื่อยอ่อน
พิธีการแม้จะเรียบง่ายแต่ก็สร้างความกดดันอยู่เนืองๆ ให้กับหล่อน เพราะญาติพี่น้องเพื่อนฝูงฝั่งเจ้าบ่าวนั้นมีหน้ามีตาในสังคมพอสมควร
ต่างกับหล่อน...และครอบครัวของหล่อนโดยสิ้นเชิง
แต่ถึงกระนั้น...ทุกอย่างก็จำเป็นต้องผ่านไปให้ได้ ในเมื่อวันคืนที่แสนทรมานกว่านี้หลายร้อยเท่าหล่อนยังเคยผ่านมาได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับอีแค่ความกดดันเล็กๆ น้อยที่เป็นเพียงบทพิสูจน์ว่าหล่อนคู่ควรกับการได้มายืนอยู่ในจุดนี้อย่างสง่าผ่าเผยจริงๆ หรือเปล่า
ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีหวานขบเม้มเข้าหากันอย่างครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจละทิ้งความสันโดษและลุกยืนเพื่อเดินเข้าไปในงานอีกครั้ง มือเล็กกระโปรงชุดเจ้าสาวฟูฟ่องขึ้นเล็กน้อยเพื่อความสะดวกในการเดินเหิน หล่อนเร่งฝีเท้าเล็กน้อยด้วยกลัวว่ากฤษณะจะเป็นห่วงที่หายตัวมานาน และหากเขาให้ใครไปตามหล่อนในห้องน้ำแล้วไม่พบตัว เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่เสียเปล่าๆ
ตรงทางเดินค่อนข้างมืด มีแสงไฟสลัวไม่สว่างโร่นักด้วยเป็นการสร้างบรรยากาศของทางโรงแรม และตรงนี้เป็นด้านหลังด้วยไม่ค่อยมีใครย่างกรายเข้ามาในยามดึกดื่น จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องเปิดไฟให้สว่างเพราะด้านนอกก็มีโคมไฟประดับประดาให้แสงพอสมควรอยู่แล้ว
"ว้าย/เฮ้ย!" ร่างเล็กทรุดนั่งทิ้งตัวลงกับพื้นทันควันในขณะที่หล่อนกำลังจะเลี้ยวไปยังอีกเส้นทางหนึ่งเพื่อมุ่งตรงไปยังห้องจัดงาน แต่แล้วบางอย่างก็ปะทะเข้าอย่างจังโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
หล่อนล้มลง...และรู้สึกเจ็บตรงข้อเท้าทันทีเพราะใส่รองเท้าส้นสูงและแหลมเอามากๆ เสียด้วย
"คุณ! เป็นอะไรหรือเปล่า" เสียงห้าวทุ้มไม่คุ้นเคยทำให้ช่อเอื้องทราบทันทีว่าคนที่เดินมาชนกับหล่อนตรงหัวมุมนั้นเป็นผู้ชาย
"เจ็บ...ข้อเท้า" หล่อนบอกไปโดยอัตโนมัติ เริ่มกังวลใจเรื่องงานแต่งขึ้นมาทันที
"เท้าแพลงหรือเปล่า ผมขอดูหน่อย" ชายหนุ่มร่างใหญ่รีบย่อตัวลงมาดูคนตัวเล็กกว่าที่ถูกเขาชนจนล้มลงกับพื้น ในขณะที่ตัวเขาซึ่งแข็งแรงกว่ากลับไม่ได้สะทกสะท้านอะไร เพียงแค่รู้สึกตกใจเล็กน้อยเท่านั้นเองที่เกิดเหตุไม่คาดฝันในขณะที่ตัวเขาก็กำลังรีบ
"ฉันต้องรีบไป..." ช่อเอื้องบอกกับเขา พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองชายแปลกหน้าเป็นครั้งแรก
ทั้งคู่...ต่างตกอยู่ในความงงงันชั่วขณะ ก่อนที่ฝ่ายชายจะอุทานขึ้นมาด้วยอาการตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม
"พเยีย..."
"ขอโทษนะคะ ฉันต้องรีบไปแล้ว" ช่อเอื้องรู้สึกตัว และรีบใช้มือค้ำฝาผนังเอาไว้พยุงตัวลุกขึ้นยืน หล่อนเจ็บตรงข้อเท้าแต่ก็ไม่ได้มากพอถึงขนาดจะเดินเหินไม่ได้ ร่างเล็กกะเผลกผ่านหน้าเขาไปโดยไม่ได้ให้ความสนใจอีก
"พเยีย! หยุดก่อน คุณคือพเยียใช่ไหม" มือใหญ่รีบคว้าเรียวแขนของสาวเจ้าเอาไว้ทันที เขาจ้องมองใบหน้าที่ถูกปรุงแต่งอย่างสวยงามนั้น และเริ่มสำรวจเรือนร่างและอาภรณ์ของหล่อน
"ฉันชื่อช่อเอื้องค่ะ ไม่ใช่พเยียอะไรทั้งนั้นปล่อยเถอะฉันต้องไปแล้ว"
"คุณแต่งงานเหรอ...หรือว่าคุณจะเป็น..." ชายหนุ่มไม่ได้ละทิ้งความคิดว่าหล่อนเป็นใครอีกคนที่เขารู้จัก แต่เมื่อได้เห็นว่าชุดที่หล่อนสวมใส่อยู่นั้นเป็นอย่างไรความคิดอื่นก็แทรกซ้อนเข้ามาในความรู้สึก
"เกิดอะไรขึ้น! ตาปั้น เอื้อง..." ทั้งคู่หันไปมองยังต้นเสียงที่กำลังเดินฝ่าความมืดสลัวเข้ามาใกล้
"พ่อ/คุณกฤษ..."
"เอื้องหกล้มค่ะ แล้วก็เจอคุณคนนี้..." ช่อเอื้องรีบอธิบายแล้วสะบัดแขนออกจากพันธนาการของเขา เร่งเดินไปหาเจ้าบ่าวของหล่อนที่กำลังเข้ามาประคองพอดีเช่นกัน
"อ๋อ...เจ็บตรงไหนเป็นอะไรมากหรือเปล่า แกล่ะตาปั้น...ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้" กฤษณะไม่ปล่อยให้เสียเวลาเปล่า รวบคำถามกับทั้งสองคนในเวลาเดียวกัน
"เธอเป็น...เจ้าสาวของพ่อเหรอ"
"เออสิ...นี่ช่อเอื้อง รู้จักกันเอาไว้นะ เอื้องนี่ลูกชายของฉันเอง ศิขรา เรียกเขาว่าปั้นก็ได้"
"สวัสดีค่ะคุณปั้น..." ช่อเอื้องกล่าวทักทายในขณะที่หล่อนถูกประคองอยู่ในอ้อมกอดของเจ้าบ่าวรุ่นพ่อแล้ว เหลือบเห็นสายตาของ ศิขราที่มองมาอย่างสับสนแล้วก็รีบสะกิดว่าที่สามีให้รีบพยุงหล่อนกลับเข้าไปในงาน
"เอื้องเจ็บเท้านี่...พักก่อนดีไหม เรื่องในงานเลี้ยงฉันจะจัดการเอง ส่วนแก...ยืนบื้ออะไรอยู่ล่ะปั้น รีบไปเปลี่ยนผ้าแล้วเข้าไปพบแขกเหรื่อในงานสิ"
"ครับ...พ่อ" ชายหนุ่มรับคำ ละสายตาจากหญิงสาวในชุดขาวงามสง่า รับรู้ได้ถึงการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติแทบจะหน้ามืดไปเลยชั่วขณะก็ว่าได้
มันเกิดอะไรขึ้น...ยังมีคนหน้าเหมือนกันขนาดนี้ได้อีกเหรอ หรืออาจจะเป็นญาติพ่อน้องมีความผูกพันกันทางสายเลือดกับใครอีกคนที่เขารู้จัก
กว่าจะรู้ตัวอีกทีศิขราก็พบว่าตัวเองยืนอยู่คนเดียวเสียแล้ว บิดาของเขากับเจ้าสาวได้เดินจากไปตามทางเดินจนเห็นแต่เพียงหลังไวๆ เขามอง...ตามคนทั้งคู่ ในขณะนั้นเจ้าสาวแสนสวยก็หันกลับมามองเขาด้วยสายตาว่างเปล่าแล้วก็หันกลับไปดังเดิม...
เหมือน...ไม่มีที่ติ สายตาของหล่อนที่ทอดมองกลับมานั้นเขาจำได้เป็นอย่างดี เพราะมันยังคงหลอกหลอนเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทุกๆ ครั้งที่หลับตา หรือหล่อนจะเป็นคนคนเดียวกัน...แล้วมันเกิดอะไรขึ้นทำไมหล่อนยังมีชีวิตอยู่ ทำไมถึงได้กลับมาเป็นเจ้าสาวของพ่อเขาได้ ชายหนุ่มไม่อาจลำดับเหตุการณ์ใดๆ ได้ถูกในตอนนี้
เพราะผู้หญิงคนนั้น...ใครอีกคนที่มีเค้าหน้าราวกับคนคนเดียวกันกับช่อเอื้องว่าที่แม่เลี้ยงของเขาในขณะนี้ ได้เสียชีวิตไปแล้ว ด้วยน้ำมือของเขาเองตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อน...