นั่งอยู่นานเท่าไรไม่รู้ รู้เพียงว่าได้ยินเสียงเรียกอยู่ด้านนอก
“ บัว แต่งตัวเสร็จหรือยัง ”
“ เสร็จแล้วจ้ะ ”
“ ออกมากินข้าวกัน ”
หญิงสาวรีบลุกขึ้นแล้วเปิดประตูห้อง ก่อนจะพบร่างสูงใหญ่ยืนรออยู่ตรงนั้น เขาสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นสามส่วนสีคราม
“ อ้าว วันนี้พี่เดชไม่ไปทำงานรับลูกศิษย์ลูกหาเหรอจ๊ะ ”
“ พี่จะขึ้นไปที่เรือนใหญ่ประมาณเกือบเก้าโมงนั่นแหละ ช่วงเช้าจะมีเวลาเป็นของตัวเอง ออกกำลังกาย กินข้าวกินปลาเสียก่อน ไป ไปนั่งกินข้าวด้วยกันในครัว ”
เขาเอ่ยชวนก่อนเดินนำ บัวเดินตามต้อย ๆ
“ ปกติแล้วที่นี่จะสั่งกับข้าวจากแม่ค้าในตลาดที่ชื่อป้าดา แกจะเอามาส่งเสมอ แต่ทีนี้หลัง ๆ แกเริ่มไม่แข็งแรง เจ็บออด ๆ แอด ๆ ลูกสาวแกมาทำแทน รสชาติไม่เหมือนเดิม พี่ก็เลยไม่โอเคแล้ว อยากจะหาที่สั่งกับข้าวใหม่ ”
ชายหนุ่มอธิบายพร้อมทรุดลงนั่งบนโต๊ะที่แกะกับข้าวใส่ชามเรียบร้อย เขานั่งลงบนเก้าอี้ แต่หญิงสาวยังคงยืนละล้าละลังทำอะไรไม่ถูก
“ เอ้า นั่งสิบัว กินข้าวด้วยกัน ”
“ มันจะดีหรือจ๊ะพี่ จะให้บัวร่วมโต๊ะกินข้าวกับพี่เดชแบบนี้ ”
“ ทำไมล่ะ บัวเป็นแขกของพี่ ไม่เห็นจะมีอะไรไม่เหมาะสม ”
“ บัวไม่ใช่แขก บัวเป็นคนที่มาอาศัยใบบุญ อีกอย่างพี่ก็บอกให้บัวทำงานบ้านเพื่อแลกกับการที่พี่จะช่วยเหลือบัว มันดูไม่ดีที่บัวจะไปนั่งบนโต๊ะเสมอนาย ”
“ พี่ไม่ใช่นายอะไรทั้งนั้นละ ทุกคนบนโลกนี้เท่าเทียมกันเสมอ ไม่ว่าบัวจะเจออะไรมาจากที่ไหน แต่สำหรับที่นี่ สำหรับพี่ ทุกคนที่นี่เปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกันทั้งหมด บัวก็เหมือนกัน ”
คำว่า ครอบครัวเดียวกัน ทำให้หญิงสาวรู้สึกดีอยู่ลึก ๆ เธอไม่เคยสัมผัสคำว่าครอบครัวอีกเลยนับแต่ยายตายไป พอได้มาอยู่กับกำนันเทิ้ม เขาจะดีกับเธอก็แต่ช่วงแรก ๆ พอบทรักไม่ถูกใจเขาก็ไม่ให้กินข้าวกินน้ำ ยามจะกินก็ต้องไปกินที่โรงครัว ไม่เคยได้ร่วมโต๊ะเลย
“ นั่งเถอะบัว มานั่งข้าง ๆ พี่ ” เสียงทุ้มเอ่ยอ่อนโยนดึงสติให้กลับมาสู่หญิงสาว เธอค่อย ๆ เดินไปนั่งข้างเขา ชายหนุ่มตักข้าวใส่จานแล้วส่งให้ พร้อมตักไข่พะโล้หนึ่งฟองให้ด้วย
“ เอ้า นี่ กินเยอะ ๆ จะได้มีแรง ต้องตื่นมาทำพิธีตอนเที่ยงคืนตั้งสามวัน จะไปหลับตอนนั้นไม่ได้นะ ” เขาเอ่ยเย้าให้เธออารมณ์ดี บัวยิ้ม
“ อารมณ์ดีแล้วล่ะสิ ชอบไข่พะโล้ใช่ไหมล่ะ ”
“ ก็ชอบด้วยจ้ะ แต่ที่ยิ้มคือ บัวคิดถึงยาย ยายจะชอบตักกับข้าวที่ชอบให้บัวเสมอ บัวก็จะตักให้ยายเหมือนกัน นอกจากยายแล้วก็ไม่มีใครเคยตักกับข้าวให้บัวเลย นอกจากพี่ ”
เธอเอ่ยซื่อ ๆ เขาเพ่งพิศใบหน้าหวานนั้นอย่างแสนสงสาร
“ ถ้าอย่างนั้น เรามาตักกับข้าวให้กันและกันนะ พี่ขอเป็นตัวแทนยายของบัวก็แล้วกัน กินเยอะ ๆ นะ จะได้โตเร็ว ๆ หลานเอ๊ย ” ท้ายประโยคเดชแกล้งดัดเสียงให้เป็นคนแก่ เรียกเสียงใสให้หัวเราะอย่างมีความสุข
ความสุข ที่มันหายไปจากชีวิตเธอโดยสิ้นเชิง นับแต่สูญเสียยายไป
วันนี้ มันกลับมาอีกครั้ง มันถูกสร้างขึ้นจากผู้ชายร่างใหญ่หน้าตาคมคายที่อยู่เบื้องหน้านี้
มันคงจะดี ถ้าความสุขนี้จะคงอยู่ตลอดไป...
***
ขึ้นสิบสี่ค่ำ
เวลาห้าทุ่มครึ่ง
บัวลุกขึ้นมานั่งอย่างตื่นเต้นหลังจากที่พลิกไปพลิกมาอยู่หลายตลบ แม้ว่าพี่เดชจะบอกเธอแล้วว่าให้นอนหลับไปเลย เมื่อใกล้เวลาแล้วจะมาปลุก เพราะบ้านหลังน้อยที่เธออยู่นี้ก็คือบ้านส่วนตัวของเขา ห้องตรงกันข้ามก็คือห้องนอนของเขา ส่วนห้องที่เธอนอนอยู่นี่ก็เป็นห้องนอนของน้องชายที่ตอนนี้ก็มีภรรยาไปแล้วจึงแยกออกไปอยู่อีกหลังหนึ่ง แต่ก็ยังมาช่วยงานเป็นช่างสักของที่นี่อยู่ เธอเคยพบเขาแล้ว ก็คือคนที่ดูแลคิวที่เรือนใหญ่นั่นล่ะ ถึงว่า ตอนที่พบหน้ากันครั้งแรกเธอจึงรู้สึกคุ้น เนื่องจากดามพ์น้องชายนั้น ก็มีส่วนละม้ายคล้ายพี่เดช
พี่เดชอธิบายให้ฟังว่า สำนักอาจารย์เดช ถูกก่อตั้งอย่างจริงจังเมื่อหกปีที่แล้ว ก่อนหน้านั้นพ่อของเขาก็เป็นคนชอบทางด้านการสักยันต์และเครื่องรางของขลัง ทำให้ลูกชายทั้งสอง คือ เดช และดามพ์ผู้เป็นน้องชายชอบทางด้านนี้ไปด้วย แต่ที่พิเศษคือ เดช ซึ่งจะเป็นคนชอบทำสมาธิมาตั้งแต่เด็ก ทำให้มีสัมผัสพิเศษเหนือผู้อื่น แรกเริ่มเดิมทีก็ช่วยเหลือกันเฉพาะในหมู่ญาติและคนรู้จัก ปากต่อปาก ก็ทำให้คนเข้ามาหามากขึ้น ช่วงนั้นพ่อของเดชป่วยเป็นมะเร็ง ทำให้เขาต้องหันมาจริงจังเพื่อหารายได้มารักษาพ่อ แต่โชคร้ายที่พ่อมาเสียไป แต่ก่อนตายพ่อได้กำชับนักหนาให้เดชเอาดีทางนี้ เพราะนอกจากจะมีรายได้แล้ว ก็ยังได้ช่วยผู้คนอีกด้วย
การสักยันต์ การบูชาเครื่องรางของขลังของสำนักอาจารย์เดช ไม่ใช่สักแต่ว่าจะมาสักกันสุ่มสี่สุ่มห้า แต่ผู้ที่มาสักต้องอยู่ในศีลในธรรม อาคมของขลังจึงจะมีอิทธิฤทธิ์บารมี
แม้กระทั่งช่างสักหรือทุกคนที่ทำงานให้กับสำนักอาจารย์เดช เขาก็กำชับนักหนาเรื่องการรักษาศีลและอยู่ในทำนองคลองธรรม จึงได้มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่นับหน้าถือตามาจนถึงทุกวันนี้
เสียงเคาะประตูห้องพร้อมส่งเสียงเรียก ทำให้ร่างบอบบางที่นอนลืมตาโพลงอยู่ถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะลุกพรวดขึ้น
“ บัว จวนจะได้เวลาแล้วนะ ตื่นได้แล้ว ”
“ บัวยังไม่ได้หลับหรอกจ้ะ ” เธอตะโกนตอบกลับไปพร้อมรีบลุกไปเปิดประตูห้อง พบร่างสูงใหญ่ที่สวมกางเกงขาสั้นแค่เข่าสีขาว ดูคล้ายจุงกระเบน ท่อนบนเปลือยเปล่าและมีผ้าสีขาวเล็ก ๆ คล้ายสไบพาดไว้เช่นเคย
เพียงเห็นร่างสูงใหญ่และใบหน้าคมสัน หัวใจของหญิงสาวก็ไหววูบแปลก ๆ
“ อย่ารู้สึกแบบนี้ มันบาป นี่พี่เดชอยู่ในชุดขาวนะอีบัว ”
เธอพร่ำบอกตัวเองอยู่ในใจ
“ ทำไมยังไม่หลับ ตื่นเต้นเหรอ ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม เธอพยักหน้ารับ
“ จ้ะ ”
“ ไม่ต้องตื่นเต้นนะ ไม่มีอะไรน่ากลัว ไป เดินตามพี่ไปบนห้องทำพิธีบนเรือนใหญ่ ”
พูดจบก็เดินนำไปยังเรือนใหญ่ ร่างบางเดินตามต้อย ๆ พลางเงยหน้ามองพระจันทร์กลมโตที่ลอยเด่นอยู่บนนภา
“ เดือนสวยจังเลยนะจ๊ะคืนนี้ ”
“ ใช่ สวยมาก ”
เขาตอบกลับมาเสียงขรึม ไม่พูดจาเย้าหยอกดังเช่นที่เป็นมา บัวจึงเลือกที่จะเงียบดีกว่า