บทที่ 9
พราวเนตรที่หิ้วตะกร้าดอกไม้ผ่านลานหน้าคฤหาสน์ตอนเย็นรีบก้าวเท้าเร็วยิ่งขึ้น เมื่อรถสปอร์ตคันงามของคีแรนแล่นเข้ามาจอดตรงหน้าพอดิบพอดี
“ทำไมถึงโชคร้ายแบบนี้นะ”
หญิงสาวถามตัวเองเบาๆ ในลำคอและยิ่งเร่งฝีเท้า แต่ไม่ทันกาล เพราะคีแรนก้าวลงมาจากรถพร้อมกับผู้หญิงคนใหม่ พร้อมกับตะโกนเรียกหล่อนเสียก่อน
“พราวเนตร”
หล่อนชะงักเท้ากึก หน้าตาซีดเผือด รู้สึกราวกับกำลังจะถูกจับโยนลงไปในนรกไม่มีผิด
“ฉันเรียกทำไมไม่หันมา หรือว่าหูตึง”
หล่อนจำต้องค่อยๆ หมุนตัวไปเผชิญหน้ากับคนตัวโต แววตาของเขาทำให้หล่อนยิ่งตัวสั่น
“คือพราว...”
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ ขึ้นไปหาฉันที่ห้องด้วย”
หล่อนเงยหน้ามองเขาทันทีด้วยความตกใจ “ให้พราว...ขึ้นไปพบเหรอคะ”
“ใช่ ทำไม หรือว่าจะขัดคำสั่ง”
หล่อนรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“ปละ เปล่าหรอกค่ะ”
นี่เขาจะให้หล่อนไปหาทำไมกันนะ หรือว่ามีเรื่องจะดุด่าต่อว่าหล่อนให้เจ็บช้ำอีก พราวเนตรเม้มปากเป็นเส้นตรง ละสายตาจากใบหน้าหล่อกระด้างมามองผู้หญิงที่เกาะแขนของคีแรนอยู่อย่างลืมตัว และก็รู้สึกแปลบในอกอย่างไร้สาเหตุ
คีแรนเห็นสายตาของพราวเนตรมองคู่ขาคนใหม่ของตัวเองก็ตวัดแขนรวบร่างอวบอัดเข้ามากอดแน่นยิ่งขึ้น แต่สายตาของเขาจับจ้องที่ใบหน้าของพราวเนตรตลอดเวลา
“งั้นก็รีบขึ้นมาพบฉันด้วย”
แล้วคีแรนก็เดินประคองกอดร่างอวบอัดของผู้หญิงหน้าตาสวยเฉี่ยวเข้าไปในบ้าน
“จะให้เราไปเป็น ก ข ค ทำไม”
พราวเนตรพูดออกมาเสียงเศร้าหมอง แต่ก็ไม่อาจขัดคำสั่งของเจ้านายได้เช่นเดิม
“ขออนุญาตค่ะ”
พราวเนตรเคาะประตูเสร็จก็พูดขึ้นเสียงดังพอประมาณ เพื่อให้คนในห้องได้ยิน และอึดใจเดียวเขาก็ตอบกลับมา
“เข้ามา”
หล่อนกุมลูกบิดประตูที่เย็นเฉียบไม่ต่างจากหัวใจของตัวเอง และหมุนมันแรงๆ พร้อมกับก้าวเข้าไปข้างใน
“ปิดประตูด้วย”
เจ้าของห้องที่นอนเอกเขนกอยู่บนเตียงกว้างและมีคู่ขาคนใหม่นอนขนาบข้างออกคำสั่งเสียงกระด้าง
“ค่ะ”
พราวเนตรรีบหันไปดึงประตูห้องให้ปิดลงตามคำสั่ง และก็รีบก้มหน้ามองพื้นห้องทันที เมื่อสองคนบนเตียงเปิดฉากดูดปากกันอย่างดูดดื่ม หล่อนอยากวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้เสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่รู้ดีว่าทำไม่ได้ จึงทำได้แค่ก้มหน้าซ่อนความอับอายเอาไว้เพียงเท่านั้น สักพักเสียงจ๊วบจ๊าบก็สิ้นสุดลง พร้อมกับเสียงเข้มกระด้างเป็นการเป็นงานดังขึ้น
“ฉันมีเรื่องของผัวเธอมาบอก”
คนที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ชะงักงัน เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของคำพูดอย่างลืมตัว หล่อนอยากจะบอกคีแรนนักว่าตัวเองกับอภิชัยยังไม่มีอะไรเกินเลยกัน แต่พอเห็นเขามีผู้หญิงคนอื่นเคียงข้าง ก็หยุดความคิดที่จะอธิบายไปในทันที
“ค่ะ”
คีแรนก้าวลงจากเตียง และเดินมาหยุดตรงหน้าของหล่อน ระยะห่างเพียงแค่ไม่ถึงฟุต ทำให้หล่อนได้กลิ่นกายชายชาตรีฟุ้งเข้ามาในจมูกอย่างชัดเจน หล่อนหน้าแดงก่ำ และค่อยๆ ก้าวถอยหลังหนีโดยอัตโนมัติ
คีแรนอันตรายเกินกว่าที่หล่อนจะอยู่ใกล้ๆ ได้...
ชายหนุ่มยิ้มเยาะเมื่อเห็นหญิงสาวถอยหลังหนี เขาไม่ก้าวตาม แต่เลือกที่จะหยุดการหนีของหล่อนด้วยคำพูดแทน
“ผัวเธอไม่ใช่คนดีอย่างที่คิด”
พราวเนตรช้อนตาขึ้นมองเจ้าของคำพูดกล่าวหาอภิชัยด้วยความไม่เชื่อถือ
“ตั้งแต่ที่พราวคบหากับพี่ชัยมา ไม่เคยมีวันไหนที่พี่ชัยทำตัวไม่ดีให้พราวเห็นค่ะ”
คีแรนหมั่นไส้ใบหน้านวลที่เชิดขึ้นและดวงตาดื้อรั้นของพราวเนตรยิ่งนัก อยากจะจับหล่อนหวดก้นเสียให้เข็ด
“ไม่มีผู้ชายคนไหนทำไม่ดีต่อหน้าเมียหรอก จริงไหม”
พราวเนตรคิดว่าคีแรนคงไม่ชอบขี้หน้าอภิชัยจึงหาเรื่องใส่ร้ายมากกว่าจึงไม่คิดจะเชื่อ
“พราวไม่ทราบค่ะ พราวขอตัวนะคะ” หล่อนหมุนตัวจะเดินหนี แต่คีแรนคว้าแขนเรียวเอาไว้ พร้อมกับบีบแรงๆ จนหล่อนเจ็บ
“เธอทำเหมือนไม่เชื่อที่ฉันบอก”
ใช่ หล่อนไม่เชื่อเต็มประตูเลยล่ะ หล่อนคิดแบบนี้แต่ไม่สามารถพูดออกไปตรงๆ ได้
“พราวขอบคุณมากนะคะที่คุณคีแรนเป็นห่วงสาวใช้อย่างพราว เอาเป็นว่าพราวจะเก็บเอาไปคิดก็แล้วกันค่ะ” หล่อนมองเขา ก่อนจะพูดต่อ “พราวขอตัวนะคะ” แล้วหล่อนก็ตัดสินใจออกมาจากห้องนอนของคีแรนทันที โดยไม่สนใจว่าชายหนุ่มจะรู้สึกอย่างไร
“คนบ้า ทำไมต้องคอยหาเรื่องตลอดด้วยนะ”
ในขณะที่พราวเนตรกำลังไม่พอใจอยู่นั้น คีแรนเองก็เต็มไปด้วยความเดือดดาลเช่นกัน
“ผู้หญิงโง่ เตือนก็ไม่ฟัง”
เขาตะโกนลั่นห้อง จนคู่ขาที่นอนทอดกายรอเสพสมอยู่บนเตียงต้องเอ่ยปลอบขึ้น
“อย่าไปสนใจผู้หญิงโง่ๆ แบบนั้นเลยค่ะคุณคีแรน เรามาสนุกกันดีกว่า พิมจะทำให้คุณลืมเรื่องเครียดๆ ไปเลยค่ะ”
หญิงสาวก้าวลงมาจากเตียง แล้วเปลื้องเสื้อคลุมอาบน้ำออกจากตัว เผยเรือนร่างอวบอัดน่าฟัดอย่างไร้ความอับอาย
คีแรนก้าวเดินเข้าไปหา ผลักหญิงคู่นอนลงกับเตียงแรงๆ และเริ่มต้นสงครามสวาทด้วยความดุดัน
“อ๊า...อู๊ยยยย...อ๊า...คีแรนขา...โยกดีเหลือเกิน...อ๊า...”
เสียงครวญครางแบบนี้มักจะดังออกมาจากปากของคู่นอนทุกคนเมื่อความทรงพลังของเขาซอยระรัวเข้าใส่ คีแรนหลับตาลง บรรเลงเพลงกามอย่างสุดป่าเถื่อน และยาวนานเท่าที่ใจต้องการ