ตอนที่ 4

952 Words
พราวเนตรแอบมานั่งร้องไห้เงียบๆ อยู่ที่ด้านหลังคฤหาสน์ ใบหน้าของหล่อนบวมช้ำ ที่มุมปากก็บวมเจ่อเช่นกันเพราะถูกอรุณรัตน์ตบตี แต่ผลจากการถูกทำร้ายยังไม่เจ็บปวดสาหัสเท่ากับถูกคีแรนด่าทอโดยไม่ฟังเหตุผล เขาเข้าข้างคนของตัวเองได้อย่างน่ารังเกียจ ไม่เวทนาต่อความรู้สึกของคนใช้เช่นหล่อนบ้างเลย “คนใจร้าย...” หล่อนพึมพำต่อว่าเขาทั้งน้ำตา โกรธที่คีแรนไม่มีเหตุผล ก่อนจะสะดุ้งตกใจ เมื่อเสียงลำดวนดังอยู่ด้านหลัง “พี่ลำดวน” หล่อนรีบป้ายน้ำตาทิ้ง และหันใบหน้าบวมๆ ของตัวเองกลับไปหาลำดวน “พี่ไม่น่าให้พราวขึ้นไปทำความสะอาดห้องคุณคีแรนวันนี้เลย” ลำดวนที่ยืนถือกล่องยาอยู่พูดขึ้นอย่างรู้สึกผิด “พี่ลำดวนไม่ผิดหรอกค่ะ พราวผิดเองที่อดทนไม่ได้” หล่อนพยายามฝืนยิ้มแต่กลับเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีกครั้งเสียมากกว่า “ถ้าพราวไม่วู่วาม เรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น โชคดีแค่ไหนแล้วที่คุณคีแรนไม่ไล่พราวออกจากงาน” ลำดวนถอนหายใจเบาๆ ขยับเข้ามาใกล้ มองใบหน้าและมุมปากบวมๆ ของพราวเนตรด้วยความสงสาร “แล้วนี่เจ็บมากไหม” หล่อนส่ายหน้าน้อยๆ ตอบลำดวน “ไม่เจ็บเท่าไหร่หรอกค่ะพี่ลำดวน ไกลหัวใจตั้งเยอะ” หล่อนแสร้งทำเป็นหัวเราะร่าเริง แต่ภายในใจนั้นแสนจะชอกช้ำ “ไม่เป็นไรมากก็ดีแล้ว เอายาไปกินซะ แล้วถ้าอาการไม่ดีก็บอกพี่ พี่จะพาไปหาหมอ” หล่อนมองลำดวนอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ “ขอบคุณพี่ลำดวนมากนะคะที่เป็นห่วงพราว” “อืม ไม่เป็นไรหรอก แล้วอย่าลืมกินยาล่ะ” พราวเนตรรับกล่องยามาถือเอาไว้ “ขอบคุณอีกครั้งค่ะพี่ลำดวนที่คอยดูแลพราว” ลำดวนระบายยิ้มน้อยๆ ก่อนจะพูดขึ้น “แล้ววันนี้ก็ไม่ต้องเข้าไปทำงานที่ตึกใหญ่แล้วนะ ไปพักผ่อนเถอะ คุณคีแรนให้หยุดงานได้หนึ่งอาทิตย์เลยนะ” ชื่อของคนใจร้ายทำให้พราวเนตรหน้าย่นขึ้นมา ก่อนจะอดพูดประชดประชันออกมาไม่ได้ “คุณคีแรนคงไม่ใจดีกับคนใช้อย่างพราวขนาดนั้นหรอกจ้ะพี่ลำดวน” ลำดวนมองหน้าพราวเนตร ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าทุกครั้ง “อย่าไปว่าคุณคีแรนแบบนั้นเลย ท่านใจดีกว่าที่พราวคิดเอาไว้มากนัก” “ไม่จริงหรอกค่ะ” หล่อนไม่มีทางเชื่อ ลำดวนถอนหายใจออกมาเบาๆ “สักวันพราวจะได้รู้ แล้วความคิดของพราวจะเปลี่ยนไป” หล่อนนิ่งเงียบเพราะคิดว่าไม่มีทางมีวันนั้นได้ ผู้ชายอย่างคีแรนเหี้ยมเกรียมและไม่มีหัวใจ “งั้นพราวไปพักเถอะ เดี๋ยวพี่ขอตัวไปทำงานต่อก่อน” “ขอบคุณค่ะพี่ลำดวน” ลำดวนเดินจากไปแล้ว ในขณะที่หล่อนยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอ่อนล้า ถ้าหล่อนไม่มีครอบครัวอยู่ที่นี่ ป่านนี้หล่อนคงออกไปหางานที่อื่นทำแล้ว แต่นี่พ่อกับแม่ของหล่อนทำงานที่นี่มาตั้งแต่วัยหนุ่มสาว คงยากมากหากจะพาท่านทั้งสองออกไปอยู่ที่อื่น หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนล้า ลุกขึ้นยืน และกำลังจะหมุนตัวเดินกลับไปยังเรือนพัก แต่ดวงตาของหล่อนที่ช้อนมองสูงขึ้นไปยังระเบียงสีขาวเบื้องบนปะทะเข้ากับร่างกำยำสูงใหญ่ของคีแรนเข้าเสียก่อน ดวงตากลมโตเบิกกว้าง กลีบปากอิ่มเผยอค้าง พวงแก้มแดงก่ำเมื่อสายตาคมกริบตวัดมองจ้องมา มันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง สองขาไร้เรี่ยวแรงเสมอยามสบประสานสายตากับคีแรน แม้ในระยะไกลก็ตาม ทำไมหัวใจของหล่อนเต้นแรงแบบนี้ เต้นแรงราวกับจะกระดอนออกมานอกอก พราวเนตรยกมือขึ้นกุมหน้าอกตัวเอง ก่อนจะกัดฟันหันหลังให้ พร้อมกับรีบเดินหนีจากไปอย่างรวดเร็ว คีแรนจับจ้องมองตามร่างอรชรที่เดินลิ่วๆ จากไปอย่างรวดเร็วนั้นไม่วางตา พราวเนตรเดินสวนกับคีแรนที่เดินออกมาจากห้องอาหารในตอนเช้าวันต่อมา หล่อนก้มหน้าหลบสายตาของเขาและกำลังจะเดินผ่าน แต่เสียงกระด้างดังขึ้นเสียก่อน “ทำไมมาทำงาน” หล่อนชะงักเท้า และจำต้องหมุนตัวมาเผชิญหน้ากับเขา หล่อนก้มหน้ามองพื้นนิ่ง “คือ...พราวไม่อยากหยุดงานค่ะ” “แต่มันคือคำสั่งของฉัน กลับไปพักผ่อน” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน และแสนเผด็จการ พราวเนตรลืมตัวเงยหน้าขึ้นสบประสานสายตากับชายหนุ่ม ก่อนจะร้อนฉ่าไปทั้งตัวอย่างควบคุมไม่ได้ “แต่พราวไม่ได้เป็นอะไรมาก ทำงานไหวค่ะ” “ถ้าอยากทำงานที่นี่ ก็ต้องจำใส่หัวเอาไว้เสมอว่าคำสั่งของฉันคือที่สุด กลับไปพักผ่อน” “แต่...” “หรือว่าจะให้ฉันไล่เธอออกไปทั้งครอบครัว ฮึ!” หล่อนมองเขาทั้งน้ำตา กลีบปากอิ่มที่ยังบวมเป่งเม้มเข้าหากันแน่น และก็จำต้องยอมรับคำสั่งอย่างไม่มีทางเลือก “ค่ะ” เมื่อได้ยินคำตอบของหล่อนแล้ว เขาก็ก้าวเดินผ่านหน้าหล่อนไปโดยไม่พูดอะไรออกมาอีกแม้แต่คำเดียว หล่อนมองตามเรือนร่างสูงสง่าของชายหนุ่มไปด้วยความโมโห “สั่งเป็นมาตั้งแต่เกิดแน่ๆ คนบ้า” พราวเนตรบ่น ก่อนจะหมุนตัวกลับไปยังห้องพักของตัวเองอย่างไม่มีทางเลือก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD