ยามตะวันคล้อยลอยลิ่วหย่อนลงหลังเส้นโค้งฟ้า ร่างอรชรสมส่วนในชุดฟอร์มสาวรับใช้ของคฤหาสน์หรู จอห์นสโตน ที่ยืนอยู่นอกรั้วกำลังพูดคุยกับผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง
“เมื่อไหร่พราวจะออกไปเที่ยวกับพี่ได้สักทีครับ พี่ชวนพราวมาหลายปีแล้วนะ แต่พราวก็ไม่เคยออกไปเที่ยวไหนกับพี่ตามลำพังเลย จนตอนนี้พี่ชักงงแล้วว่าเราสองคนเป็นแฟนกันหรือแค่คนรู้จักกันแน่”
คำตัดพ้อของ อภิชัย เกิดประสพ คนรักหนุ่มรุ่นพี่ที่รู้จักกันมาเนิ่นนาน ทำให้ พราวเนตร ทองบุญลือ รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเป็นที่สุด เพราะสิ่งที่อภิชัยพูดมันคือเรื่องจริง ตลอดเวลาที่คบกันยาวนานมาเกือบห้าปี หล่อนออกไปเที่ยวกับอภิชัยนับครั้งได้เลย แถมไปแต่ละครั้งก็มีเพื่อนไปด้วยเสียทุกครั้ง
หล่อนก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่อยากไปไหนมาไหนกับอภิชัยตามลำพัง รู้เพียงว่าหล่อนไม่สะดวกใจที่จะทำแบบนั้น แม้ว่าหล่อนจะคบหากับเขาด้วยสถานะคนรักก็ตาม
“พราวงานยุ่งน่ะพี่ชัย”
“ก็เห็นบอกพี่แบบนี้มาไม่รู้กี่ปีแล้ว” สีหน้าของอภิชัยยังคงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“พราวขอโทษค่ะพี่ชัย เอาเป็นว่าพราวจะพยายามหาเวลาไปเที่ยวกับพี่ชัยนะคะ”
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะพราว พี่รอพราวจนผมจะหงอกหมดหัวแล้วนะเนี่ย”
“พราว...”
“ไม่รู้ล่ะ พี่ต้องการพาพราวไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยเสาร์อาทิตย์นี้ พราวไปลาพักร้อนเลยนะ”
“แต่พราว...ไม่แน่ใจว่าจะลาได้ไหม”
หล่อนไม่ได้อยากไปเลยสักนิด
“ไอ้เจ้าของบ้านนี่มันยังไงนะ พี่ชักอยากเห็นหน้ามันแล้วสิ ทำไมคนจะลาไปทำธุระบ้างมันยากนัก ฮึ!”
“เอ่อ...”
ยังไม่ทันที่หล่อนจะเอ่ยตอบความสงสัยของอภิชัย รถสปอร์ตสีดำทะมึนคันงามก็พุ่งทะยานตรงเข้ามาหาด้วยความเร็วสูง และก็ทำให้ทั้งหล่อนและอภิชัยต้องกระโดดหลบกันไปคนละทิศละทาง
“เฮ้ย!!! เมายาหรือไงขับรถแบบนี้น่ะ!”
อภิชัยที่กระโดดหลบทันและไม่ได้หกล้มรีบตะโกนด่าดังลั่น ในขณะที่พราวเนตรล้มก้นกระแทกลงไปกองกับพื้น กว่าจะรวบรวมแรงลุกขึ้นได้ก็ปาเข้าไปหลายนาที หล่อนหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นว่าเป็นรถของใคร
“คุณ...คีแรน...”
หล่อนช็อกและรีบส่งสัญญาณให้อภิชัยหยุดตะโกนด่า แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง
“ถ้าเหยียบคนตายจะทำยังไง ไปคุยกันที่โรงพักเลย จะเรียกค่าทำขวัญให้หมดตัวเชียว!”
“พี่ชัยพอเถอะ...พราวขอร้อง...”
หล่อนพยายามห้ามปรามอภิชัย ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่กระจกรถสปอร์ตคันงามฝั่งข้างคนขับลดลงเกือบหมดทั้งบาน และนั่นก็ทำให้หล่อนมองเห็นผู้หญิงหน้าตาสวยจัดคนหนึ่งนั่งในรถเคียงข้างมากับคีแรน
ทำไมหล่อนจะต้องรู้สึกไม่ชอบใจด้วยนะ?
“บ้านฉันไม่ใช่โรงแรม ถ้าอยากจะผสมพันธุ์กันก็ไปที่อื่น อย่ามายืนขวางหน้ารั้วบ้านฉัน!” น้ำเสียงของคีแรนเต็มไปด้วยโทสะ สายตาที่เขาตวัดมองมายังหล่อนช่างเลือดเย็นนัก “พาผัวเธอไปขย่มที่อื่น พราวเนตร!”
“คือว่า...ไม่ใช่...”
หล่อนหน้าชาดิกและพยายามปฏิเสธ แต่กระจกรถเลื่อนขึ้นปิดสนิทเสียแล้ว พร้อมกับที่รถสปอร์ตคันงามสีดำสนิทพุ่งหายเข้าไปในอาณาเขตของคฤหาสน์หรู
อภิชัยรีบเดินเข้ามาหาพราวเนตรแล้วประคองหญิงสาวเอาไว้ ขณะที่ดวงตายังคงจับจ้องมองตามท้ายรถของคีแรนไปตลอดเวลา
“ไอ้หมอนั่นเป็นใครเหรอพราว”
พราวเนตรเบือนหน้าที่ซีดเผือดของตัวเองมามองอภิชัย พร้อมกับบิดแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่มอย่างสุภาพ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น
“คุณคีแรน เป็นเจ้าของบ้านนี้ค่ะ”
“ฮะ? เจ้าของที่นี่?”
“ค่ะพี่ชัย”
“งั้นก็แสดงว่าไอ้หมอนี่ใช่ไหมที่มันไม่ยอมให้พราวลางานไปเที่ยวกับพี่น่ะ” สีหน้าของอภิชัยขึงขังขึ้นทันที
พราวเนตรถอนหายใจออกมาด้วยความวิตกกังวล ก่อนจะเอ่ยขอตัวกับอภิชัย “พราวเข้าบ้านก่อนนะพี่ชัย”
อภิชัยเห็นสีหน้าของพราวเนตรไม่สู้ดีนักจึงไม่อยากเซ้าซี้ฉุดรั้งเอาไว้ “โอเค แล้วหัวเข่าไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม”
“แค่ถลอกน่ะค่ะ” หล่อนยิ้มบางๆ ก่อนจะกล่าวลาอภิชัยอีกครั้ง แล้วเดินกะเผลกกลับเข้าไปในอาณาเขตของคฤหาสน์หลังงาม มุ่งหน้าตรงไปยังเรือนพักของตัวเองที่อยู่ร่วมกับครอบครัว
“หัวเข่าเอ็งไปโดนอะไรมาน่ะนังพราว”
แม่ที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเห็นหัวเข่าของหล่อนเข้าก็ร้องถามด้วยความตกใจระคนเป็นห่วง
“เอ่อ...พราวหกล้มน่ะแม่ ไม่เป็นอะไรมากหรอก”
แม่ของหล่อนถอนหายใจอย่างเอือมระอา “เอ็งก็เดินให้มันระวังๆ หน่อยสิ เดี๋ยวแผลก็เต็มตัวพอดี”
“ฉันจะระวังให้มากกว่านี้จ้ะแม่”
แม่ของหล่อนพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องพักที่แบ่งแยกเอาไว้อย่างเป็นสัดส่วน หล่อนเองก็กำลังจะกลับเข้าห้องพักเช่นกัน แต่เสียงของลำดวนเพื่อนร่วมงานดังขึ้นด้านหลังเสียก่อน
หล่อนหันไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียงเรียก และพยายามที่จะยิ้มแย้มอย่างปกติ
“มีอะไรกับพราวเหรอคะพี่ลำดวน”
ลำดวนสาวใช้อายุมากกว่าหล่อนสามปียืนอยู่ตรงหน้า ในมือถือกล่องปฐมพยาบาลพลาสติกเอาไว้
“เอายามาให้น่ะ” ลำดวนพูดพร้อมกับยื่นกล่องยามาให้ตรงหน้า หล่อนมองอย่างแปลกใจ แล้วก็รับมาถือเอาไว้อย่างงงๆ
“ยา? เอามาให้พราวทำไมเหรอคะ”
“ก็พี่เห็นว่าหกล้มน่ะ กลัวจะเจ็บก็เลยเอายามาให้”
ลำดวนเห็นหล่อนหกล้มตอนไหนกัน พราวเนตรคิดอย่างสับสน ก่อนจะถาม
“พี่ลำดวนเห็นด้วยเหรอจ๊ะ”
“เอ่อ...” ลำดวนอึกอักเล็กน้อย ก่อนจะตอบ “ก็...เห็นสิ ไม่อย่างนั้นจะเอายามาให้ทำไม ทาซะ ถ้าไม่ทาพรุ่งนี้แผลจะตึง แล้วจะเจ็บเอานะ”
“แผลนิดเดียวเองค่ะพี่” หล่อนระบายยิ้มมองคู่สนทนาอย่างซาบซึ้ง “แต่ก็ขอบคุณพี่ลำดวนมากนะคะ พราวปวดหัวตัวร้อน หกล้มเมื่อไหร่ ก็ได้พี่ลำดวนนี่แหละที่คอยหาหยูกหายาให้กิน ขอบคุณจริงๆ นะคะพี่”
หล่อนรีบยกมือไหว้คู่สนทนา และก็อดที่จะเอ่ยถามถึงใครบางคนไม่ได้
“เอ่อ...คุณคีแรน...พักผ่อนแล้วเหรอคะ”
“น่าจะเข้าห้องไปแล้วล่ะ ก็มากับผู้หญิงนี่นา”
ลำดวนตอบ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างแคลงใจ
“แล้วทำไมสีหน้าของพราวไม่ค่อยดีเลยล่ะ กังวลอะไรหรือเปล่า”
พราวเนตรรีบส่ายหน้าและฝืนยิ้ม “เปล่านี่คะ พราวสบายดีค่ะ”
“ก็เห็นพูดถึงคุณคีแรนแล้วหน้าเศร้าๆ พี่ก็นึกว่ามีอะไรไม่สบายใจเสียอีก”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
หล่อนฝืนยิ้มอีกครั้ง
“งั้นก็ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าแล้วทายาซะนะ อ้อ ในกล่องมียาแก้ปวดด้วย เผื่อคืนนี้ปวดแผลขึ้นมา”
“ขอบคุณนะคะพี่ลำดวน”
“จ้ะ ไม่เป็นไร พี่ไปนะ”
“พราวเดินไปส่งค่ะ”
หล่อนกำลังจะก้าวเท้าเดินไปส่ง แต่ลำดวนร้องห้ามเอาไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องหรอก พราวไปพักผ่อนเถอะ ห้องพักพี่อยู่แค่นี้เอง”
เมื่อลำดวนยืนกรานเช่นนั้น พราวเนตรจึงไม่อยากจะเอ่ยขัด หล่อนกล่าวราตรีสวัสดิ์กับลำดวนอีกครั้ง และยืนรอจนร่างของลำดวนหายไปจากสายตาจึงหมุนตัวหิ้วกล่องยาเข้าไปในห้องพัก
หล่อนดึงบานประตูให้ปิดสนิท วางกล่องยาลงบนโต๊ะริมหน้าต่าง จากนั้นก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ