ใจจังเลย พี่นวลทำก๋วยเตี๋ยวลุยสวนด้วย รับไหมคะ”
“ไม่ครับ ช่วงนี้ผมปาร์ตี้หนักไปหน่อย พุงชักจะบวม ๆ”
ได้ยินว่าพุงบวม นวลอดมองมายังเธอไม่ได้
“ใช่เลยค่ะ คนทางนี้ก็ดูพุงบวม ๆ เหมือนกันนะคะเนี่ย พี่นวลนึกว่าตัวเองคิดไปเอง นี่แหละ ๆ น่าจะออกไปดื่มมาเยอะแบบคุณดา เป็นผู้หญิงน่ะ ก็อย่าเที่ยวออกไปดื่มมากนักสิคะ พี่นวลห่วงมากแค่ไหน รู้ไหมคะ”
“รู้แล้วจ้า” อันนาส่งเสียงตอบทั้งที่ยังมีอาหารอยู่เต็มปาก ไม่อยากสบสายตาแฝดที่หน้าตาไม่ได้คล้ายกันเท่าไรแล้ว เพราะอันดาไปตกแต่งใบหน้าตามความชอบของตนเอง ดูแข็งแล้วก็ยาวกว่าหน้าคนทั่วไปเหมือนกับเหลาจากไม้อย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว
จมูกก็เล็กลงและโด่งกว่าเดิม ปากเป็นกระจับเซ็กซี่กว่าเธอที่เป็นผู้หญิงอีกด้วย ไม่เสียชื่อเจ้าของโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งที่โกยเงินแค่วันเดียวก็เท่ากับรายได้ทั้งปีของเธอเสียอีก
สายตาอันดามองที่เธอนิ่งคล้ายกำลังจับผิดอะไรอยู่
คนมีพิรุธร้องถามอย่างพาล ๆ ไปว่า “มีอะไร”
อันดามองตอบ แล้วถามกลับแบบเดียวกันไปว่า “อะไร”
“ก็แล้วมองทำไมนักล่ะ มีอะไร”
อันดาถอนใจเบา ๆ ก่อนจะอ้อมโต๊ะ ตรงมาหาเธอแล้วก็กอดเอาไว้เสียแน่น “เป็นอะไรไม่รู้ อยู่ ๆ ก็คิดถึง”
บ้าชะมัดเลย พอได้ยินคำว่าคิดถึงจากปากของแฝดพี่ก็ให้รู้สึกตื้นตันใจอย่างไรก็ไม่รู้ หรือก๋วยเตี๋ยวลุยสวนของพี่นวลจะเผ็ดจนเกินไป สูดน้ำมูกเบา ๆ ตอบเสียงสั่นเครือกลับไปว่า “อือ คิดถึงเหมือนกัน”
อันดาคลายอ้อมกอด ยื่นหน้าลงมอง เอ่ยถามยิ้ม ๆ
“ต้องร้องไห้เลยหรือ”
“ไม่ได้คิดถึงมากจนร้องหรอกน่า ฉันเผ็ดก๋วยเตี๋ยวนี่ต่างหาก”
แฝดพี่เลิกสนใจ หันหลัง เดินไปหยิบน้ำมาเปิดดื่ม แล้วเลือกที่นั่ง หยิบเรื่องนู้นเรื่องนั้นเรื่องนี้ที่พอจะสนทนากับเธอได้มานั่งถกกันหลังจากนั้น
อันดาไม่ค่อยได้กลับบ้าน ลูกชายของแม่มีห้องพักที่แพงหูฉี่ที่อยู่ตรงใจกลางมหานคร อีกทั้งยังทำงานหนักมาก ๆ พ่อกับแม่ก็เลยไม่ค่อยจ้ำจี้จ้ำไชกับอันดานักว่าคืนนี้หายไปไหน ไปนอนกับใครมา ต่างกับที่เธอโดนแม่ถามอยู่เป็นประจำ
ส่วนอัญญา น้องคนเล็กนั่นยังเรียนอยู่ ยัยตัวจ้อยนั่นยิ่งแล้วใหญ่ พ่อกับแม่แทบไม่แตะเลย ให้เรียน ให้เที่ยว ปล่อยให้โลดแล่นไปตามที่ใจอยาก ได้ข่าวว่าปีนี้เรียนจบแล้วก็จะหางานทำที่โน่นเลย ชาตินี้ไม่รู้ว่าจะได้เจอหน้ากันอีกไหม
หลังจากกินก๋วยเตี๋ยวลุยสวนที่นวลทำคนเดียวจนหมดก็ค่อยกลับขึ้นไปบนห้องอีกครั้ง ตาเหลือบไปเห็นถุงใส่ที่ตรวจครรภ์แล้วก็ยิ่งคิดหนักมากยิ่งขึ้นไปอีก หรือเธอจะต้องไปบอกอาร์เธอร์เรื่องนี้ดี ครุ่นคิดอีกเดี๋ยวเดียวก็ได้คำตอบให้ตัวเองในเวลาต่อมา
อันนาพาตัวเองเดินลงไปที่รถแล้วขับออกจากบ้าน เห็นขีดน้ำมันใกล้จะหมดก็แวะเติมที่สถานีบริการน้ำมันใกล้บ้าน จอดรถแช่อยู่ในนั้น คิดทบทวนว่าจะเอาแบบนี้จริงหรือ
ก่อนขับรถวนไปมาอยู่ที่หน้าโรงพยาบาลที่ซึ่งนายแพทย์อาร์เธอร์ทำงานอยู่ที่นั่นเกือบสามรอบ จนพนักงานโบกรถหน้าโรงพยาบาลเริ่มจำรถของเธอได้แล้ว และกำลังจะรายงานหัวหน้าว่ารถของเธอน่าสงสัย แต่แล้วรอบสุดท้ายเธอตัดสินใจขับเข้าไปด้านในเสียก่อน ทางนั้นจึงลดวิทยุสื่อสารลง
อันนาขับรถไปจอดที่ชั้นลานจอดรถภายในโรงพยาบาลแห่งนั้นเรียบร้อยแล้ว
ค่อยเดินลงจากรถหาทางเชื่อมเข้าไปในตัวตึกจนเจอ จากนั้นก็เดินเอื่อยเฉื่อยไปยังด้านใน
เธอไม่เคยมาหาอีตานี่ถึงที่ทำงานมาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ความทรงจำในวัยเยาว์ผุดเข้ามาในห้วงความคิด ตอนเด็ก ๆ แม่ของเธอพาไปทำกิจกรรมกับที่บ้านของอาร์เธอร์บ่อยมากถึงมากที่สุด
วันเกิด วันพ่อ วันแม่ วันเด็ก
ปีใหม่ สงกรานต์ เข้าพรรษา ออกพรรษา เช็งเม้ง ตรุษจีน
ทุก ๆ เทศกาลก็จะเจอกันบ่อย จนโตแล้วก็ยังได้เจอกันอยู่เรื่อย ๆ เพิ่งจะมาสองสามปีนี้เองที่ไม่ค่อยได้เจอกัน
ยิ่งมาปีนี้ด้วยนะ ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา เธอไม่ได้เจอหน้าอาร์เธอร์เลย
ได้เจอกันคืนนั้น เมื่อสองเดือนก่อนก็ได้เรื่องทันที
อาร์เธอร์เมาแล้วก็ปล้ำเธอแบบไม่ลืมหูลืมตา เธอทั้งดิ้น ทั้งทุบ ทั้งด่า ถีบก็แล้วแต่ยังไม่หลุดออกจากพันธนาการของไอ้หมอบ้านั่นเลย
คิดแล้วเครียดจนพานให้อยากจะอาเจียนออกมา เพราะเธอกับอาร์เธอร์ไม่ต่างจากพี่น้องกันเลย พอมาเกิดเรื่องแบบนี้ก็ให้รู้สึกไม่ดีขึ้นมาอีกแล้ว
เมื่อเดินมาสอบถามกับทางพนักงานประชาสัมพันธ์ เลยได้รู้ว่าอาร์เธอร์ออกตรวจอยู่ ห้องทำงานของเขาอยู่ที่แผนกไหน บนชั้นที่เท่าไร ก็ค่อยพาตัวเองเดินเข้าลิฟต์ตรงขึ้นไปบนนั้น
ไปถึงก็พบว่าแผนกที่ว่ามีผู้ป่วยนั่งรอไม่มาก กวาดสายตามองหาอาร์เธอร์จนรอบแผนกก็ไม่เจอ ก่อนจะขวัญผวา ตกใจเมื่อเห็นร่างกายสูงใหญ่ในชุดสุภาพสวมทับด้วยกาวน์สีขาวตัวยาวยืนนิ่งตรงด้านหลังของเธอนี่เอง
“ไม่สบายหรือ”
เสียงทุ้มเอ่ยถามเธอก่อน
อันนาสูดลมหายใจเข้าช้า ๆ ก็ได้กลิ่นน้ำหอมแบบผู้ชายผสมกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อจาง ๆ จากอาร์เธอร์ลอยเข้ามาเตะจมูกก็ให้รู้สึกดี ไม่คลื่นเ**ยนอีกต่อไป พร้อมกับกระบอกตาที่ร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้น เกิดอารมณ์อยากร้องไห้อะไรตอนนี้ เป็นบ้าอะไรเนี่ย
“เป็นอะไร”
เสียงถามของอีกฝ่ายอาทรผิดจากอาการคึกเหมือนม้าอย่างเช่นคืนนั้นลิบลับ อันนายกมือขึ้นปาดดวงตาแรง ๆ เช็ดหยดน้ำตาออกได้ไม่หมดดีนัก หันหลบเขา ส่งเสียงตวาดกลับไปเบา ๆ ว่า
“เลิกพูดเหมือนเรายังเป็นเด็กได้ไหมอาร์ธ”
“มานี่ก่อนมา”
นายแพทย์อาร์เธอร์จับข้อมือของเธอให้ตรงไปยังห้องว่างที่เป็นห้องพักแพทย์ ดึงเก้าอี้ที่เขานั่งประจำออกมาให้เธอนั่ง แล้วเดินไปหยิบน้ำในแก้วพลาสติกใสแบบดื่มแล้วทิ้ง เจาะหลอดพร้อมดื่มส่งให้ตรงหน้า
อันนารับมาแล้วก็หน้ามุ่ยบ่นไปว่า
“ห้องนี้เหม็นของกินมากเลย”
อาร์เธอร์มองเธอยิ้ม ๆ เอ่ยเย้าขึ้นว่า “ไม่เคยเห็นบ่นเหม็นของกินเลยนะ ท้องหรือไง”