2

1176 Words
แล้วเมื่อคืนเขาหลับนอนกับใครกัน ถามตัวเองแล้วก็นึกเสียวขึ้นมาเมื่อมองไปบนเตียงก็เห็นร่องรอยบางอย่างบนนั้น เลือดของใคร ของเขาเองหรือของคนที่เขานอนด้วยแบบไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ แล้วมองไปรอบ ๆ ห้องอีกที ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงนอน เดินไปรื้อดูในถังขยะก็ไม่เจอซากคอนดอมในนั้นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ก่อนจะเดินโซเซไปที่หัวเตียง รื้อค้นกระเป๋าสตางค์ คอนดอมที่เขามีติดตัวไว้ไม่ได้ถูกใช้เลยสักชิ้น รื้อต่อที่หัวเตียงก็พบว่ายังไม่ได้แกะเช่นกัน ยังอยู่ครบทุกชิ้น ซวยแล้ว คุณหมอหนุ่มยกสันมือเคาะหัวตัวเองอีกที อาการแบบนี้ไม่ใช่เมาอย่างเดียวแน่นอน ต้องโดนยาตัวไหนสักตัวร่วมด้วยเป็นแน่ ขนาดที่ว่ามีเซ็กซ์กับใครเขาก็ยังนึกไม่ออกนี่น่ากลัวมาก มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เมาแล้วจะนอนกับใครที่ไหนก็ยังจำไม่ได้ ผู้หญิงหรือผู้ชายกันที่เขามีสัมพันธ์ด้วยก็ยังนึกไม่ออก นายแพทย์อาร์เธอร์ลุกไปหยิบขวดน้ำออกมาเปิดดื่มไปกว่าค่อนขวดแล้วพยายามนึกเรื่องเมื่อคืนนี้ต่อ ความทรงจำสุดท้ายที่พอจะนึกได้คือเขานั่งคุยอยู่กับเพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นพี่ชายของฌาร์มมี่ นึกได้ถึงตรงนี้ พลันเสียงออดหน้าห้องพักก็ดังขึ้น อาร์เธอร์ปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้นเพราะปวดหัวหนักเกินกว่าจะรับแขกในวันนี้ แต่แล้วเสียงออดก็ยังดังไม่หยุดแถมจังหวะยังถี่รัวขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายจำใจต้องลุกออกไปที่ประตูเพราะทนรำคาญอีกต่อไปไม่ไหว ส่องดูตรงช่องตาแมวก่อนจะปลดล็อกให้เมื่อเห็นว่าเป็นใคร “อาร์ธคะ” เสียงเรียกชื่อเขาหวานหยดดังออกมาจากปากเล็ก ๆ เคลือบสีชมพูวาวของหญิงสาวเจ้าของชื่อฌาร์มมี่ ก่อนที่เจ้าหล่อนจะลอบมองที่เขาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น “ฌาร์มมี่แวะเอาบรันช์มาให้ค่ะ” ฌาร์มมี่วางตะกร้าบรรจุอาหารที่ทำมาให้เขาเป็นประจำไว้บนโต๊ะหินอ่อนในส่วนที่เป็นห้องครัว ก่อนจะแกะอาหารใส่จานและชาม พร้อมกับส่งเสียงถามด้วยอาการที่ปกปิดความอยากรู้อยากเห็นแทบไม่มิด “แล้วเมื่อคืนนี้ อาร์ธ...” พูดออกมาแค่นั้นฌาร์มมี่ก็เงียบไป เมื่อคืนเขานอนกับฌาร์มมี่อย่างนั้นหรือ อาร์เธอร์เดินไปหยิบขวดน้ำที่ดื่มค้าง ยกดื่มต่อจนหมด ก่อนจะลอบมองหญิงสาวผ่านขวดน้ำด้วยความรู้สึกหนึ่งที่พุ่งทะยานเข้ามาบอกว่า ไม่น่าใช่ เพราะหากว่าเขาหลับนอนกับหญิงสาวจริง เจ้าหล่อนต้องแสดงความเป็นเจ้าของเขามากกว่านี้สิ แล้วถึงได้เอ่ยออกไปว่า “ผมทำไมหรือ” “เมื่อคืนอาร์ธกลับห้องยังไงคะ ใครมาส่ง” ทันทีที่ฌาร์มมี่ถามคำถามจบ อาร์เธอร์ก็ให้รู้สึกแปลกใจไม่น้อย มองสบตาหญิงสาวนิ่ง เพราะจำได้ว่าเมื่อคืนนี้ในวงสนทนาไม่มีฌาร์มมี่นี่นา จึงเอ่ยทวนถามไปว่า “เมื่อคืนนี้คุณก็มาด้วยหรือ” ฌาร์มมี่ยิ้มพร้อมส่งสายตาแสร้งจับผิดส่งคืนเขาไป พร้อมเอ่ยว่า “คืองี้ค่ะ มี่ก็กะจะไปนั่งดื่มด้วยน่ะค่ะ พอมี่ไปถึงคลับ ก็ไม่เจออาร์ธแล้วล่ะค่ะ แต่เห็นรถจอดอยู่ เลยแปลกใจว่าหายไปไหน โทรหาก็ไม่ยอมรับสาย ร้ายนะเนี่ย ดอดไปกับสาวที่ไหนมาหรือคะ” ได้ยินอย่างนั้นแล้วคลายใจลงไปไม่น้อย พูดมาแบบนี้แสดงว่าไม่ใช่เจ้าหล่อนที่เขานอนด้วยเมื่อคืนนี้ แล้วใครกันที่เป็นเจ้าของรอยเลือดที่เปรอะบนที่นอนของเขา นายแพทย์หนุ่มลากสายตามองไปยังห้องนอนที่ประตูยังคงเปิดอ้าทิ้งเอาไว้ มองที่นอนนิ่งเป็นนานไม่ได้ตอบอะไรฌาร์มมี่ออกไป รอจนเจ้าหล่อนกลับเขาค่อยลงมือรื้อผ้าปูผืนนั้นออก พับเก็บเพื่อนำไปส่งตรวจหาดีเอ็นเอคู่กรณีของเขา พร้อมกับลงไปที่ด้านล่างเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดตั้งแต่บนชั้นที่เขาพักเผื่อจะได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติมมาบ้าง “เมื่อคืนไปหลับไปนอนกับใคร ที่ไหน” เสียงถามดังมาจากทางไหนแน่ อันนาหันหน้ามองซ้ายมองขวาหาเสียงของแม่ ไม่เห็นตัวก็เดาเอาว่าแม่คงให้คนอัดเสียงไว้หลอกเวลาที่เธอกลับบ้านเช้าอีกแน่ ๆ เลย แล้วย่องกลับเข้าห้อง ไปได้ไม่กี่ก้าว เจ้าของเสียงถามก็พาร่างที่ยังงดงามของตัวเองมาขวางหน้าไว้ “แม่ถามว่าเมื่อคืนไปนอนที่ไหนมา” “โหยแม่ หนูจะสามสิบแล้วนะ” “สามสิบ แล้วยังทำตัวแบบนี้จะไม่ให้แม่เป็นห่วงได้ยังไง” แกล้งทำหน้าตูม ๆ บอกเสียงอ่อยไปว่า “หนูไปนอนห้องกุ๊กเก๋มา” “แม่โทรถามแล้ว กุ๊กเก๋บอกว่าหนูไม่ได้อยู่ที่ห้อง” “อ๋อ เออ ใช่ แฟนมันมา หนูเลยไม่อยากอยู่เป็นก้างมัน ก็เลยกลับมานี่ไง” ฐิตตาหรี่ตาลงมองบุตรสาวของตัวเอง พูดเน้นเสียงเพื่อคาดคั้นออกไปว่า “โกหก” “ไม่” อันนาลากเสียงให้อยู่ในระดับเดียวกัน ก่อนบอกไปว่า “หนูจะโกหกแม่ทำไม ไม่ใช่นิสัยหนูเลยนะ” ฐิตตามองบุตรสาวตัวดีก็เหมือนเห็นตัวเองซ้อนอยู่ในร่างนั้นราง ๆ ทุกคำกล่าว ทุกมุกที่สรรหามาใช้ มีหรือตนเองจะไม่รู้ ดูไม่ออก “บอกแม่ตามตรงว่าไปนอนที่ไหนมา ก่อนที่แม่จะเอาไปคุยกับพ่อ” “เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องเอาไปคุยกันเลยหรือ” อันนาบ่นจบก็เดินตรงไปยังห้อง ผลักประตูเข้าไปนอนแผ่หลาบนเตียง แล้วบอกแม่ไปว่า “เมื่อคืนนี้หนูเมามากก็เลยเปิดห้องในโรงแรมใกล้ ๆ นั่นแหละนอน” ฐิตตาส่งเสียงจิ๊ในปาก พร้อมถอนใจแรง ๆ เตือนลูกสาวไปว่า “อย่าทำตัวแบบนี้อีกนะ เกิดเมาหนัก ๆ แล้วโดนคนจับปล้ำมา ลูกนั่นแหละที่จะเสียใจที่สุด” อันนาไม่ได้ฟังคำเตือนของแม่ เพราะดูเหมือนว่ามันจะสายไปเสียแล้วนาทีนี้ ยกศีรษะขึ้นถามแม่ไปว่า “แม่ก็โดนปล้ำมาเหมือนกันหรือจ๊ะ” พูดถึงเรื่องปล้ำ คนเคยมีประสบการณ์ก็หน้าร้อนผ่าวขึ้น ร้องบอกไปว่า “บ้า” แม่เพลี่ยงพล้ำเสียแล้ว เมื่อถูกอันนาจับอาการได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD