แล้วเมื่อคืนเขาหลับนอนกับใครกัน
ถามตัวเองแล้วก็นึกเสียวขึ้นมาเมื่อมองไปบนเตียงก็เห็นร่องรอยบางอย่างบนนั้น เลือดของใคร ของเขาเองหรือของคนที่เขานอนด้วยแบบไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ แล้วมองไปรอบ ๆ ห้องอีกที ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงนอน เดินไปรื้อดูในถังขยะก็ไม่เจอซากคอนดอมในนั้นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
ก่อนจะเดินโซเซไปที่หัวเตียง รื้อค้นกระเป๋าสตางค์ คอนดอมที่เขามีติดตัวไว้ไม่ได้ถูกใช้เลยสักชิ้น รื้อต่อที่หัวเตียงก็พบว่ายังไม่ได้แกะเช่นกัน ยังอยู่ครบทุกชิ้น
ซวยแล้ว
คุณหมอหนุ่มยกสันมือเคาะหัวตัวเองอีกที อาการแบบนี้ไม่ใช่เมาอย่างเดียวแน่นอน ต้องโดนยาตัวไหนสักตัวร่วมด้วยเป็นแน่ ขนาดที่ว่ามีเซ็กซ์กับใครเขาก็ยังนึกไม่ออกนี่น่ากลัวมาก
มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เมาแล้วจะนอนกับใครที่ไหนก็ยังจำไม่ได้ ผู้หญิงหรือผู้ชายกันที่เขามีสัมพันธ์ด้วยก็ยังนึกไม่ออก
นายแพทย์อาร์เธอร์ลุกไปหยิบขวดน้ำออกมาเปิดดื่มไปกว่าค่อนขวดแล้วพยายามนึกเรื่องเมื่อคืนนี้ต่อ
ความทรงจำสุดท้ายที่พอจะนึกได้คือเขานั่งคุยอยู่กับเพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นพี่ชายของฌาร์มมี่
นึกได้ถึงตรงนี้ พลันเสียงออดหน้าห้องพักก็ดังขึ้น
อาร์เธอร์ปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้นเพราะปวดหัวหนักเกินกว่าจะรับแขกในวันนี้
แต่แล้วเสียงออดก็ยังดังไม่หยุดแถมจังหวะยังถี่รัวขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายจำใจต้องลุกออกไปที่ประตูเพราะทนรำคาญอีกต่อไปไม่ไหว
ส่องดูตรงช่องตาแมวก่อนจะปลดล็อกให้เมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“อาร์ธคะ” เสียงเรียกชื่อเขาหวานหยดดังออกมาจากปากเล็ก ๆ เคลือบสีชมพูวาวของหญิงสาวเจ้าของชื่อฌาร์มมี่ ก่อนที่เจ้าหล่อนจะลอบมองที่เขาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
“ฌาร์มมี่แวะเอาบรันช์มาให้ค่ะ”
ฌาร์มมี่วางตะกร้าบรรจุอาหารที่ทำมาให้เขาเป็นประจำไว้บนโต๊ะหินอ่อนในส่วนที่เป็นห้องครัว ก่อนจะแกะอาหารใส่จานและชาม พร้อมกับส่งเสียงถามด้วยอาการที่ปกปิดความอยากรู้อยากเห็นแทบไม่มิด
“แล้วเมื่อคืนนี้ อาร์ธ...”
พูดออกมาแค่นั้นฌาร์มมี่ก็เงียบไป
เมื่อคืนเขานอนกับฌาร์มมี่อย่างนั้นหรือ อาร์เธอร์เดินไปหยิบขวดน้ำที่ดื่มค้าง ยกดื่มต่อจนหมด ก่อนจะลอบมองหญิงสาวผ่านขวดน้ำด้วยความรู้สึกหนึ่งที่พุ่งทะยานเข้ามาบอกว่า ไม่น่าใช่ เพราะหากว่าเขาหลับนอนกับหญิงสาวจริง เจ้าหล่อนต้องแสดงความเป็นเจ้าของเขามากกว่านี้สิ
แล้วถึงได้เอ่ยออกไปว่า
“ผมทำไมหรือ”
“เมื่อคืนอาร์ธกลับห้องยังไงคะ ใครมาส่ง”
ทันทีที่ฌาร์มมี่ถามคำถามจบ อาร์เธอร์ก็ให้รู้สึกแปลกใจไม่น้อย มองสบตาหญิงสาวนิ่ง เพราะจำได้ว่าเมื่อคืนนี้ในวงสนทนาไม่มีฌาร์มมี่นี่นา จึงเอ่ยทวนถามไปว่า
“เมื่อคืนนี้คุณก็มาด้วยหรือ”
ฌาร์มมี่ยิ้มพร้อมส่งสายตาแสร้งจับผิดส่งคืนเขาไป พร้อมเอ่ยว่า
“คืองี้ค่ะ มี่ก็กะจะไปนั่งดื่มด้วยน่ะค่ะ พอมี่ไปถึงคลับ ก็ไม่เจออาร์ธแล้วล่ะค่ะ แต่เห็นรถจอดอยู่ เลยแปลกใจว่าหายไปไหน โทรหาก็ไม่ยอมรับสาย ร้ายนะเนี่ย ดอดไปกับสาวที่ไหนมาหรือคะ”
ได้ยินอย่างนั้นแล้วคลายใจลงไปไม่น้อย พูดมาแบบนี้แสดงว่าไม่ใช่เจ้าหล่อนที่เขานอนด้วยเมื่อคืนนี้
แล้วใครกันที่เป็นเจ้าของรอยเลือดที่เปรอะบนที่นอนของเขา
นายแพทย์หนุ่มลากสายตามองไปยังห้องนอนที่ประตูยังคงเปิดอ้าทิ้งเอาไว้ มองที่นอนนิ่งเป็นนานไม่ได้ตอบอะไรฌาร์มมี่ออกไป รอจนเจ้าหล่อนกลับเขาค่อยลงมือรื้อผ้าปูผืนนั้นออก พับเก็บเพื่อนำไปส่งตรวจหาดีเอ็นเอคู่กรณีของเขา พร้อมกับลงไปที่ด้านล่างเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดตั้งแต่บนชั้นที่เขาพักเผื่อจะได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติมมาบ้าง
“เมื่อคืนไปหลับไปนอนกับใคร ที่ไหน”
เสียงถามดังมาจากทางไหนแน่ อันนาหันหน้ามองซ้ายมองขวาหาเสียงของแม่ ไม่เห็นตัวก็เดาเอาว่าแม่คงให้คนอัดเสียงไว้หลอกเวลาที่เธอกลับบ้านเช้าอีกแน่ ๆ เลย แล้วย่องกลับเข้าห้อง ไปได้ไม่กี่ก้าว เจ้าของเสียงถามก็พาร่างที่ยังงดงามของตัวเองมาขวางหน้าไว้
“แม่ถามว่าเมื่อคืนไปนอนที่ไหนมา”
“โหยแม่ หนูจะสามสิบแล้วนะ”
“สามสิบ แล้วยังทำตัวแบบนี้จะไม่ให้แม่เป็นห่วงได้ยังไง”
แกล้งทำหน้าตูม ๆ บอกเสียงอ่อยไปว่า “หนูไปนอนห้องกุ๊กเก๋มา”
“แม่โทรถามแล้ว กุ๊กเก๋บอกว่าหนูไม่ได้อยู่ที่ห้อง”
“อ๋อ เออ ใช่ แฟนมันมา หนูเลยไม่อยากอยู่เป็นก้างมัน ก็เลยกลับมานี่ไง”
ฐิตตาหรี่ตาลงมองบุตรสาวของตัวเอง พูดเน้นเสียงเพื่อคาดคั้นออกไปว่า “โกหก”
“ไม่” อันนาลากเสียงให้อยู่ในระดับเดียวกัน ก่อนบอกไปว่า “หนูจะโกหกแม่ทำไม ไม่ใช่นิสัยหนูเลยนะ”
ฐิตตามองบุตรสาวตัวดีก็เหมือนเห็นตัวเองซ้อนอยู่ในร่างนั้นราง ๆ ทุกคำกล่าว ทุกมุกที่สรรหามาใช้ มีหรือตนเองจะไม่รู้ ดูไม่ออก
“บอกแม่ตามตรงว่าไปนอนที่ไหนมา ก่อนที่แม่จะเอาไปคุยกับพ่อ”
“เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องเอาไปคุยกันเลยหรือ” อันนาบ่นจบก็เดินตรงไปยังห้อง ผลักประตูเข้าไปนอนแผ่หลาบนเตียง แล้วบอกแม่ไปว่า “เมื่อคืนนี้หนูเมามากก็เลยเปิดห้องในโรงแรมใกล้ ๆ นั่นแหละนอน”
ฐิตตาส่งเสียงจิ๊ในปาก พร้อมถอนใจแรง ๆ เตือนลูกสาวไปว่า
“อย่าทำตัวแบบนี้อีกนะ เกิดเมาหนัก ๆ แล้วโดนคนจับปล้ำมา ลูกนั่นแหละที่จะเสียใจที่สุด”
อันนาไม่ได้ฟังคำเตือนของแม่ เพราะดูเหมือนว่ามันจะสายไปเสียแล้วนาทีนี้ ยกศีรษะขึ้นถามแม่ไปว่า
“แม่ก็โดนปล้ำมาเหมือนกันหรือจ๊ะ”
พูดถึงเรื่องปล้ำ คนเคยมีประสบการณ์ก็หน้าร้อนผ่าวขึ้น ร้องบอกไปว่า “บ้า”
แม่เพลี่ยงพล้ำเสียแล้ว เมื่อถูกอันนาจับอาการได้