สายตากลมโต กำลังกวาดสายสายตามตัวหนังสือ พร้อมกับขมวดคิ้ว กัดริมฝีปากล่างด้วยความเคยชิน
“บทเลิฟซีนบ้าบ้อ ไม่สมจริงเลย”
“สงสัย จะไม่เคยจูบ แล้วจะรู้ได้ไงว่าความรู้สึกที่ถูกจูบเป็นยังไง”
“ทำไมไม่หาประสบการณ์บ้างละ “
“ไม่สมจริงเลย “
“ไม่อินเลย”
“ ไปหัดเขียนมาใหม่”
“มือสมัครเล่นหรือเปล่าเนี๊ยะ “
“ไม่สนุก “
“กลับไปเขียน แนวดราม่าสยองขวัญแบบเดิมเถอะ “
“เคยมีแฟนหรือยัง “
“ไม่เหมาะกับแนวนี้ “
บลา บลา บลา
“โถ่เอ้ย ถึงฉันจะไม่ประสบการณ์ทางนี้ แต่ฉันก็ดูจากที่อื่นได้ และฉันก็ไม่เห็นว่ามันแย่ถึงขนาดนั้นซะหน่อย แล้วไม่คิดจะอ่านเนื้อเรื่อง บ้างเหรอไง อ่านแต่ เลิฟซีนหรือไงกัน “ เสียงหวานต่อว่าต่อขาน เมื่ออ่านคอมเม้นต์ ต่าง ๆ จาก แฟนนิยาย ที่ได้มาอ่านผลงาน ของตัวเอง
“แต่มันก็จริง อย่างที่เขาว่า หรือว่าเราจะ หมดมุข หรือแรงบันดาลใจแล้วจริง ๆ กันนะ เฮ้อ แต่มันก็ตื้อจริง ๆ นั่นแหละ หรือเราคงจะต้อง พักงานเขียนไปหาแรงบันดาลใจดี ๆ ดีกว่ามั้ง “ คิดได้แค่นั้นร่างเล็ก ก็ทิ้งตัวนอนแผ่หลาบนที่นอนหนานุ่ม ก่อนจะถอนหายใจ และลืมตามองเพดาน ที่ถูกตกแต่งด้วย สติ๊กเกอร์รูปดาว ที่ส่องแสงในที่มืด
และเจ้าของดวงตากลมโต คนนี้ก็คือกิ่งกาญ นักเขียนสาว ที่ตอนนี้กำลังรู้สึก ว่าตัวเอง ไม่มีแรงบันดาลใจที่จะแต่งนิยาย แล้ว แถมยังคอมเม้นท์ที่บั่นทอนความรู้สึก ต่าง ๆ นานา นั่นอีก ทำให้ตอนนี้ เธอคิดว่าเธอจะจัดการกับความรู้สึกนี้อย่างไรดี หรือว่าเธอต้องออกไปหาแรงบันดาลใจอย่างที่ว่าจริง ๆ แต่จะไปหาที่ไหนละ เพราะเท่าที่เธออ่านคอมเม้นท์ของแฟน ๆ นิยาย ส่วนมากจะแค่เรื่องเดียวคือ ฉากเลิฟซีน ที่ทุกคนต่าง พูดไปในทางเดียวกัน ว่า ไม่อิน หรือเธอจะต้องหาประสบการณ์จากตรงนี้กันนะ แต่แค่คิดก็ทำให้กิ่งกาญต้องส่ายหน้ารัวเร็วกับความคิดสุดท้ายของเธอ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตู ดังสามครั้ง พร้อมกับเสียงเรียกอยู่หน้าประตู ดังขึ้น
“ยัยกิ่ง ยัยกิ่ง ไอ้กิ่ง นี่แกจะไม่ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันบ้างเลยหรือไง กัน ฮะ กิ่ง”เสียงแหลม ๆ ตะโกนเรียกอยู่หน้าประตู พร้อมกับเสียงเคาะ ไม่หยุด ทำให้ คนที่นอนแผ่หลาต้องเด้งตัวลุกเดิน โต๋เต๋เหมือนร่างไร้วิญญาณ ที่อยู่ในชุดนอน เป็ดสีเหลืองทั้งชุดไปเปิดประตู
“ตะโกนทำไม วิ เสียงแกดังไปสามบ้านแปดบ้านแล้วมั้ง นะ”
“โห ไอ้กิ่ง สภาพแก อย่างผีตายซาก นี่อย่าบอกนะว่าแกยังไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เมื่อเช้า จนตอนนี้ มันจะเย็นค่ำแล้วนะ ไอ้กิ่ง “
“อือฉันเขียนหนังสืออยู่ นะ “
“ไหน ฉันขอดูหน่อยสิ ว่าแกเขียนได้เยอะแค่ไหนจากเมื่อเช้า จนถึงตอนนี้ นะ ไอ้กิ่ง “ วิภาเดินผ่านเพื่อนรัก ไปที่จอคอมพิวเตอร์ของเพื่อนก่อนจะอ่าน ไปที่จอแล้วก็หันมาหาเพื่อน
“เห้ย แกบอกแกเขียนหนังสือ แต่ดูสิ ไอ้ที่แกเขียนมา มันเพิ่มมาแค่สองบรรทัดจากเมื่อเช้าที่ฉันอ่านไปเองนะ ไอ้กิ่ง “
“อือ ฉันค้างอยู่ตรงคำว่า ความรู้สึกเมื่อเธอถูกเขาจูบ แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าจะต่อยังไง นะสิ “
“ทำไม อะ ไอ้กิ่ง แกไม่เคยเป็นอย่างนี้เลยนี่ มันเกิดอะไรขึ้นกับแกวะ กิ่ง “วิภา หันมามองเพื่อน ไม่คิดว่ากิ่งกาญเพื่อนของเธอ จะอยู่ในสภาพนี้
“เอ่อ ฉันเผลอไปอ่านคอมเม้นท์ จาก นักอ่าน นะ “
“ทำไม คอมเม้นท์ทำไม “ วิภาถามด้วยความอยากรู้ แต่เธอก็หัน ไปดูที่คอมและกดไปที่ กล่องข้อความ และก็กวาดสายตาอ่าน ที่ละคอมเม้นท์ ก่อนจะหันมาหาเพื่อน รัก ที่ตอนนี้นั่งนิ่ง ด้วยท่าทางซังกะตาย ที่เตียงนอน ก่อนเธอจะเดินมานั่งข้าง ๆ เพื่อน
“เฮ้อ ไหนแกเคยบอกว่า แต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน ทำไมแกไม่เลือก ใส่ใจคอมเม้นท์ดี ในแง่บวก ละ กิ่ง “
“เปล่า วิ ฉันไม่เครียดเรื่องนั้น แต่ว่าฉันกำลังคิดว่าตัวเอง กำลังขาด แรงบันดาลใจ ในการเขียนหรือเปล่าวะ “
“แล้วไอ้แรงบันดาลใจที่ว่านี้ คือยังไง แต่ฉัน อยากแนะนำให้แก ออกไปเที่ยวที่ไหนสักแห่งถือว่าเป็นการพักผ่อนสมอง สักพักดีไหม เผื่อ ว่า แกจะได้ไอเดีย หรือว่าแรงบันดาลใจดี ๆ อย่างที่แกว่านะ “
“อือ เป็นความคิดที่ดีนะ แต่ฉันจะไปไหนดีละที่สำคัญกว่านั้น ฉันจะไปหาแรงบันดาลใจเกี่ยวกับบทเลิฟซีนของฉันยังไงวะ หรือว่าฉันจะต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองวะ “
“อือ ถ้าแกทำได้ก็คงจะปลดล๊อค คอมเม้นท์ เรื่องนี้ได้ละ แต่แกจะทำได้เหรอ แค่จูบแกยังไม่เคยแล้วยังคิดจะหาประสบการณ์เรื่อง วาบหวิวอีก “
“นี่ละปัญหา หรือฉันจะต้องก้าวผ่านเรื่องนี้ อายุฉันก็ไม่น้อยแล้วถ้าจะเรียนรู้เรื่องนี้สักครั้งก็คงไม่น่าจะเป็นอะไรมั้ง จริงไหมวะวิ”
“เอ้ยเอาจริงเหรอ แกจะทำแบบนั้นจริงเหรอ ไอ้กิ่ง”
“มันก็น่าคิดนะ วิ เพื่อความสมจริง ไง “
“ฉันไม่พูดกับแกแล้ว อ้อ ฉันกำลังจะ ลงไปดูงานที่สุราษฎร์ พอดีว่า โรงแรมที่ฉันทำงานนะ ไปเปิดสาขาที่สุราษฎร์ นะ แกจะถือโอกาสนี้ไปพักผ่อนกับฉันไหม กิ่ง “
วิภา เอ่ยบอกเพื่อน และกิ่งกาญเองก็คิดว่าน่าสนใจ เหมือนกัน อย่างน้อย ก็ถือโอกาสไปพักผ่อน สักพัก และอีกอย่าง ก็มีเพื่อน อย่าง วิภาไปด้วย ก็น่าจะดีกว่าไปคนเดียว
“อือ น่าสนแฮะ เผื่อไปเจออะไรดี ๆ ที่นั้น ก็ได้ ฉันจะไปสุราษฎร์ กับแก วิ “
“อือ ตกลง วันเสาร์จะถึงนี้ เราจะเดินทางกัน แกก็เตรียมตัวเลย งั้น ฉันขอตัว ไปอาบน้ำก่อน นะเหนียวตัว แล้วค่อยมาทานข้าวนะฉันซื้อกับข้าวมาเยอะเลยมีของโปรดแกด้วยนะกิ่ง “
“โอเค ถ้างั้นเดี๋ยวฉันไปจัดสำรับรอก็แล้วกัน “
จากนั้นสองสาวก็ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง ก่อนจะมาทานข้าวเย็นด้วยกัน
กิ่งกาญและ วิภา เป็นเพื่อนรัก ที่มาจากบ้านเด็กกำพร้าแสงดาว ที่ตั้งอยู่ที่เชียงใหม่ เธอทั้งสองคน เรียนจบ ระดับปริญญาตรีทั้งคู่ โดยที่ กิ่งกาญจบทางด้านบัญชี แต่ เธอ กลับไม่ได้ทำงานด้านบัญชี เธอเลือกในสิ่งที่ตัวเองรัก และเธอก็ทำได้ดี ด้วย นั่นคือการเป็นเขียน นั่นเอง นอกจากผลงานด้าน วรรกรรม นิยาย หรือจะเป็นบทความที่ลงตามนิตยสารชื่อดังต่าง ๆ ด้วย รายได้ ของเธอ ก็เรียกได้ว่า เลี้ยงตัวเองได้อย่างสบาย ไม่เดือนร้อน มีกินมีเก็บ และสามารถ ไปเที่ยวในที่ต่าง ๆ ได้ตามที่ใจต้องการ โดยไม่เดือดร้อนเงินในกระเป๋าเลย
ส่วนวิภานั้น เธอจบการโรงแรม และ เธอ ก็ได้ทำงานในด้านที่เธอเรียนจบมาโดยตรง และตอนนี้เธอก็ทำงานในตำแหน่ง ผู้จัดการ ของโรงแรมหรู และมีชื่อ ที่มีสาขา อยู่เกือบทุกจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของแต่ละภูมิภาค ก็ว่าได้ และนั่นจึงทำให้เธอ เองก็มีรายได้ สูงพอสมควร กับตำแหน่งที่เธอ ได้รับ
ทั้งกิ่งกาญและวิภา ตัดสินใจ มาทำงานที่กรุงเทพ ร่วมกันซื้อ คอนโดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงได้อย่างสบาย แต่ถึงแม้ว่าเธอทั้งสองจะทำงานอยู่ที่กรุงเทพแต่ทั้ง กิ่งกาญและวิภา ไม่เคยลืม บ้านที่พวกเธอเคยอยู่อาศัยมาตั้งแต่เล็ก พวกเธอจึงได้ ส่งเงินให้บ้านเด็กกำพร้าที่เชียงใหม่ทุกเดือน เดือนละเกือบครึ่งแสน ไม่ขาดสักเดือน
“กิ่ง ถ้างานที่สุราษฎร์ เรียบร้อย เรากลับไป เยี่ยม คุณแม่ปราณีดีไหม “
“อือ ฉันก็ว่าจะชวนแกเหมือนกัน คิดถึงคุณแม่แล้ว ละ ถึงแม้จะเพิ่งคุยกันเมื่อวานก็เถอะ อยากไปหาน้อง ๆ “
“อือ เหมือน กัน ถ้าทุกอย่างลงตัวเรากลับบ้านกัน นะ “
“ว่าแต่ โรงแรม ที่แกทำงานอยู่ นี่ เขาขยายไปกี่สาขาแล้วนะ วิ ตั้งแต่แกเข้ามาทำงานที่นี่นะ “
“อือ 4 สาขาแล้วมั้ง ตั้งแต่ ได้ประธานคนใหม่มานะ “
“แกเคยเห็นประธานคนใหม่ของแกไหมวิ “
“ยังไม่เคยเห็น เพราะส่วนมาก ท่านจะอยู่ที่ ต่างประเทศ จะมีก็แต่ คุณ เอกภพ ที่ดูแลเรื่อง ทุกอย่าง แทน นะ จะว่าไป แม้แต่รูปฉันยังไม่เห็นเลยนะ เพราะไม่เห็นจะมีรูปของท่านประธานคนใหม่เลย จริง ๆ”
“คนรวยนะ ชอบทำตัวแปลก ๆ แบบนี้ละ เฮ้อ อิ่ม แล้ว และก็ง่วงมากด้วยตอนนี้ เราไปนอนกันดีกว่า วิ”
“อือ ฉันก็ง่วงเหมือนกัน งั้นไปนอนกันเถอะ และพรุ่งนี้ เราไปซื้อชุดว่ายน้ำสวย ๆ เตรียมไป เที่ยวที่สุราษฎร์ กันดีกว่านะ “
“อือ ก็ได้ เพราะตอนนี้ สมองฉันไม่ค่อยจะทำงานนะ คิดอะไรไม่ออกเลย ไปช๊อปปิ้ง หน่อยก็ดี “
“ อือ ออกไปใช้ เงินที่หามาได้หน่อยเถอะ ไอ้กิ่ง หาความสุขใส่ให้ตัวเองบ้าง “
“อือ รู้แล้วน่ะ ไปนอนเถอะ แกก็รู้จักพักผ่อน บ้างเหมือนกันนั่นละ ไป เถอะ กู้ดไนท์ “
จากนั้นสองสาวต่างก็แยกย้าย เข้าห้องของตัวเอง เพื่อจะนอนพักผ่อน
วันแห่งการเดินทางมาถึง และตอนนี้สองสาวก็กำลังรอขึ้นเครื่องไปที่สุราษฎร์ กิ่งกาญอยู่ในชุด เสื้อ ยืดตัวเล็กเข้ารูป กับกางเกงขาสั้น สีขาว สวมรองเท้าผ้าใบ สีขาวเข้าชุด กัน และหมวกแก็ป สีขาว สรุป วันนี้เธอชุดขาวทั้งตัว ส่วน วิภานั้น กางยีนส์ เข้ารูป สีดำ กับ เสื้อ เชิ้ตเข้ารูป รองเท้า ผ้าใบสีดำ ดูท่าทางทะมัดทะแมง ผมยาวถูกรวบตึงเป็นหางม้า ด้านหลัง คนหนึ่งสวยน่ารัก อีกคน สวยเท่ห์ และทั้งคู่ก็ดึงดูดสายตาจากผู้คนได้เป็นอย่างดี
“เครื่องจะออกแล้ว ไปกันเถอะ วิ ตื่นเต้นแล้ว อยากไปเห็นทะเลแล้วละ ไปกันเถอะ “
กิ่งกาญที่กำลังเจื้อยแจ้ว พูดกับเพื่อน โดยที่เท้าเล็กก็ก้าวถอยหลังไปเรื่อย ๆ โดยไม่ทันได้ระวัง
“เฮ้ย ไอ้กิ่ง ระวัง”
“อะไร “
สิ้นเสียงเตือนจากเพื่อน ร่างบางของเธอก็ต้องชนเข้ากำแพงหนา อย่างแรง ทำให้เธอเกือบจะล้มหงายหลัง แต่ยังดีที่มีวงแขนแกร่ง ยื่นมาโอบเธอไว้ซะก่อน
กิ่งกาญต้อง รีบหันหน้ามามอง กำแพงหนานั่น พร้อมเงยหน้าขึ้นมอง และเธอ ก็ต้อง นิ่งงัน กับคนตรงหน้า ผู้ชายตัวสูงใหญ่ ใบหน้าคมเข้ม ที่มีดวงตาคมดุ คิ้วดกหนา ริมฝีปาก บางเฉียบ นั้น กิ่งกาญได้แต่บอกตัวเองในใจว่า คนอะไร หล่อ เป็นบ้าเลย
และอีกฝ่ายก็ได้แต่มองนิ่งที่สาวน้อยตรงหน้า ในตอนนี้ ดวงตากลมโต จมูกเชิด ปากอวบอิ่ม ผิวขาวราวไข่ปอก ยิ่งปากอวบอิ่ม มันน่าจูบชะมัด แต่เขาคงจะทำอย่างที่ใจคิดไม่ได้ในตอนนี้แน่ ๆ และอีกอย่าง สาวน้อยตรงหน้านี่ ก็ดูเด็กเหลือเกิน ถ้าขืนเขาทำแบบนั้น เขาจะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์เอาได้ เขาจึงได้แต่รีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไปทันที
“นี่หนู เดินระวัง ๆ หน่อยสิ “เสียงเข้มดุเอ่ยตำหนิหญิงสาวเหมือนผู้ใหญ่ตำหนิเด็ก และคำพูดของเขาทำให้ กิ่งกาญต้องขมวดคิ้ว
“อะไรนะ คุณเรียกฉันว่าอะไรนะ “
“ ฉันบอกว่าให้หนู เดินระวัง ๆ หน่อย “ เมื่อกิ่งกาญได้ยินคำพูดของเขาอีกครั้ง ทำให้เธอต้องพ่นลมหายใจออกมา ด้วยความไม่พอใจ นี่จะมาเรียกเธอว่าหนูได้ไง เธอไม่ใช่เด็กน้อย นะ จะได้มาเรียกหนู และเอ่ยเหมือนดุเธอแบบนั้น
“นี่ลุง ปล่อยมือได้แล้วค่ะ ฉันไม่ได้ล้มซะหน่อยค่ะ”
“เอ๊ะ หนู พูดจาให้มันรู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ หน่อย และ ไม่คิดจะขอโทษสักคำหรือไงที่เดินมาชนฉันแบบนี้นะ ฮึ”ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเข้มดุมากกว่าเดิม เมื่อเห็นว่าเธอเรียกเขาว่าลุงซะงั้น เด็กแสบ
“กิ่ง เป็นไงบ้าง แกนี่นะ ทำเป็นเด็ก ไปได้ จะตื่นเต้นอะไร“วิภาเดินมาถึงจุดที่กิ่งกาญยื่นอยู่ แล้วก็เอ่ยถามเพื่อน ด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่สายตาเธอจะมองผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ด้วยสายตา วิบวับ
“เปล่าไม่เป็นไร วิ เราไปกันเถอะ “กิ่งกาญเอ่ยกับเพื่อน ก่อนจะดึงมือ เพื่อนให้เดินตามไปอย่างรวดเร็ว โดย วิภา ไม่ลืมจะหันมามองที่ผู้ชายคนเมื่อสักครู่อีกครั้ง อย่างงง ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นครับนายหัว “เสียงของ ชายหนุ่มอีกคนที่เพิ่งเดินตามหลังชายหนุ่ม เอ่ยถาม
“ไม่มีอะไร ปัน “ เขาเอ่ยบอก พร้อมกับสายตาก็ยังจับจ้องไปที่สาวน้อยเมื่อสักครู่ที่เดินไปก่อนหน้า และดูเหมือนว่าทั้งสองคน จะขึ้น เครื่องไปสุราษฎร์ นั่นทำให้ นายหัวหนุ่มได้แต่ยิ้มในหน้า ถ้าพวกเธอไปที่สุราษฎร์ คงจะได้เจอกัน อีกแน่ ๆ
*************************************