“พ่อใส่ชื่อพ่อของเจ้าเอื้อว่า โอลิเวอร์ เมดิสันไปแล้ว อย่าบอกสิตาให้รู้นะ ไม่อย่างนั้นมันจะอาละวาดพ่อ มันเกลียดผู้ชายคนนั้นมาก แต่เจ้าเอื้อควรได้รับสิทธิ์ตามชาติกำเนิดของแก ไอ้คนเป็นพ่อของมันต้องชดใช้ให้ลูกชายที่มันทำให้เกิดมา”
นายชาญชัยลงชื่อบิดาในใบเกิดของหลานชายตามจริง ด้วยหวังในทรัพย์มหาศาลของตระกูลเมดิสัน ซึ่งจะต้องต้องเป็นของหลานชายในอนาคต โดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้กำลังสร้างปัญหาให้วาสินีด้านสิทธิ์ในการเลี้ยงดูน้องเอื้อ
“เวลาแม่งอนถ้าจะให้หาย พ่อต้องกอดแม่แน่นๆ แล้วก็หอมแก้มแรงๆ ทั้งสองแก้ม ทำแบบนั้นแม่จะหายงอนเลยครับ เชื่อเอื้อสิครับพ่อ”
เจ้าตัวแสบแนะนำเคล็ดลับการง้อ ให้ผู้เป็นพ่อลองทำดู แกรู้ดีว่าต่อให้โกรธแค่ไหน แม่ก็ใจอ่อนทุกครั้งที่ถูกลูกกอดและหอม วิธีนี้น่าจะได้ผลหากคนเป็นพ่อนำไปใช้
โอลิเวอร์รับฟังเคล็ดลับของลูกชายแล้วแอบขำ เจ้าตัวน้อยคงคิดตามประสาเด็กว่าทำแบบนี้แล้วแม่จะหายงอนพ่อ ซึ่งความจริงแล้วมันคงไม่ได้ผลเลยต่างหาก เขาจำต้องวางร่างเล็กของลูกชายลงบนพื้น ก้มลงกระซิบบอกแกว่า
“น้องเอื้อไปเล่นข้างนอกก่อนนะลูก ขอเวลาพ่อง้อแม่ก่อนนะ ถ้าลูกอยู่ด้วยแม่จะไม่ยอมให้พ่อง้อ” เขาแสร้งบอกลูกชาย
เอื้อพยักหน้ารับฟัง และทำตามที่พ่อของแกบอกอย่างว่าง่าย ร่างน้อยวิ่งตื๋อออกไปจากบ้านแถมปิดประตูเรียบร้อย เจ้าตัวแสบไม่ได้ไปไหนไกลแต่แอบวิ่งย้อนมาแอบดูฉากง้องอนของผู้ให้กำเนิดอยู่ข้างหน้าต่างอีกฟากของบ้าน
“น้องเอื้อไปไหนลูก”
วาสินีเรียกลูกชายไม่ทันเจ้าตัวน้อยวิ่งออกไปพ้นประตูแล้ว ร่างบางขยับตัวจะเดินไปตามหาลูกชาย แต่ถูกมือหนาจับข้อมือรั้งไว้ก่อน หญิงสาวสะดุ้งโหยงด้วยไม่เคยสนิทสนมกับเพศตรงข้ามแบบใกล้ชิดอย่างนี้มาก่อน มือน้อยสะบัดเต็มแรงจนหลุดออกแล้วถอยหลังกรูดมาอีกฟากห้องด้วยความตกใจ
ปฏิกิริยานั้นทำให้โอลิเวอร์วูบในใจ ความรู้สึกผิดแล่นวาบเข้ามาในอก เขาเคยทำร้ายเธอเคยทำตัวไม่ต่างจากซาตานร้ายขืนใจเธอด้วยความบ้าคลั่ง แววตาตื่นกลัวของเธอบาดใจเขานัก เขารู้ตัวว่าผิดแต่ไม่มีปัญญากลับไปแก้ไขอดีตที่ผ่านมาได้
“กลัวอะไรผมนักหนาสิตา ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก แค่อยากตกลงเรื่องลูก” เขาบอกเธอเสียงอ่อนลง ขณะเดินมานั่งที่โซฟายาวกลางห้อง ผายมือให้เธอนั่งลง “นั่งสิ เราจะต้องคุยกันยาว ถ้าคุณไม่เมื่อยจะยืนอยู่ตรงนั้นก็ได้นะ”
วาสินีมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างชั่งใจ สิ่งที่เขาทำกับสิตาภาทำให้เธอรู้สึกระแวงผู้ชายคนนี้ เขาหล่อมากราวกับเทพบุตร แต่ใช่ว่าเขาจะไม่ร้ายกาจ คนเรามองหน้าไม่รู้ใจ
“ฉันจะนั่งคุยกับคุณก็ได้” ร่างบางค่อยๆเดินอ้อมมานั่งเก้าอี้ด้านข้าง
ท่าทางเหมือนหนูกลัวแมวของเธอทำให้โอลิเวอร์สะท้อนใจ สิตาภาในอดีตไม่ใช่ผู้หญิงนุ่มนิ่มขี้กลัวแบบนี้ แผลจากการกระทำไร้สติของเขา ทำให้เธอกลายเป็นคนแบบนี้เชียวหรือ คมแส้แห่งความสำนึกผิดโบยตีเขาอีกหน
“น้องเอื้อเป็นลูกของเรา” เขามองหน้าเธออย่างคาดคั้น คำตอบที่แม้จะรู้แล้วแต่ต้องการคำยืนยัน
“ใช่ น้องเอื้อเป็นลูกของคุณ”
วาสินีไม่อาจรวมตัวเธอ เขา และลูกชาย เป็นเราได้ เมื่อความจริงเธอเป็นแค่น้าของน้องเอื้อเท่านั้น
ดวงตาสีฟ้าสดวาบขึ้นมาเมื่อได้รับคำยืนยัน “ผมต้องการดูแลลูกของผม” เขามองหน้าเธอ สบตาคู่สวยที่ยังคงทำให้คนมองหัวใจไหวหวั่นได้เสมอ
“คุณก็มาหาแกได้ ฉันอนุญาต” วาสินีหลุบตาหลบสายตาคมของเขาอย่างประหม่า ผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์ในตัวแบบที่แทบไม่ต้องทำอะไร แค่สบตาก็พาลใจสั่นแทบเข่าอ่อนได้
“ผมหมายถึง ผมต้องการดูแล เลี้ยงดูแกในฐานะพ่ออย่างเต็มตัว” เขาข่มความไม่พอใจไว้ เมื่อได้ยินคำพูดนั้น
วาสินีเงยหน้าขึ้นมองคนพูด แข็งใจสู้ตาเขา “น้องเอื้อเป็นลูกของคุณก็จริง แต่แกเกิดมาจากการกระทำป่าเถื่อนของคุณ ถ้าแค่อยากรับผิดชอบแกเพราะรู้สึกผิด ฉันไม่ต้องการ” หญิงสาวเสียงแข็งเข้าสู้ หากเธอกลัวเขาเธอจะถูกเขาพรากดวงใจไป
โอลิเวอร์สะอึกเมื่อโดนฟาดกลับด้วยคำพูดย้ำรอยผิดในใจ ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ความคิดในหัววิ่งวนในการหาข้ออ้างดูแลสองแม่ลูก ใจอยากบอกว่าเพราะรักก็ทำไม่ได้เมื่อความรู้สึกเจ็บปวดจากการถูกเธอทำร้ายหัวใจยังคงเป็นค้างคาใจอยู่ ท่าทางของหญิงสาวแข็งกร้าวนัก หากใช้ไม้อ่อนเจ้าตัวก็คงไม่ยอมเหมือนกัน เมื่อแข็งมาเขาก็จะแข็งกลับ เขายินดีเป็นคนเลวในสายตาของเธออีกครั้ง แลกกับการได้ลูกชายกลับคืนอ้อมอก
“ผมต้องการดูแลลูก ถึงแกจะเกิดจากอะไรก็ตาม แต่แกเป็นลูกชายผมเป็นคนในตระกูลเมดิสัน ผมไม่ยอมให้ลูกต้องมาอยู่ตามลำพังแบบนี้ ไม่รู้จักญาติพี่น้องของแกหรอก”
“ฉันเลี้ยงของฉันมาตั้งแต่เกิด จู่ๆ คุณจะมาพรากแกจากอกฉัน ฉันไม่ยอมยกแกให้คุณหรอก” วาสินีกำหมัดแน่น จ้องหน้าคนตัวโตอย่างคนที่พร้อมจะปกป้องหัวใจดวงน้อยของตัวเองสุดกำลัง
โอลิเวอร์แค่นยิ้ม มองท่าทางเหมือนหนูขู่แมวของหญิงสาวแล้วส่ายหน้า สิตาภาเคยร้ายกว่านี้... แต่ก็ดีร้ายน้อยกว่าเดิมเขาจะได้จัดการเธอง่ายหน่อย
“สิตาผมบอกเหรอว่าผมจะพรากลูกไปจากคุณ” เขาจ้องหน้าเธอนิ่ง แววตาของเขาแข็งกร้าวขึ้น “เราจะไปอยู่ด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูกที่ลอนดอน เราจะแต่งงานและจดทะเบียนกัน น้องเอื้อจะเป็นลูกชายของผมโดยมีคุณเป็นแม่ของแกเหมือนเดิม”
ข้อเสนอของเขาทำเอาวาสินีนิ่งเงียบ ครุ่นคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหากเธอรับปากไป
“ถ้าฉันไม่รับปากล่ะคะ”
โอลิเวอร์ยิ้มเย็น เดาได้ว่าเธอต้องตอบมาแบบนี้ “ถ้าคุณไม่รับข้อเสนอของผม คุณก็เตรียมย้ายไปนอนในคุกได้เลย คดีพยายามฆ่าพี่ชายผมเมื่อห้าปีก่อนยังไม่หมดอายุความ ผมสามารถเอาคุณเข้าคุกได้ ในเมื่อแม่ของแกไม่มีความสามารถในการเลี้ยงดูลูกได้เพราะติดคุก พ่ออย่างผมก็สามารถรับแกไปเลี้ยงดูแทน ถึงเวลานั้นลูกก็จะเป็นของผมโดยคุณไม่มีปัญญามาขวางอีก หึ หึ”
วาสินีใจหายวาบลืมคิดถึงข้อนี้ เขาช่างร้ายกาจนักจะแจ้งตำรวจจับแม่ของลูกเพื่อแย่งสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูก สิ่งที่เขาอ้างมันมีทางทำได้ เธอไม่ได้กลัวถูกจับเพราะไม่ได้ทำผิดกฏหมาย แต่หากต้องพิสูจน์ความจริงขึ้นมาเขาต้องรู้ว่าเธอไม่ใช่แม่ของน้องเอื้อ มันยิ่งง่ายที่เขาจะใช้สิทธิ์ในฐานะพ่อเอาตัวน้องเอื้อไปดูแล หญิงสาวเริ่มคิดไม่ตกหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ เธอไม่อยากเสียน้องเอื้อให้เขาไปเพราะรับปากกับสิตาภาไว้แล้วว่าจะดูแลน้องเอื้อแทนพี่สาวฝาแฝด ซึ่งเธอตั้งใจไว้ว่าจะดูแลน้องเอื้อไปตลอดชีวิต หากตอนนี้โอลิเวอร์มาทวงสิทธิ์ของเขาแล้ว
“คุณมันร้ายนัก... บีบบังคับให้ฉันไม่มีทางเลือก” เธอด่าว่าเขาด้วยความแค้นใจ
“ผมจะไม่ร้าย ถ้าคุณยอมทำตามที่ผมต้องการ” โอลิเวอร์กดยิ้มพอใจ เมื่อเห็นท่าทางของเธอ “พรุ่งนี้เราจะจัดงานแต่งงานและจดทะเบียนกันที่นี่ หลังจากนั้นเราจะบินกลับไปอังกฤษด้วยกัน”
“อะไรนะคะ ทำไมไม่ให้เวลาฉันคิดบ้าง” วาสินีรีบท้วง ตกใจที่เขาจะแต่งงานกับเธอเร็วแบบนั้น
“ให้เวลาคุณหอบลูกหนีผมไปน่ะเหรอสิตา ผมไม่โง่แบบนั้นหรอกน่า”
โอลิเวอร์ยิ้มอย่างรู้ทันเธอ เขามองใบหน้าซีดของอีกฝ่ายแล้วอดเวทนาไม่ได้ แต่ก็แข็งใจไม่ยอมใจอ่อนกับเธออีก สิตาภาเจ้าเล่ห์มารยามากมายนัก ในอดีตเธอเคยปั่นหัวเขาจนกลายเป็นคนโง่มาแล้ว จากนี้ไปเขาไม่ยอมให้เธอทำแบบนั้นอีก คนเราโง่หนสองหนก็เกินพอแล้ว อย่าให้ใครมาทำให้โง่ซ้ำซากจนเขางอกเต็มหัวอีกเลย